ได้บังเอิญเจอแฟนเก่าคนเดิม ที่เคย ตั้งกระทู้เมื่อปีกว่าๆที่แล้ว คราวนี้ที่คอนเสิร์ต

              จากกระทู้เก่า https://ppantip.com/topic/36773608  ที่เคยตั้งเมื่อปีกว่าๆที่ผ่านมา ที่ได้ ไปกินข้าวกับแฟนเก่า ที่เลิกกันไป2ปี ตอนนี้ถ้านับเวลาก็เลิกกันน่าจะ4ปีละมั้ง จะย้อนความเก่าก่อนนิดนึงละกัน ว่าเรากับแฟนเก่าอยู่หมู่บ้านเดียวกัน การบังเอิญเจอกันสามารถเกิดขึ้นได้เป็นระยะ ในส่วนของเจอยิบย่อย เดินผ่านขับรถผ่านเราจะข้ามไปละกัน เอาเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญและคิดว่า น่าจดจำ(ในมุมของเราละกัน เพราะะเขาอาจจะไม่ได้อยากจะจำขนาดนั้นก็เป็นได้)

             เท้าความอีกนิด จนถึงตอนนี้เราก็ยังคงโสด อายุก็ปาเข้าไป อีกนิดก็จะจะแตะ เลข3แล้ว ไม่ใช่ไม่มีใครเข้ามานะ คนเข้ามาตลอดเลย เข้ามาเต็มไปหมดเลย แต่เป็นได้แค่คนคุยเท่านั้น และสักพักก็เลิกคุยกันไปจบกันไป ผ่านมาผ่านไป ไม่มีใครน่าจดจำ 3เดือน 4 เดือน 5 เดือน ไม่มีใครเกินนี้ และยังไม่ได้ใช้คำว่าแฟนกับใคร หลังจาก เขา (ขอนามสมมุติเดิมละกัน ต้นสน)  คิดสะว่า กระทู้นี้เป็นบันทึกอีกหน้านึงที่เป็นความทรนงจำของเราและเขาก็แล้วกันเนาะ บ่นๆไป พิมๆไป อาจจะไร้สาระบ้าง อาจจะพิมเหมือนพูดกับตัวเองบ้าง หรือพิมเหมือนเล่าเรื่องบ้าง หรือพิมเหมือนคุยกับแม่ซื้อบ้าง อย่าถือสาเลยนะ นี้ก็ 4 ปีละอ่ะเนาะไวเหมือนกัน เราเห็นเธอมีแฟนใหม่เปลี่ยนมา 2คนละนะต้นสน ก็แอบติดตามอยู่ตลอดแหละเอาจริงๆ 

           จากวันนั้นที่เราได้ไปกินข้าวด้วยกัน เราไม่มีโอกาสที่จะได้เจอเขาแบบจริงจังอีกเลย มีบังเอิญขับรถผ่านกันบ้าง เจอกันที่เซเว่นบ้าง แค่นั้น ไม่ได้ทักทาย ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆแล้วก็เดินกันไปคนละทาง  เขามีทักไลน์เรามาบ้างนะ ถามว่าเป็นไง สบายดีมั้ย ทั่วไป มีอยู่ช่วงนึง เหมือนเค้ารู้สึกว่าอยากกลับมา เพราะเขาโสดแล้ว หลังจากเลิกกับ ผู้หญิงคนที่คบต่อจากเรา แต่เขาน่าจะแค่เหงาและอยากได้รับคำปรึกษาแหละ ซึ่งเราบังเอิญ ตอบไปแบบให้คำปรึกษา จริงๆแค่อยากอัพเดทชีวิตเขาแหละ ว่าเป็นยังไงบ้าง แต่คุยกันแบบเพื่อนเลยนะ เพื่อนจริงๆ เราก็มีระยะของเราเหมือนกัน ไม่เคยคิดจะล้ำเส้น เค้าก็เวิ้นเว้ออยากกลับมาคบเป็นพักๆนะ แต่เราไม่ถือสา เข้าใจว่าเค้าคงแค่เหงา แค่นั้น และคงแอบเคยตัวนิดนึงแหละ ว่าหันมาก็เจอเราเหมือนเดิม เลยหยอดๆทิ้งๆขว้างๆไว้ เราก็ดึงตัวเองไว้เหมือนกัน เพราะ เขาดูก้าวหน้าไปเรื่อยๆ จากที่ขับรถอีโค่คาร์ปกติ ก็ยกระดับเป็น ซีวิคตัวใหม่ตัวท้อป ได้เป็นโค้ชและครูสอนกีฬา ตามที่เค้าอยากทำ เงินเดือนน่าจะเฉียดๆแสนไปแล้ว เขาได้ทำตามฝันได้พัฒนาตัวเอง เราแอบมีความสุขที่ได้แอบดูชีวิตเขาก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ   และ  ภาพตัดมาที่เรา  ทำงานตัวเป็นเกรียวหัวเป็นน็อต หาเงินช่วยพ่อผ่อนบ้าน เงินเดือน ก็เดือนชนเดือน ต๊อกต๋อย เหมือนเดิม ขึ้นรถเมล์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือรถไฟปู๊นๆ ขับรถได้ แต่ก็ต้องรอเก็บสเต็จเม้น เก็บเงินดาวน์รถคันแรก รอ รอ รอ รอ กว่าจะได้ขับเจ้าตัวน้อยคันแรกที่เก็บเงินมานานมาก ก็อยากจะบอกเหมือนกันว่าวันนี้เราอยู่ในจุดที่คิดว่าคู่ควรกับเธอขึ้นมาบ้างแล้วหรือยัง แต่เราก็ยัง ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เวลาก็ไม่ค่อยมี ดราม่าทำไมมมมมมม กลับมาเข้าเรื่อง

