เรื่องสั้น เรื่องที่ 3 เริ่มยาวขึ้นๆ ละครับ ^^
เป็นเรื่องของสองสหาย ที่ชีวิตพลิกผัน เกิดจากความมีน้ำใจดีงาม นำไปสู่ความเป็น "โคตรเซียน" ซะงั้น!!
เรื่องราว เป็นอย่างไร เชิญติดตามอ่านครับ
"เปิดเลยๆๆๆ" เสียงเรียกร้องและเร่งเร้าดังอื้ออึงจากแทบทุกคนที่ยืนล้อมรอบชายสองคนไว้ตรงกลาง บนพื้นมีแผ่นกระดาษตีตารางเป็นช่องๆ เขียนตัวเลขบ้าง สัญลักษณ์แบบที่เห็นบนลูกเต๋าบ้าง ข้อความตัวหนังสือบ้างเช่น สูง ต่ำ ใช่แล้ว มันคือแผงไฮโลว์ และสองคนนั่นร่วมกันเป็นเจ้ามือ
หนึ่งในสองชาย ค่อยๆ ขยับมือ เปิดฝากล่องข้าวเหนียวซึ่งเอามาใช้เป็นอุปกรณ์ครอบลูกเต๋า แล้วแง้มทีละน้อยๆ สุดท้ายเปิดผลัวะ อีกคนซึ่งนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ ร้องขานแต้มให้ทุกคนที่ได้ยินด้วยความเซ็งและกวาดเงินบนแผงทั้งหมดทันที อย่างรวดเร็วและชำนาญ!
"หก สี่ เอี่ยว เจ้ามือกินเรียบ !"
นักพนันทั้งหลาย มีทั้งหนุ่มสาวและคนแก่ทำหน้ามุ่ย
"ไรวะ 641 ให้เจ้ามือกิง แทงอะไรก็ไม่ล่าย เก๋าเจ๊ง! ใครตั้งกติกานี้วะ เก็กซิม..." อาแปะคนหนึ่งบ่น
"เอาน่า...มันเป็นกติกาที่ทุกคนยอมรับ เล่นๆ ไปเหอะอาแปะ มันไม่ใช่ออกง่ายๆ หกสี่เอี่ยวเนี่ย" ผมพยายามพูดปลอบใจแก
"ไอ้...ย่า...บ๋อจี๊เลี้ยว อาเม้งอ่า...อั๊วจากลับละ" อาแปะโบกไม้โบกมือวุ่นวายขณะที่พูดกับผมแล้วเดินออกจากวง
ผมชื่อไพโรจน์ครับ แต่อาแปะตั้งชื่อเล่นเป็นภาษาจีนว่า "เม้ง" ซึ่งมีความหมายเหมือนชื่อภาษาไทยให้ ปรากฏว่าพ่อกับแม่ผมชอบ ก็เลยให้ผมใช้ชื่อ "อาเม้ง" มาตั้งแต่เด็กจนถึงเดี๋ยวนี้ ทั้งๆ ที่ครอบครัวผมในระดับชั้นเดียวกับพ่อแม่ หรือปู่ย่าตายายก็ตามที ไม่ได้มีเชื้อจีนเลย ถ้าจะมีก็ต้องสืบสาวไปถึงรุ่นทวดโน่น
วงไฮโลว์นั้นจัดขึ้นที่บ้านคนในหมู่บ้านคนหนึ่งซึ่งจัดงานศพ ผมยืนเล่นไฮโลว์ต่อกับเพื่อนชื่อไอ้เป็กอีกสองสามตาก็เลิก และเดินกลับบ้านกัน ผมชวนไอ้เป็กซื้อเหล้าซื้อกับแกล้มไปกินกันที่บ้านซึ่งเป็นบ้านเช่าที่ผมเพิ่งเข้าอยู่ได้ไม่ถึงอาทิตย์นี้เอง...มันมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้ผมต้องชวนเพื่อนมากินเหล้าด้วยกันและขอร้องให้มันนอนค้างคืนที่บ้านเช่าหลังนี้ด้วย เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง
"ไหนว่ามาซิ มีเรื่องอะไรที่เมิงจะเล่าให้กูฟัง ไอ้เม้ง" ไอ้เป็กถามนำหลังจากเราสองคนดื่มเหล้าโรงยี่ห้อแม่น้ำสายหนึ่งไปประมาณครึ่งกลมแล้ว
"คืองี้...ไอ้เป็ก..." ผมจึงเริ่มเล่าเรื่องว่า ตั้งแต่คืนแรกที่ผมเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ ผมก็ฝันแปลกๆ ฝันเห็นผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งมายืนหันหลังให้และพูดอยู่ประโยคเดียวว่า ช่วยเอาตัวเธอขึ้นมาด้วย จากนั้นเธอก็หายไป และพอถึงตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาก็พบว่าบนพื้นห้องมีเส้นผมยาวตกเรี่ยราด ทั้งๆที่ก่อนนอนผมก็ปัดกวาดบ้านเรียบร้อย
"แล้วตอนที่เมิงยังไม่หลับไม่นอน มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าวะ"
"ผิดปกติ ยังไง ?" ผมย้อนถาม
"ก็แบบ...มีเสียงหมาหอนไหม เสียงดังกุกกักๆ อะไรแปลกๆ ในบ้าน อะไรยังงี้ มีไหม ?"
