What's not down, brotha?!
อะไรอยู่ข้างบนหน่ะ! วันนี้กลับมาเรียนอังกฤษจาก Quote ดี ๆ กันต่อ ใครที่ติดตาม section นี้อยู่แล้วคงไม่ต้องอธิบายมาก
มีการ Paraphrase ให้เหมือนเดิม
มาลุยกันเลย
Let's roll!
_______________
1. “
To avoid criticism, do nothing, say nothing, be nothing.”
"วิธีหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์คือ ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องพูดอะไร และไม่ต้องเป็นอะไรสักอย่าง"
[Elbert Hubbard]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"ส่วนตัวผมชอบโควทนี้มาก เพราะมันจริงใจดี ประโยคเรียบ ๆ แบบนี้มันกลับให้อารมณ์ที่หนักอึ้งดี ประมาณว่า "ถ้ากลัวก็อยู่เฉย ๆ ในรูของแกต่อไป แต่ถ้าพร้อมสู้ ก็มาลองกันสักตั้ง!"
ย้อนกลับไปตอนเริ่มเขียนกระทู้พันทิปใหม่ ๆ มีเหล่านักวิจารณ์เข้ามาจับผิดเยอะมาก ในตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนแบบนี้ ทั้ง ๆ สิ่งที่เราทำนั้นมาจากความหวังดี 100 เปอร์เซนต์ไม่มีอะไรแอบแฝง แต่เมื่อนานไปเราก็พบว่า คนแบบนี้มันมีอยู่วงการนั่นแหละ ไม่ว่าคุณจะทำดีแค่ไหน ย่อมมีคนที่ไม่พอใจเสมอ ถ้ากลัวคำวิจารณ์เราก็คงเป็นได้แค่ no one (ไม่ใช่ No One แบบ Arya Stark ด้วย!)
ดังนั้นอย่าได้แคร์คำพูดคนเลยนะ"
เราสามารถ Paraphrase โควทนี้ได้ว่า
"If you don't want to be criticised, then don't do a damn thing!"
Language Tip:
Avoid (อ่านว่า 'เออะ-โฟฺยดฺ' /əˈvɔɪd/ ไม่ใช่ 'อะ-วอย') จะตามด้วย noun หรือ gerund เสมอ เราจะไม่พูดว่า Avoid to do something
แต่เราจะใช้ในรูป Avoid something (หลีกเลี่ยงบางอย่าง) หรือ Avoid doing something (หลีกเลี่ยงที่จะทำบางอย่าง)
มาดูศัพท์ในตระกูลนี้ Criticism (n.) คำวิจารณ์ / Critic (n.) นักวิจารณ์ / Criticise (v.) วิจารณ์ (คนอเมริกันใช้ -ize)/ Critical (adj.) เต็มไปด้วยคำวิจารณ์ (บางครั้งอาจแปลว่า รุนแรง หรือ สำคัญ ก็ได้ ให้ดูบริบทดี ๆ)
_______________
2. “
Even if you’re on the right track, you’ll get run over if you just sit there.”
"แม้ว่าเราจะมาถูกทาง ก็อาจถูกเบียดตกไปได้ถ้ามัวยืนอยู่เฉย ๆ"
[Will Rogers]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"ประโยคนี้จริงแท้ที่สุด โดยเฉพาะกับการเรียนภาษาเนี่ย อย่าคิดว่าเก่งแล้วหยุดฝึกได้ เพราะที่จริงยิ่งเก่งแค่ไหนยิ่งต้องฝึกให้มากขึ้น! อย่าเป็นเหมือนคนส่วนมากที่เมื่อเขาพบว่าตัวเองวิ่งมาไกลกว่าคนอื่น หรืออยู่จุดที่สูงกว่าใครเพื่อน ก็ผูกเปลนอนซะดื้อ ๆ ไปอย่างนั้น เพราะไม่นานเราอาจถูกคนที่เคยด้อยกว่า เอาชนะเราได้
แต่ไม่ได้หมายความว่าให้เราพยายามเอาชนะคนอื่นแบบเอาเป็นเอาตายนะ มันชัดเจนอยู่แล้วการจับมือเดินไปด้วยกันย่อมดีที่สุด หากเราสามารถช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่ลำบากตัวเองได้ จงทำ! และต้องรู้ด้วยว่าเมื่อไหร่ควร take a break แล้ว evaluate สิ่งเราได้ทำมา!
ชีวิตไม่ใช่การเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว บางทีการ sit there and think ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่อย่า sit นาน เดี๋ยวจะโดน run over เอา!"
เราสามารถ Paraphrase โควทนี้ได้ว่า
"No matter how smart you are, if you let laziness take over, you'll be outwitted in no time!"
Language Tip:
On the right track (idiom) แปลตรงตัวว่า อยู่บนทางที่ถูกต้อง หรือ "มาถูกทาง" นั่นแหละ ภาษาอังกฤษนิยามไว้ว่า "Doing something correctly"
You'll อ่านว่า "ยูลฺ" (ออกเสียง ยู แล้วเอาลิ้นมาแตะโคนฟันบนให้เป็นเสียงตัว L)
Run over (phr. v.) มีหลายความหมายมาก ได้แก่ (1) ล้น (เช่น น้ำล้นแก้ว) / (2) ล่วงเลยเวลาที่กำหนด (Run over time) / และ (3) ชนแล้วเหยียบ
ในบริบทนี้เราใช้ความหมายที่ (3)
_______________
3. “
Obsessed is just a word the lazy use to describe the dedicated.”