      ก็นั้นแหละ ที่เรารู้สึกไม่อยากกลับไป เพราะ เราเห็นถึงระยะห่างของเรากับเขาไปเรื่อยๆ สิ่งที่ไม่ห่างเลย คือ ระยะทางของบ้านเรา ที่ก็ตั้งอยู่ที่เดิม เดินผ่านซอยบ้านเขาเหมือนเดิมทุกวัน เขาก็มาเป็นพักๆ เพ้อถึงเราเป็นพักๆ พอสักพักก็ไปจีบคนใหม่ เปิดตัวแฟนใหม่ ซึ่งล่าสุด เราอันฟอโล่ ig เขาไป และ เอา fav ใน fb ออก และ อันฟอล ในเฟสเช่นกัน แต่ไม่ได้ลบเพื่อนนะ จากใจนะ ไม่อยากเห็นเค้าแสดงความรักกับผู้หญิงคนใหม่อ่ะ ทั้งๆที่แบบ 2อาทิตย์ที่แล้วยังพูดกับเราว่า อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม จากใจนะ ก็อิจฉาผู้หญิงพวกนั้นแหละ ที่ดูเหมาะสมกับเขาซะเหลือเกิน ทั้งหน้าตา และฐานะ หน้าที่การงานต่างๆ แอบนอย เลยอันฟอลไปซะเลย หมั่นไส้

     4ย่อหน้าละ ยังมีแต่น้ำ ยังคงไม่เข้าเรื่องงงงงงงงงงงงงงง เค เข้าเรื่องละ หลังจากที่เราอันฟอลไป เค้าก็คงโกรธๆงอนๆเรามั้งที่เราทำแบบนั้น ก็ไม่ทักมาอีกเลย อาจจะประจวบเหมาะกับที่นางจะจีบคนใหม่ด้วยมั้งเลย ignore เราไป แต่มีอยู่วันนึง บังเอิญเราแชร์ โปสเตอร์คนเสิร์ต ศิลปินจากอังกฤษคนนึง ซึ่งเราตั้งมั่นว่า เราจะต้องซื้อตั๋วให้ทันให้ได้ และต้องไปดูสักครั้งในชีวิต ซึ่งบัตรแพงใช้ได้เลย ดีนะที่ เก็บตังไว้ก้อนนึงพอดี ผลปรากฎ ว่า เขามาแชร์โพสต่อจากเรา และเขียนแคปชั่นว่า จะไปให้ได้ ก็คือเขาก็ชอบนักร้องคนนี้เหมือนกัน เอาจริงๆในใจแอบดีใจแหละ เราจองตั๋วล่วงหน้า 3-4 เดือน เลย กลัวกดบัตรไม่ทัน และหลังจากวันนั้น ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับเค้านะ ต่างคนต่างใช้ชีวิตไปเรื่อย จนก่อนหน้าวันคอนเสิร์ต 1 วัน เราก็แชร์โพสปกติอ่ะ แบบแชร์แผนที่ทางเข้าคอนเสิร์ต แชร์ โปสเตอร์ กฎต่างๆ คือคนมันก็ตื่นเต้นอ่ะเนาะ ต้องบอกก่อนว่า ตั้งแต่อันฟอล ig และ fb เค้าไป เราแทบไม่ได้รับรู้ข่าวของเขาเลย จนวันนั้นแหละ 