"ไม่มี ไม่มีเลย ปกติดีทุกอย่าง แต่ความฝันนั่นทำให้กูกลัว และอยากให้เมิงเป็นพยานด้วยถ้าเช้าวันพรุ่งนี้เกิดมีเส้นผมกระจายอยู่บนพื้น!"
"อ๋อ...ได้เลย กูก็ไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้เหมือนกัน น่าสนใจ ตกลง กูจะนอนเป็นเพื่อนเมิงคืนนี้"
"ดี! ขอบใจว่ะ...มาๆ กินต่อๆ"
ผมกับไอ้เป็กกินเหล้ากันจนหมดกลม แล้วจึงพากันเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น ไอ้เป็กตื่นก่อนผมและร้องโวยวาย กระชากตัวผมให้ลุกขึ้นนั่ง "เฮ้ยตื่นโว้ยๆ ไอ้เม้ง!"
ผมงัวเงียลุกขึ้นนั่ง สะบัดหัวทีหนึ่งด้วยความแฮ้งก์แล้วจึงถามมัน "อะไรวะ ตื่นไวจังเลยเมิง"
"เออ..มะ มะ เมิง เมิง ดูพื้นห้อง!" มันพูดด้วยสีหน้าเหยเก และผมเห็นขนแขนมันลุกตั้ง
พอก้มลงมองพื้นห้อง ผมก็ยิ้ม เพราะไม่ผิดไปจากเรื่องที่ผมเล่าให้มันฟังเมื่อคืนนี้
บนพื้น กลาดเกลื่อนไปด้วยเส้นผมยาวของผู้หญิง รอบทั้งเตียงทีเดียว!
หลังจากผมกับไอ้เป็กช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านกันเรียบร้อยแล้ว เราจึงปรึกษากันว่า ต้องให้มีการขุดดินใต้ถุนบ้านหลังนี้ เพื่อหาดูว่าจะมีศพใครถูกฝังอยู่หรือไม่ ซึ่งจำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าของบ้าน ส่วนค่าใช้จ่ายในการขุด ผมกับไอ้เป็กจะช่วยกันออก
เจ้าของบ้านยินยอมให้ผมกับเพื่อนดำเนินการ หลังจากได้ฟังเรื่องราวทุกอย่าง ไม่กี่วันหลังจากนั้น ทีมงานขุดก็มาถึงและเริ่มงานทันที
พวกเขาขุดดินลึกลงไปประมาณเมตรกว่า ก็ได้พบศพหญิงสาวผมยาวคนหนึ่งถูกฝังอยู่จริงๆ ในสภาพเปลือยเปล่า แน่ละทุกคนเข้าใจว่าเธอถูกขืนใจแล้วฆ่าแถมมีผ้ายันต์สะกดวิญญาณปิดหน้าเธอไว้ด้วย
ไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจและปอเต็กตึ๊งก็มาถึง มีการชันสูตรพลิกศพเกิดขึ้นในเวลาต่อมา และตำรวจเริ่มค้นหาเบาะแสเพื่อจับตัวคนร้าย
แต่ยังไม่ทันที่ตำรวจจะคลำเจอเป้าอะไร วันถัดมา มีข่าวการตายอย่างเป็นปริศนาของชายสี่คน คนหนึ่งตั้งตนเป็นหมอผี เป็นอาจารย์ขมังเวทย์เสียด้วย นอนคอหักตายอยู่กลางทางที่จะกลับบ้าน ชายคนที่สองก็ถูกบีบคอจนตายหน้าบ้านตัวเอง ส่วนอีกสองคน ชาวบ้านเล่าว่าเมาและทะเลาะกันเอง ชี้หน้าด่ากันและกันว่าเป็นผีผู้หญิง และชักมีดแทงกันและกันตายทั้งคู่