" 'หมกมุ่น' คือคำที่คนขี้เกียจใช้เหยียดคนที่มีความทุ่มเท"
[Russell Warren]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"อันนี้ก็ตรงกับเราอีกแล้ว! ผมมักถูกคนรอบข้างบอกว่า "จริงจังเกินไป" หรือ "คิดมากเกินไปเปล่า" ก็ไม่อยากเถียงว่ามันไม่จริง บางครั้งเราอาจจะจริงจังและคิดมากเกินไปจริงนั่นแหละ
แต่ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อสิ่งที่ผมต้องการคือ 'สิ่งที่ดีที่สุด' จะให้ผมมาทำอะไรแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือให้พอเสร็จไปทีแบบนั้น ผมทำไม่ได้หรอก! และผมเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่ถูกคนเหล่านี้พยายามใช้คำพูดมานิยามให้เรากลายเป็น "คนบ้า" ในสายตาคนรอบตัว
อย่าได้แคร์ครับ จำไว้เลยว่า 'ถี๋งจะบ๋า แต่ว๋าไม่โง๋' (ออกเสียงเหน่อ ๆ ด้วยนะ)
ว่าแล้วก็เข้าไปฟังเพลงนี้เพิ่มกำลังใจซะหน่อยป่ะ https://www.youtube.com/watch?v=1rxLWYUifxM"
เราสามารถ Paraphrase โควทนี้ได้ว่า
"Lazy people will do anything to stop you from being successful. So, don't listen to them!"
Language Tip:
หลายคนสงสัยว่า Obsessed กับ Obsessive ต่างกันอย่างไร? ทั้งสองเป็น adjective และแปลว่า "หมกมุ่น" ทั้งคู่
แต่ต่างกันตรงนี้ Obsessed มันมาจากเวอร์ชั่นกริยา Obsess (v.) ที่แปลว่า "ทำให้หมกมุ่น" หรือ "เข้าครอบงำ"
แสดงว่าคนที่ obsessed อาจจะหมกหมุ่นแปปเดียวก็หาย ในขณะที่ Obsessive มันคือการหมกหมุ่นที่มาจากนิสัยของเจ้าตัวเอง เกิดขึ้นจากภายใน ไม่ได้มีปัจจัยภายนอกมาเกี่ยว แบบนี้อาจจะหายยาก! ส่วน Obsession เป็นเวอร์ชั่นคำนาม แปลว่า "ความหมกมุ่น"
ส่วน Dedicated (adj.) แปลว่า ทุ่มเทเต็มที่ / Dedicate (v.) ทุ่มเท / Dedication (n.) ความทุ่มเท
_______________
4. “
A year from now you may wish you had started today.”
"1 ปีจากนี้คุณอาจเสียดายที่ไม่ได้เริ่มทำตั้งแต่วันนี้"
[Karen Lamb]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"อันนี้หลายคนที่ติดตามผมมานานน่าจะเข้าใจคอนเซปต์ของมันดี การเรียนภาษาอย่าหวังจะเก่งในวันสองวัน (หรือแม้แต่อาทิตย์สองอาทิตย์!) ความจริงคือ ไม่ต้องหวังให้ตัวเองเก่งเลย! แต่จงหวังให้ตัวเองอ่านหนังสือและฟังพูดภาษานั้นทุกวัน ความเก่งจะตามมาเอง
เพราะหากมัวแต่หวังให้ตัวเองเก่งวันนี้พรุ่งนี้ สิ่งที่เราได้จะคือความกดดันและกลายเป็นความท้อแท้ในที่สุด! ดังนั้นไม่ต้องไปโฟกัสตรงนั้น เอาเป็นว่าเก็บแรงไว้ฝึกอิ้งก่อนนอนทุกวันก็พอแล้ว จงเริ่มวันนี้และอย่าหยุด!"
เราสามารถ Paraphrase โควทนี้ได้ว่า
"Start now or regret later!"
Language Tip:
Wish หากตามด้วยประโยค จะต้องเป็น past tense เสมอ
หากเป็นการภาวนาถึง "ตอนนี้" ให้ใช้
- past simple: I wish you wer. (อยากให้เธออยู่ด้วยตอนนี้)
- หรือ past continuous: I wish he was coming with us. (อยากให้เขามาด้วยจังเลยตอนนี้)
แต่ถ้าเป็นการภาวนาถึง "อดีต" ให้ใช้
- past perfect: I wish I had done it sooner. (ฉันน่าจะทำมันไปตั้งนานแล้ว)
_______________
5. “
Tough times never last, but tough people do.”