เขาทักไลน์มาตอนเช้าของวันคอนเสิร์ต (นี่เราไปก้อปมาจากในไลน์เลยนะ เดี๋ยวมีคนหาว่าเติมเรื่อง แต่ขอไม่แคปละกัน แคปทีไร เรื่องถึงเค้าทุกที 5555)
เขา :
08:39  Morning
08:39  วันนี้ไปคอนกี่โมง ไปด้วยกันป่าว
08:39  เห็นในเฟสว่าจะไป

เรา : 08:40  ไม่ดีกว่า ขอบคุณค่าาาา
เขา : 08:41  ไมอ่ะะะะ ทางเดียวกันไปด้วยกัน น้ำมันไม่เปลือง
เรา : 08:43  ไม่
เขา : 08:44  แล้วXXจะไปยังไง
เรา : 08:44 มีรถไปเยอะแยะ
เขา : 08:47 งั้นเจอกันที่สนามนะ ถึงละเดี๋ยวโทรหา
เขา :08:47  เคนะ ตามนั้น
เรา : 08:48  จะไปดูคนเดียว ไม่ได้จะนัดใคร เคนะ
เขา :08:49  ก็จะไปคนเดียวไง เจอกันที่นั่นไง งงอะไร ตามนั้นนนนน
เรา :08:50  XXอ่ะ งง อะไร
เขา :08:53  ก็ยังใจร้ายเหมือนเดิมนะ เราอ่ะ แข็งจริง!!!!

และเราก็อ่านไม่ตอบไป เหมือนทุกครั้ง อิอิ ไม่ได้อยากทำนะ แต่ไม่อยากต่อบทสนทนาให้ยืดยาว เพราะคนที่ต้องมานั่งคิดถึงวันเก่าๆอ่ะ มีแค่เราตลอด เราไม่อยากจม เหมือนที่ผ่านมา 

ด้วยความที่เราตื่นเต้นจัดและรีบจัด เราถึงงานตั้งแต่บ่าย3 เพื่อไปแลกบัตรเป็นบัตรแข็ง กลัวคิวยาว นั่งร้อนแดดเผาอยู่หน้าทางเข้า และบังเอิญเห็นเพื่อนสมัยมัธยมลงเฟสว่ามางานนี้ด้วย เราจึงโทรหาเพื่อน เพราะไม่อยากอยู่คนเดียวแล้วเดินไปหากลุ่มเพื่อนมัธยม และจังหวะซิทคอมก็เกิดขึ้นจริงๆ เหลือบตาไปมองเห็นเค้า มากับกลุ่มเพื่อนนักกีฬา พอดี เค้าหันมาเจอเราพอดี แต่เราก็ทำเป็นไม่เห็นนะ คุยเล่นกับเพื่อนปกติ ถ่ายรูปเล่นอยู่หน้างาน พอแดดเริ่มหาย เราเลยตัดสินใจเดินเข้าไปในงาน แต่มองหาไม่เห็นเขาแล้วนะ ให้เดา เขาน่าจะซื้อบัตรแบบแพงแหละ ที่นั่งบอัฒจันทร์ ส่วนเราบัตรยืนจ้า หน้าเวที เอาจริงแค่บัตรยืนก็แพงละ สำหรับเรา ตอนนั้นก็ไม่ได้หวังว่ามาเจอมาทักอะไรกันแล้วนะ  เราก็หาที่นั่งปิกนิคระหว่างรอ คอนเสิร์ตเริ่ม ก็จับจองที่นั่งกันตามอธยาศัย นั่งเม้ามอยกับเพื่อนอยู่ สักพักเหลือบไปเห็นเค้ายืนอยู่แล้วมองมาที่เรา แล้วพยายามกวักมือเรียกเราให้เดินไปหา  เราก็รู้สึกแบบใจเต้นนะ ก็เลยบอกเพื่อนว่า เดี๋ยวไปซื้อน้ำแปปนึง

พอเดินไปทางซุ้มขายน้ำ เค้ารีบวิ่งมาหาเรา แล้วก็พูดกับเรา 

เขา : แหมมมมมมมม ไม่ทักเลย
เรา: นี่ก็เดินออกมาให้ทักแล้วไง จะเอาอะไรรรรร 

คือฟีลการคุยกันจะเป็นทำนองเพื่อนกัน หมาหยอกไก่ กวนๆกันแบบนี้อยู่แล้วนะ ต้องบอกก่อน ไม่ใช่จะไปยั่วโมโหอะไร เผื่อคนเพิ่งมาอ่านอาจไม่เข้าใจ

