เมื่อเช้าเข้าไปอัพเดทน้ำซึมบ่อทรายล่าสุด มีเพิ่มเข้ามาอีกสองรายการ
เป็นหุ้นตัวเดียวกัน แต่ tsd แยกจ่ายเป็นสองรายการ
คนในห้องสินธรที่เน้นถือหุ้นกินปันผล เคยถามไว้ว่า
ถ้าซื้อหุ้นทั้งแบบ nvdr และแบบนักลงทุนรายย่อยไทย
ศูนย์รับฝากใบหุ้น จะจ่ายเงินปันผลรวมเป็นรายการเดียวหรือไม่ ?
คำตอบจากของจริงที่ได้รับคือ "ไม่"
ลองดูสองภาพประกอบข้างใต้ มันต่างกันตรงไหน ทำไมต้องแยกจ่ายเป็นสองรายการ
คำตอบคือ ใบปันผลแรก ที่ได้จากการลองติ๊กซื้อหุ้นผ่าน nvdr
เงินปันผลรับ จะไม่สามารถเอาไปขอเครดิตภาษีในภายหลังได้
ส่วนใบที่สอง ขอเครดิตภาษีคืนได้จากฐานภาษีนิติบุคคลที่บริษัทจ่ายไปที่ 20 %
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อวานนี้ 30 เมษายน เป็นวันสุดท้ายในการจัดประชุมสามัญประจำปีของบริษัทมหาชน
ไม่ว่า บริษัทนั้นจะเป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หรือนอกตลาด
ตัดสินใจไปนั่งดูบรรยากาศของบริษัทที่ถูกไล่ออกจากตลาดหุ้นเกือบยี่สิบปีแล้ว
เป็นบริษัทที่นักลงทุนรายย่อยที่ซื้อขายหุ้นมานานกว่า 25 ปี ต้องจำได้แน่นอน
ใครจำไม่ได้ แสดงว่าไม่ใช่คนที่เคยเฝ้าจอราคาหุ้น
สถานที่ประชุมเมื่อวานนี้ จะจำไว้เลยว่า
อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจแผนที่จัดประชุม
ดูในภาพ นึกว่าเดินเข้าซอยไปซักร้อย สองร้อยเมตร
กลายเป็นว่า กว่าจะเดินเข้าไปถึงโรงแรม น่าจะไกลไม่ต่ำกว่า 800 เมตร
ลองหยิบวอลเปเปอร์ที่ได้มาดูเป็นที่ระลึกถึงการลงทุนแบบแมลงเม่าๆ
จาก 5000 หุ้น โดนลดจำนวนหุ้นลง 99.9 % จนเหลือแค่ 5 หุ้น
แถมเป็นห้าหุ้น ของบริษัทที่โดนถอดออกจากตลาดหุ้น เท่ากับรับเละไปสองเด้ง
อะไรคือบทเรียนจากการตากอากาศกลางสนามรบตลาดหุ้น ที่จบแบบ game over
ตอนเดินตากแดดร้อนเหงื่อแตกเสื้อเปียกจากบีทีเอสนานา เข้าไปถึงที่ประชุม
กรรมการบนเวทีกำลังผ่านไม่รู้กี่วาระรวด
โดยไม่มีใครถามอะไรแม้แต่คำเดียว
พอดีเหลือวาระอื่นๆ ซึ่งเป็นวาระสุดท้าย
ผมเป็นคนเดียวในที่ประชุม ที่กล้ายกมือถามไปว่า
๑ บริษัทคิดจะต่อยอดธุรกิจไปทำธุรกิจอื่น นอกจากทำแถบยางยืดหรือไม่
คำตอบคือ ไม่
๒ บริษัทจะมีโอกาสกลับเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกหรือไม่
คำตอบคือ ไม่
ผมเลยต่อให้ว่า งั้นบริษัทก็รอชำระบัญชีเพื่อเลิกกิจการ
จำไม่ได้ว่า กรรมการบนเวทีตอบว่าอะไร แต่ที่จำได้แน่ๆคือ
เก็บใบหุ้นไว้ดูเล่นเป็นวอลเปเปอร์ได้เลย
บทเรียนที่ได้จากหุ้นตัวนี้คือ
อย่าซื้อหุ้นอะไร เพียงเพราะเห็นว่ามันราคาถูก
ราคาถูกแค่ไหน ถ้าไม่มีตัวชี้วัดเข้าไปจับวัดราคาที่ถูก จำไว้ขึ้นใจเลยว่า "ห้ามซื้อ"
* ภาพราคาหุ้น นำมาจากสุดยอดคลังข้อมูลหุ้นของ บล. ฟิลิปส์ poems
ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งนี้
บริษัทยังมีผลตอบแทนคืนผู้เข้าร่วมประชุมบ้างเล็กน้อยไม่ให้เสียน้ำใจ
ลองประเมินราคาของกินของแจก
จากเงินสามหมื่นบาทที่ใช้ซื้อหุ้น เอกโฮลดิ้ง 5000 หุ้นที่ราคา 6 บาท
ได้ราคาประเมินมาตามภาพประกอบ
ลองคิดสนุกๆ ถ้าหุ้นได้กลับเข้าไปซื้อขายในตลาดอีกครั้ง
ราคาหุ้นต้องขึ้นอีกกี่เท่าของต้นทุนที่ซื้อ จึงจะได้ทุนคืน
คำตอบคือ หุ้นต้องมีราคาหุ้นละ 6,000 บาท !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หรือขึ้นอีก 6000 เท่า จากต้นทุนหุ้นที่เคยซื้อที่ 6 บาท ก่อนโดนลดจำนวนหุ้น
ใครติด ssi ก่อนโดนลดจำนวนหุ้น ลองคิดราคาเท่าทุนต่อหุ้นที่ซื้อดูครับ
คนที่เคยซื้อปุ๋ยแห่งชาติ ก่อนโดนเอสพียาว ลดจำนวนหุ้นลง
แล้วกลับเข้าตลาดใหม่อีกรอบ ใบหุ้นก็เอาทำปุ๋ยได้เช่นกัน !!!!