"เฮ้ย! เมิงนอนเป็นเพื่อนกูอีกสักคืนเถอะว่ะ ไอ้เป็ก!" ผมชวนเพื่อนอีกครั้ง หลังจากได้ฟังข่าว
"เฮ่ย...คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง เราช่วยให้เค้าขึ้นมาจากดินแล้วนี่นา เค้าไม่น่าจะมาทำอะไรไม่ดีกับเรานะ น่าจะมีอะไรตอบแทนเราด้วยซ้ำ"
"เออ...ถึงจะตอบแทน แต่ก็ขออย่ามาให้เห็นตัวเลยเพื่อน! ยังไงกูก็กลัวอยู่ดี"
"ก็ได้วะ แต่คืนนี้เมิงต้องเลี้ยงเหล้านะ ตังค์กูจะหมดแล้ว"
"ไม่มีปัญหาหรอก โธ่เอ๊ย"
"งั้นก็ตกลง"
คืนนั้น ผมกับไอ้เป็กกินเหล้าด้วยกัน และนอนด้วยกันอีกครั้ง
กลางดึก หลังจากผมหลับไปแล้ว เธอคนนั้นมาเข้าฝันอีกครั้ง คราวนี้เธอหันหน้ามาให้เห็น เธอสวยมาก และผมรู้สึกสงสารเธอจับจิต สำหรับเคราะห์ร้ายของเธอ
ดูเหมือนเธอจะทราบกระแสจิตของผม เพราะเธอยิ้มให้ และบอกว่า "ขอบคุณพี่มากที่ช่วยฉัน บอกเพื่อนพี่ด้วยนะว่า ไม่ต้องห่วง ฉันมีอะไรตอบแทนคุณให้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะพี่ ฉันต้องสมนาคุณเป็นพิเศษ..."
แล้วเธอก็สลายร่างหายไป...
หลังจากนั้น ผมและไอ้เป็กก็ได้ร่วมกันทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้เธอ....
ปรากฏว่า ต่อมา ทั้งไอ้เป็กและผม ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่สองกัน โดยไอ้เป็กได้คู่หนึ่ง ส่วนผมได้เลขชุดห้าคู่ซึ่งเป็นคนละหมายเลข และทุกครั้งที่มีการเล่นเสี่ยงโชคอย่างไฮโลว์หรือไพ่ เราสองคนเมื่ออยู่ด้วยกัน ไม่เคยเสียเลย จนชาวบ้านขนานนามให้ว่า
"คู่หูล้มเจ้ามือ" และนานเข้าๆ เราสองคนก็ไม่มีโอกาสเล่นการพนันแบบนี้กันอีก
เพราะบรรดาเจ้ามือ รู้กิตติศัพท์แล้ว เขาไม่ให้เล่นครับ!
/// จบ ///
ถุงมือโคตรเซียน
จะเฉลย วันที่ 7 พ.ค. เวลา ประมาณสองทุ่ม ครับ
😎🌟😁 THE SUMMER GLOVES 2019 <ถุงมือเรื่องสั้น> #24 "คู่หูล้มเจ้ามือ" โดย "ถุงมือโคตรเซียน" 😁🌟😎
หนึ่งในสองชาย ค่อยๆ ขยับมือ เปิดฝากล่องข้าวเหนียวซึ่งเอามาใช้เป็นอุปกรณ์ครอบลูกเต๋า แล้วแง้มทีละน้อยๆ สุดท้ายเปิดผลัวะ อีกคนซึ่งนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ ร้องขานแต้มให้ทุกคนที่ได้ยินด้วยความเซ็งและกวาดเงินบนแผงทั้งหมดทันที อย่างรวดเร็วและชำนาญ!
"หก สี่ เอี่ยว เจ้ามือกินเรียบ !"
