O ผู้เหนือโลก .. O


อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

O พิศภาคะหลากพรรณ - - - อภินันทะรำบาย
พันลอกและดอกลาย - - - กละร่ายระรัวรอ
O กลีบช่อลออชู - - - รสะภู่ ฤ รู้พอ
กลีบโง้งและโก่งงอ - - - ดุจะล่อจะให้หลง

O กลิ่นหวนและล้วนหอม - - - ขณะล้อม ฤ ล้างลง
กรุ่นดินและกลิ่นดง - - - รสะสงเคราะห์ยามสาย
O แดดทอดตลอดถิ่น - - - ภุมรินะร่อนราย
ส่องเช้าสุรีย์ฉาย - - - มรรคะปลายจะปลอดปรุง

O แว่วสรรพสุโนกซ้อง - - - พิเราะร้องจะอำรุง
เมียงหมายกระจายมุง - - - นิระมุ่งจะเป็นภัย
O หวีดหวิวละลิ่ววน - - - วตะบนสะบัดใบ
กิ่งแกว่งเพราะแรงไกว - - - วตะไล้แตะแล้วลา

O มาลย์ลิ่วและปลิวล่วง - - - ดุจะบวงพระบาทา
ลาดสู่พระผู้สา- - - - มัญะฝ่ากิเลศฝืน
O บาทเธียระเพียรธรรม - - - ระยะกรรมจะกลบกลืน
ล่วงคล้อยเพราะคอยขืน - - - บทะตื่น ณ ในตน

O รอบาทะลาดใบ - - - ขณะไท้ บ่ รอทน
ทุกข์ผ่านจะลาญผล - - - อัตะวนจะป่นวาย
O ลมวู่พบูวี - - - ปฐพีก็พร่างพราย-
ด้วยรัศมีฉาย - - - รพิป้าย ณ หนหาว

O เงาภาพกระหนาบพื้น - - - บทะยื่นน่ะยืดยาว
ทุกข์ฤทธิพิษร้าว - - - จะละน้าว บ จำนน
O เมื่อร้อนนะผ่อนแรง - - - ทิฐิแปร่งก็ผ่อนปรน
จิตไท้ก็ไม่ทน - - - อัตะตนก็ปลิดปลง
.
.

O งดงาม ณ ยามชุติวิพุธ
บริสุทธิดำรง
บรรสาระศานติและณรงค์-
ทุขะสงเคราะห์สิ้นสาย

O งามเด่นผิว์เพ็ญศศิพิลาส
รุจะสาดและกำจาย
โลมฟ้าและพานิละสลาย
นยะหมายจะเปรียบเหมือน

O บรรโลมโพยมบทะจรัส
บริพัตรเพราะดาวเดือน
อกเอ๋ยเพราะเชยนยะสะเทื้อน
ฤจะเคลื่อนจะคลายสูญ

O ช่วงนั้นถวัลยะพิสิฏ
เพาะจริตะจำรูญ
หล่อหลอมถนอมพฤติวิทูร
ละอดูระหักหาย

O ท่ามกลางพยางคะบริภาษ
วิปลาสะกำจาย
แซ่ศัพทะรับมติภิปราย
มุหะร่ายและร้อยเรียง

O "เขาว่า"..เพราะว่าผิวะสดับ
เสนาะศัพทะสำเนียง
ปานว่าจะพาทิพยะเสียง
ประลุเคียงประคองขวัญ

O "ยินว่า"..เพราะว่าคติวิจิตร
ผิวะคิดก็คมครัน
จึงว่าเพราะกว่าอรรถะสวรรค์
ระบุคันถะขวนขวาย

O ยากแต่จะแปรศิระชะเง้อ
ผิวะเพ้อเพราะบรรยาย
ยากเข็ญจะเร้นอัตะสยาย
ธิระผ้ายและเพียรเผย

O เกินกาลจะผ่านอริยะวาท
อธิชาติชมเชย
ล่วงถิ่นมุนินทระจะเผย
สัจะเกยมโนกรรม

O จึงภาษประหลาดระบุระบือ
มุหะถือผิว์คือธรรม
จึงพาละผ่านบทะกลัม-
พระซ้ำกระหน่ำเสริม

O อักโขมโนทัศนะอ้าง
นยะต่างสิแต่งเติม
ผ่านวาทะปราชญะกระเหิม
ประจุเพิ่มและเพียรขาย

O ดั่งโลมและโหมวตะสะบัด
ชะธวัชะปลิวปลาย
อวดอยู่ก็ภูษิตะสยาย
สิละม้ายจะง่ายเห็น

O เฉดรงคะบ่งรัฐะประจักษ์
บริรักษะร่มเย็น
บอกผู้ศัตรูสุขุมะเพ็ญ
ผิวะเร้นจะรุกราน

O ลมฤทธิ์อวิชช์ผิวะกระชั้น
ฤจะทันจะทัดทาน
เห็นแต่จะแปรมุหะผสาน
อวตาระรูปหลง

O มิจฉาประดาขณะกระหวัด
ดละวัฏฏะหมุนวง
ฤๅรู้จะสู่อัตะณรงค์
พระประสงคะสืบสอน?

O อวดอยู่ก็ภูษิตะประหลาด
วิปลาสะอาภรณ์
โลมฤทธิมิจฉะะสะท้อน
ฤ จะผ่อนสะพัดผืน

O หลงศรัทธ์ระบัดทิฐิพิลาป
บุญะบาปะกล้ำกลืน
เว้นผู้เพราะรู้วิชช์จะขืน
ประลุตื่น ณ ในตน

O เศร้านั้นเพราะนันทิวิปลาส
คติทาสะจำนน
สิ้นหวัง ฤ ดั่งอุตริฉล
ทุพพละปล้นธรรม

O งดงามก็ยามทิฐิวิพุธ
บริสุทธิเนื่องนำ
นัยแท้จะแผ่ศักยะล้ำ
สัทะค้ำบ่คลายคลอน

O อัญชลิตพระพุทธน้อม - - - นำใจ
ต่างประทีปชวาลไข - - - ขจ่างเรื้อง
ปลิดป่นมืดหม่นใน - - - สำนึก สิ้นนา
ครวญใคร่หมายปลิดเปลื้อง - - - เท็จถ้อยเดียรถีย์ ฯ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2014&date=26&group=2&gblog=79
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่