เขา: งั้นเดี๋ยวป๋าเลี้ยงน้ำเองนะจ๊ะ 
เรา: อือออ ได้ อยากเลี้ยงก็เลี้ยง เอาไปเผื่อเพื่อนด้วยนะ ได้ป่ะ ตังค์เยอะหนิใช่ป่ะ 
เขา: ได้ดิ ไม่มีปัญหา
เรา: จ้าาาาาาาป๋า 
เขา: เพื่อนมากันเป็นคู่เลยหนิ แล้วเธอมาคนเดียวเนี่ย ภาระเพื่อนจริงๆเลยนะ
เรา: ยุ่งงงงงงงงหน่า
เขา: มายื่นกับเรามั้ย 
เรา: ไม่อ่ะ อึดอัด ไม่รู้จักใคร 
เขา: เธอรู้จักตั้งสองสามคนที่เมื่อก่อนเธอไปเฝ้าเราซ้อมไง เด็กๆพวกนี้ก็รู้จักเธอ
เรา: แล้วคนที่ไม่รู้จักเราอ่ะ เธอจะแนะนำว่าไง (เอาจริงป่ะ แอบเห็นมีฝรั่งด้วย จากใจคือเพื่อนเค้าน่ากินนนนนนนมว๊ากกกกกกก สูงๆล่ำๆ สเป้คเจ๊เลย)
เขา: This is my Ex 
เรา: งั้นไม่เข้าไปละ เสียเครดิตหมด โว๊ะ
เขา: เล็งเพื่อน Gru ไว้ล่ะสิ Gru รู้นะะะะะะ
เรา: อ้าววววววว ก็โสดเด้อออออออ 
เขา: ไม่ได้ หวงงงงงงงงงงงงง
เรา: อย่าเยอะ ไปหาเพื่อนละ ขอบคุณสำหรับน้ำ
เขา: จะกลับยังไง 
เรา: อ่อ กลับกะเพื่อนดิ
เขา: ก็กลับด้วยกันดิ บ้านทางเดียวกันอยู่แล้ว เดี๋ยวโทรหาละกัน
เรา: ยังเมมเบอร์ไว้อีกอ่อ
เขา: เมมดิ ไว้งานเลิกโทรหานะ รับสายด้วย
เรา : อือ

ระหว่างคอนเสิร์ตมีแอบคิดเหมือนกัน แบบมโนนิดนึงอ่ะ มันจะมีเพลงนึงที่เพราะและซึ๊งมากเกี่ยวกับคนรัก ถ้าแบบยังคบกันอยู่คงเค้าคงยืนกอดเราจากด้านหลังอยู่ แล้วร้องเพลงไปพร้อมกันอ่ะ ความหมายเพลงมันได้มากเลย ภาพตัดไปที่ความจริง ฉันยื่นชูโทรศัพท์ถ่ายวีดีโอด้วยความเดียวดายเวอร์ !!!! เพราะเพื่อนมากันเป็นคู่ ยืนจับมือแฟน ลำไยยยยยยย เหม็นฟามรัก  พอถึงเพลงที่เต้น ฉันก็เต้นคนเดี๋ยวแบบอินเนอร์มาสุด เพื่อนก็ไม่เต้น เราก็มันอยู่คนเดียวเลย คอนเสิร์ตเลิก แอบผิดหวังนดนึง เพราะเรารอเพลงเพลงนึง expect ว่านักร้องต้องร้องแน่ๆ สุดท้ายเค้าก็ไม่ร้องให้ฉันฟังงงงงง นอยยยยมาก ความหมายเพลงนั้น ประมาณว่า ฉันเห็นเธอมีความสุขมากกว่ากับคนใหม่ แต่ฉันยังคงรักเธอเหมือนเดิม ประมาณนั้น ซึ่งตรงกับชีวิตมากกกกกกกกกกกกกก มโนอีกละ แต่ยอมรับ เพลงนี้ได้ยินครั้งแรก ร้องไห้เลยอ่ะ เป็นคนอินง่ายอ่ะ จริงๆ

เคไม่ร้องให้เรา เรากลับ เปล่าหรอกงานจบละ คนทะลักออกพร้อมกันเป็นหนอนเลย คนเป็นหมื่น ทุกทั่วสารทิศ เราเลยถึงเพื่อนว่ากลับไง สองคนแรกกลับไปก่อนละ เหลืออีก2 คน เพื่อนตอบว่า อ่อ มรรรึงง พวกGru ขับมอไซมาเพราะกลัวรถติดอ่ะ กลับบ้านดีดีนะ

อ่ะได้ กลับเองก็ได้ แต่แบบแท็กซี่บวกราคา มอไซค์ต่อคิวยาวมาก Grab เท่านั้นนนนนนนนนนนนเลยจุดนั้น กำลังเดินแบบเดินไปเรื่อยๆอ่ะ คิดวิธีหารถกลับบ้านอยู่ เวลานั้นก็ประมาณ 5ทุ่มกว่า กะว่าจะนั่งมอไซค์และ แท็กซี่รถติดตายเลยกว่าจะออกจากตรงนั้นได้ 