"ช่วงเวลาที่ยากลำบากไม่นานก็ผ่านไป แต่ความแข็งแกร่งในหัวใจสิอยู่ทน"
[Dr. Robert Schuller]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้" Where there's a will, there's a way. วลีนี้จริงแท้ และมันจะจริงกว่านั้นอีกถ้าเราเพิ่มไปว่า Where there's a will and patience, there's a way and a prize! (ความพยายามและความอดทนอยู่ที่ไหน หนทางและความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น!)
และหากเราต้องการรางวัลเป็น "ความเก่งภาษา" ยิ่งต้องมี "ความอดทน" มากกว่าเรื่องอื่นเลย!
เพราะมันต้องใช้ทั้ง 'มือ' เพื่อพิมพ์หาความหมายคำศัพท์ใน Google 'ตา' เพื่ออ่านซับไตเติ้ลสลับกับดูหน้าดาราที่ชอบ 'หู' เพื่อฟังเพลง The Beatles เอ้ย! เพื่อฝึก listening และ 'ปาก' เพื่อฝึก tongue twister ให้ลิ้นไม่พันกัน!
มันไม่ง่ายเลยเว้ย แต่แกต้องสู้นะ!"
เราสามารถ Paraphrase โควทนี้ได้ว่า
"If you're patient, you will overcome any obstacle!"
Language Tip:
Tough (adj.) เป็นคำที่ประหลาดดี เพราะมีทั้งความหมายแบบ Negative และ Positive ในตัวมันเอง
Tough อาจแปลว่า "ยากลำบาก" หรือ "ยุ่งยาก" (difficult to do or to deal with) เช่น A tough life (ชีวิตที่ยากลำบาก) / Tough decisions (การตัดสินใจที่ยากลำบาก) / Tough time (ช่วงเวลาที่ยากลำบาก) etc.
แต่บางครั้งอาจแปลว่า "แข็งแกร่ง" "มีความอดทน" หรือ "ทนทาน" ก็ยังได้ (strong and not easily broken) เช่น Tough shoes (รองเท้าที่ทนทาน) / Tough people (คนที่มีความอดทนสูง) etc.
เลือกใช้ให้ถูกบริบทนะ
_______________
จบกันไปอีกตอน ชอบกันมั้ย มีโควทไหนบ้างที่ตรงกับเราที่สุด หวังว่าจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้างนะ สู้ ๆ ครับ
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า
อย่าลืมฝึกภาษาอังกฤษด้วยล่ะ!
'ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ'
รู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทุกวันที่:
https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan (Page:
พ่อผมเป็นคนอังกฤษ)
Stay knowledge-hungry
JGC.
Read also:
- Part 1 (
https://ppantip.com/topic/35456082)
- Part 2 (
https://ppantip.com/topic/35459350)
- Part 3 (
https://ppantip.com/topic/35480765)
- Part 4 (
https://ppantip.com/topic/38461236)
เรียนภาษาอังกฤษจาก 'Quote' (Part 5)
อะไรอยู่ข้างบนหน่ะ! วันนี้กลับมาเรียนอังกฤษจาก Quote ดี ๆ กันต่อ ใครที่ติดตาม section นี้อยู่แล้วคงไม่ต้องอธิบายมาก
มีการ Paraphrase ให้เหมือนเดิม
มาลุยกันเลย
Let's roll!
_______________
1. “To avoid criticism, do nothing, say nothing, be nothing.”
"วิธีหลีกเลี่ยงคำวิจารณ์คือ ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องพูดอะไร และไม่ต้องเป็นอะไรสักอย่าง"
[Elbert Hubbard]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
_______________
2. “Even if you’re on the right track, you’ll get run over if you just sit there.”
"แม้ว่าเราจะมาถูกทาง ก็อาจถูกเบียดตกไปได้ถ้ามัวยืนอยู่เฉย ๆ"
[Will Rogers]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
_______________
3. “Obsessed is just a word the lazy use to describe the dedicated.”
" 'หมกมุ่น' คือคำที่คนขี้เกียจใช้เหยียดคนที่มีความทุ่มเท"
[Russell Warren]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
_______________
4. “A year from now you may wish you had started today.”
"1 ปีจากนี้คุณอาจเสียดายที่ไม่ได้เริ่มทำตั้งแต่วันนี้"
[Karen Lamb]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
_______________
5. “Tough times never last, but tough people do.”
"ช่วงเวลาที่ยากลำบากไม่นานก็ผ่านไป แต่ความแข็งแกร่งในหัวใจสิอยู่ทน"
[Dr. Robert Schuller]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
_______________
จบกันไปอีกตอน ชอบกันมั้ย มีโควทไหนบ้างที่ตรงกับเราที่สุด หวังว่าจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้างนะ สู้ ๆ ครับ
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้า
อย่าลืมฝึกภาษาอังกฤษด้วยล่ะ!
'ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ'
รู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทุกวันที่: https://www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan (Page: พ่อผมเป็นคนอังกฤษ)
Stay knowledge-hungry
JGC.
Read also:
- Part 1 (https://ppantip.com/topic/35456082)
- Part 2 (https://ppantip.com/topic/35459350)
- Part 3 (https://ppantip.com/topic/35480765)
- Part 4 (https://ppantip.com/topic/38461236)