นักพนันทั้งหลาย มีทั้งหนุ่มสาวและคนแก่ทำหน้ามุ่ย
"ไรวะ 641 ให้เจ้ามือกิง แทงอะไรก็ไม่ล่าย เก๋าเจ๊ง! ใครตั้งกติกานี้วะ เก็กซิม..." อาแปะคนหนึ่งบ่น
"เอาน่า...มันเป็นกติกาที่ทุกคนยอมรับ เล่นๆ ไปเหอะอาแปะ มันไม่ใช่ออกง่ายๆ หกสี่เอี่ยวเนี่ย" ผมพยายามพูดปลอบใจแก
"ไอ้...ย่า...บ๋อจี๊เลี้ยว อาเม้งอ่า...อั๊วจากลับละ" อาแปะโบกไม้โบกมือวุ่นวายขณะที่พูดกับผมแล้วเดินออกจากวง
ผมชื่อไพโรจน์ครับ แต่อาแปะตั้งชื่อเล่นเป็นภาษาจีนว่า "เม้ง" ซึ่งมีความหมายเหมือนชื่อภาษาไทยให้ ปรากฏว่าพ่อกับแม่ผมชอบ ก็เลยให้ผมใช้ชื่อ "อาเม้ง" มาตั้งแต่เด็กจนถึงเดี๋ยวนี้ ทั้งๆ ที่ครอบครัวผมในระดับชั้นเดียวกับพ่อแม่ หรือปู่ย่าตายายก็ตามที ไม่ได้มีเชื้อจีนเลย ถ้าจะมีก็ต้องสืบสาวไปถึงรุ่นทวดโน่น
วงไฮโลว์นั้นจัดขึ้นที่บ้านคนในหมู่บ้านคนหนึ่งซึ่งจัดงานศพ ผมยืนเล่นไฮโลว์ต่อกับเพื่อนชื่อไอ้เป็กอีกสองสามตาก็เลิก และเดินกลับบ้านกัน ผมชวนไอ้เป็กซื้อเหล้าซื้อกับแกล้มไปกินกันที่บ้านซึ่งเป็นบ้านเช่าที่ผมเพิ่งเข้าอยู่ได้ไม่ถึงอาทิตย์นี้เอง...มันมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้ผมต้องชวนเพื่อนมากินเหล้าด้วยกันและขอร้องให้มันนอนค้างคืนที่บ้านเช่าหลังนี้ด้วย เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง
"ไหนว่ามาซิ มีเรื่องอะไรที่เมิงจะเล่าให้กูฟัง ไอ้เม้ง" ไอ้เป็กถามนำหลังจากเราสองคนดื่มเหล้าโรงยี่ห้อแม่น้ำสายหนึ่งไปประมาณครึ่งกลมแล้ว
"คืองี้...ไอ้เป็ก..." ผมจึงเริ่มเล่าเรื่องว่า ตั้งแต่คืนแรกที่ผมเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ ผมก็ฝันแปลกๆ ฝันเห็นผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งมายืนหันหลังให้และพูดอยู่ประโยคเดียวว่า ช่วยเอาตัวเธอขึ้นมาด้วย จากนั้นเธอก็หายไป และพอถึงตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาก็พบว่าบนพื้นห้องมีเส้นผมยาวตกเรี่ยราด ทั้งๆที่ก่อนนอนผมก็ปัดกวาดบ้านเรียบร้อย
"แล้วตอนที่เมิงยังไม่หลับไม่นอน มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าวะ"
"ผิดปกติ ยังไง ?" ผมย้อนถาม
"ก็แบบ...มีเสียงหมาหอนไหม เสียงดังกุกกักๆ อะไรแปลกๆ ในบ้าน อะไรยังงี้ มีไหม ?"
"ไม่มี ไม่มีเลย ปกติดีทุกอย่าง แต่ความฝันนั่นทำให้กูกลัว และอยากให้เมิงเป็นพยานด้วยถ้าเช้าวันพรุ่งนี้เกิดมีเส้นผมกระจายอยู่บนพื้น!"
"อ๋อ...ได้เลย กูก็ไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้เหมือนกัน น่าสนใจ ตกลง กูจะนอนเป็นเพื่อนเมิงคืนนี้"
"ดี! ขอบใจว่ะ...มาๆ กินต่อๆ"
ผมกับไอ้เป็กกินเหล้ากันจนหมดกลม แล้วจึงพากันเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น ไอ้เป็กตื่นก่อนผมและร้องโวยวาย กระชากตัวผมให้ลุกขึ้นนั่ง "เฮ้ยตื่นโว้ยๆ ไอ้เม้ง!"
ผมงัวเงียลุกขึ้นนั่ง สะบัดหัวทีหนึ่งด้วยความแฮ้งก์แล้วจึงถามมัน "อะไรวะ ตื่นไวจังเลยเมิง"
"เออ..มะ มะ เมิง เมิง ดูพื้นห้อง!" มันพูดด้วยสีหน้าเหยเก และผมเห็นขนแขนมันลุกตั้ง
พอก้มลงมองพื้นห้อง ผมก็ยิ้ม เพราะไม่ผิดไปจากเรื่องที่ผมเล่าให้มันฟังเมื่อคืนนี้
บนพื้น กลาดเกลื่อนไปด้วยเส้นผมยาวของผู้หญิง รอบทั้งเตียงทีเดียว!