ระหว่างที่เดินอยู่ โทรศัพท์ก็เข้า ก็จะมีใคร๊ ก็เขานั่นแหละ แฟนเก่าเรา คนนั้นแหละค่ะคุณผู้ชม
เขา: อยู่ไหนอ่ะ กลับยัง
เรา: อ่อ เนี่ยออกมาแล้ว กำลังกลับกะเพื่อนเนี่ย
เขา: แน่ใจนะ
เรา: เอ้อ กำลังจะขึ้นรถ
เขา: แกโกหก 
เรา: โกหกอะไรวะ กำลังกลับ
เขา: หันมา ข้างหลัง 
เรา: อ้าว แหะๆ ยังไม่กลับอีกเหรอจ๊ะ 
เขา: Gruuuเดินตาม เมริงงงง มาสักพักละ อยากรอดูว่าจะแถมั้ย ก็แถจริงๆด้วย
เรา: ก็เกรงใจ
เขา: ก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้ว อย่าลีลา มานี่เลย 

moment นรกเกิดขึ้น เมื่อเขาเดินมาจับแขนแล้วพาเดินไปที่ลาดจอดรถ แบบใจเต้นแรงมากกกกกกก เลยดึงแขนออกทำเป็นหานู้นนั้นนี่ในกระเป๋า

เขา: เขินเหรอ 
เรา: นิดนึงแหละ จะว่าไม่ก็โกหกอ่ะเนาะ
เขา: ป่ะกลับบ้าน

ระหว่างอยู่บนรถก็พยายามหาเรื่องคุยกันเพื่อไม่ให้ดูเงียบและอึดอัด เช่นเรื่องคอนเสิร์ต บลาๆ ก็เอนจอยดีนะ คุยเรื่องที่มันไม่ใช่เรื่องเก่าของเราอ่ะ สักพัก ก็เริ่มอึดอัด ไม่ใช่เพราะบทสนทนานะ แต่เพราะเสื้อในและฟองน้ำที่ยัดไป 3 ชั้นนี้แหละ เลยหันไปบอกเขาว่า ขอถอดฟองน้ำนะ นางหันมามองหน้าแล้วขำ 

เรา : ขอถอดฟองน้ำนะ (พร้อมกับควักก้อนซ้ายออกมาก่อนหนึ่งข้าง)
เขา: เอาเลยตามสบายจ้า (นางขำเราไม่หยุดเลย)
เรา: อย่าตกใจนะ วันนี้ยัดมา 3 ชั้น อิอิ
เขา: ตลกใหญ่ละนะ เธอจะยัดอะไรขนาดนั้นวะ บ้าว่ะ จะไปอ่อยใคร
เรา: โห่ ฝรั่งพรึ่บเลย นี่กะไปเต้นถูๆเขาไง เผื่อจะเป็นสายฝอกับเขาบ้างไง (ก็ตั้งใจพูดแบบนั้นไปเพื่อยั่วให้เค้าหวงแหละเอาจริงๆ ร้ายเนาะ แต่ก็ตั้งใจไปอ่อยฝรั่งจริงๆอีกนั่นแหละ ไม่มีข้อเถียง อิอิ)

เขา: ถ้าตอนนี้เราเป็นแฟนกันอยู่นะ ตบหัวหลุดแน่ ดูทำตัวดิ๊ ทำไมเป็นแบบนี้ไปแล้วอ่ะ ห๊ะ
เรา: ก็แซวเล่น ก็แค่ใส่ฟองน้ำให้ใส่เสื้อแล้วดูสวยขึ้นแค่นั้นแหละ ไม่ได้จะอะไรเยอะ 
เขา: ไม่มีก็ยอมรับว่าไม่มีดิ โถ่เอ้ย เห็นก็เห็นมาหมดละป่ะ
เรา: คนอื่นเค้ายังไม่เห็นป่ะ อย่าทำมารู้ดี 
เขา: ถ้าเรายังคบกันนะ แล้วเธอทำแบบนี้นะ เมริงงง ตายแน่ Gruu ไม่ปล่อยไว้แน่ 
เรา: ขอแกะอีกชั้นนึงนะ (พูดแล้วเอามือล้วงไปปลดตะขอหลังของ เสื้อในอีก1ชั้น)
เขา: คุณพระ ยังไม่หมดอีก วันหลังไม่เอาแล้วนะ ยัดแบบนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่