หลังจากผมกับไอ้เป็กช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านกันเรียบร้อยแล้ว เราจึงปรึกษากันว่า ต้องให้มีการขุดดินใต้ถุนบ้านหลังนี้ เพื่อหาดูว่าจะมีศพใครถูกฝังอยู่หรือไม่ ซึ่งจำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าของบ้าน ส่วนค่าใช้จ่ายในการขุด ผมกับไอ้เป็กจะช่วยกันออก
เจ้าของบ้านยินยอมให้ผมกับเพื่อนดำเนินการ หลังจากได้ฟังเรื่องราวทุกอย่าง ไม่กี่วันหลังจากนั้น ทีมงานขุดก็มาถึงและเริ่มงานทันที
พวกเขาขุดดินลึกลงไปประมาณเมตรกว่า ก็ได้พบศพหญิงสาวผมยาวคนหนึ่งถูกฝังอยู่จริงๆ ในสภาพเปลือยเปล่า แน่ละทุกคนเข้าใจว่าเธอถูกขืนใจแล้วฆ่าแถมมีผ้ายันต์สะกดวิญญาณปิดหน้าเธอไว้ด้วย
ไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจและปอเต็กตึ๊งก็มาถึง มีการชันสูตรพลิกศพเกิดขึ้นในเวลาต่อมา และตำรวจเริ่มค้นหาเบาะแสเพื่อจับตัวคนร้าย
แต่ยังไม่ทันที่ตำรวจจะคลำเจอเป้าอะไร วันถัดมา มีข่าวการตายอย่างเป็นปริศนาของชายสี่คน คนหนึ่งตั้งตนเป็นหมอผี เป็นอาจารย์ขมังเวทย์เสียด้วย นอนคอหักตายอยู่กลางทางที่จะกลับบ้าน ชายคนที่สองก็ถูกบีบคอจนตายหน้าบ้านตัวเอง ส่วนอีกสองคน ชาวบ้านเล่าว่าเมาและทะเลาะกันเอง ชี้หน้าด่ากันและกันว่าเป็นผีผู้หญิง และชักมีดแทงกันและกันตายทั้งคู่
"เฮ้ย! เมิงนอนเป็นเพื่อนกูอีกสักคืนเถอะว่ะ ไอ้เป็ก!" ผมชวนเพื่อนอีกครั้ง หลังจากได้ฟังข่าว
"เฮ่ย...คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง เราช่วยให้เค้าขึ้นมาจากดินแล้วนี่นา เค้าไม่น่าจะมาทำอะไรไม่ดีกับเรานะ น่าจะมีอะไรตอบแทนเราด้วยซ้ำ"
"เออ...ถึงจะตอบแทน แต่ก็ขออย่ามาให้เห็นตัวเลยเพื่อน! ยังไงกูก็กลัวอยู่ดี"
"ก็ได้วะ แต่คืนนี้เมิงต้องเลี้ยงเหล้านะ ตังค์กูจะหมดแล้ว"
"ไม่มีปัญหาหรอก โธ่เอ๊ย"
"งั้นก็ตกลง"
คืนนั้น ผมกับไอ้เป็กกินเหล้าด้วยกัน และนอนด้วยกันอีกครั้ง
กลางดึก หลังจากผมหลับไปแล้ว เธอคนนั้นมาเข้าฝันอีกครั้ง คราวนี้เธอหันหน้ามาให้เห็น เธอสวยมาก และผมรู้สึกสงสารเธอจับจิต สำหรับเคราะห์ร้ายของเธอ
ดูเหมือนเธอจะทราบกระแสจิตของผม เพราะเธอยิ้มให้ และบอกว่า "ขอบคุณพี่มากที่ช่วยฉัน บอกเพื่อนพี่ด้วยนะว่า ไม่ต้องห่วง ฉันมีอะไรตอบแทนคุณให้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะพี่ ฉันต้องสมนาคุณเป็นพิเศษ..."
แล้วเธอก็สลายร่างหายไป...
หลังจากนั้น ผมและไอ้เป็กก็ได้ร่วมกันทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้เธอ....
ปรากฏว่า ต่อมา ทั้งไอ้เป็กและผม ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่สองกัน โดยไอ้เป็กได้คู่หนึ่ง ส่วนผมได้เลขชุดห้าคู่ซึ่งเป็นคนละหมายเลข และทุกครั้งที่มีการเล่นเสี่ยงโชคอย่างไฮโลว์หรือไพ่ เราสองคนเมื่ออยู่ด้วยกัน ไม่เคยเสียเลย จนชาวบ้านขนานนามให้ว่า "คู่หูล้มเจ้ามือ" และนานเข้าๆ เราสองคนก็ไม่มีโอกาสเล่นการพนันแบบนี้กันอีก
เพราะบรรดาเจ้ามือ รู้กิตติศัพท์แล้ว เขาไม่ให้เล่นครับ!