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ผมสรุปเอาเองว่า ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนของตลาดหุ้น ถึงรูปแบบจะเปลี่ยนไปอย่างไร
สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือ
คนเล่นหุ้น ก็ยังคงโดนหุ้นเล่น จากการทำสิ่งที่เกินความรู้ ความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของตัวเอง
ผมแก้แบบมวยวัด ตามวิธีการของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
จึงร่วมประชุมได้ทุกบริษัทที่อยากไป
ไม่ว่าบริษัทนั้นเอาเงินมาให้เรา หรือมันล้วงเงินไปจากกระเป๋าเรา
แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ ปิดฉากการตากอากาศกลางสนามรบตลาดหุ้น ด้วยบทเรียนแบบ game over
เมื่อเช้าเข้าไปอัพเดทน้ำซึมบ่อทรายล่าสุด มีเพิ่มเข้ามาอีกสองรายการ
เป็นหุ้นตัวเดียวกัน แต่ tsd แยกจ่ายเป็นสองรายการ
คำตอบคือ ใบปันผลแรก ที่ได้จากการลองติ๊กซื้อหุ้นผ่าน nvdr
เงินปันผลรับ จะไม่สามารถเอาไปขอเครดิตภาษีในภายหลังได้
ส่วนใบที่สอง ขอเครดิตภาษีคืนได้จากฐานภาษีนิติบุคคลที่บริษัทจ่ายไปที่ 20 %
ไม่ว่า บริษัทนั้นจะเป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หรือนอกตลาด
ตัดสินใจไปนั่งดูบรรยากาศของบริษัทที่ถูกไล่ออกจากตลาดหุ้นเกือบยี่สิบปีแล้ว
เป็นบริษัทที่นักลงทุนรายย่อยที่ซื้อขายหุ้นมานานกว่า 25 ปี ต้องจำได้แน่นอน
ใครจำไม่ได้ แสดงว่าไม่ใช่คนที่เคยเฝ้าจอราคาหุ้น
สถานที่ประชุมเมื่อวานนี้ จะจำไว้เลยว่า
อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจแผนที่จัดประชุม
ดูในภาพ นึกว่าเดินเข้าซอยไปซักร้อย สองร้อยเมตร
กลายเป็นว่า กว่าจะเดินเข้าไปถึงโรงแรม น่าจะไกลไม่ต่ำกว่า 800 เมตร
ลองหยิบวอลเปเปอร์ที่ได้มาดูเป็นที่ระลึกถึงการลงทุนแบบแมลงเม่าๆ
จาก 5000 หุ้น โดนลดจำนวนหุ้นลง 99.9 % จนเหลือแค่ 5 หุ้น
แถมเป็นห้าหุ้น ของบริษัทที่โดนถอดออกจากตลาดหุ้น เท่ากับรับเละไปสองเด้ง
อะไรคือบทเรียนจากการตากอากาศกลางสนามรบตลาดหุ้น ที่จบแบบ game over
ตอนเดินตากแดดร้อนเหงื่อแตกเสื้อเปียกจากบีทีเอสนานา เข้าไปถึงที่ประชุม
กรรมการบนเวทีกำลังผ่านไม่รู้กี่วาระรวด
โดยไม่มีใครถามอะไรแม้แต่คำเดียว
พอดีเหลือวาระอื่นๆ ซึ่งเป็นวาระสุดท้าย
ผมเป็นคนเดียวในที่ประชุม ที่กล้ายกมือถามไปว่า
๑ บริษัทคิดจะต่อยอดธุรกิจไปทำธุรกิจอื่น นอกจากทำแถบยางยืดหรือไม่
คำตอบคือ ไม่
๒ บริษัทจะมีโอกาสกลับเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกหรือไม่
คำตอบคือ ไม่
ผมเลยต่อให้ว่า งั้นบริษัทก็รอชำระบัญชีเพื่อเลิกกิจการ
จำไม่ได้ว่า กรรมการบนเวทีตอบว่าอะไร แต่ที่จำได้แน่ๆคือ
เก็บใบหุ้นไว้ดูเล่นเป็นวอลเปเปอร์ได้เลย
ราคาถูกแค่ไหน ถ้าไม่มีตัวชี้วัดเข้าไปจับวัดราคาที่ถูก จำไว้ขึ้นใจเลยว่า "ห้ามซื้อ"
* ภาพราคาหุ้น นำมาจากสุดยอดคลังข้อมูลหุ้นของ บล. ฟิลิปส์ poems
ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งนี้
บริษัทยังมีผลตอบแทนคืนผู้เข้าร่วมประชุมบ้างเล็กน้อยไม่ให้เสียน้ำใจ
ลองประเมินราคาของกินของแจก
จากเงินสามหมื่นบาทที่ใช้ซื้อหุ้น เอกโฮลดิ้ง 5000 หุ้นที่ราคา 6 บาท
ได้ราคาประเมินมาตามภาพประกอบ
ลองคิดสนุกๆ ถ้าหุ้นได้กลับเข้าไปซื้อขายในตลาดอีกครั้ง
ราคาหุ้นต้องขึ้นอีกกี่เท่าของต้นทุนที่ซื้อ จึงจะได้ทุนคืน
คำตอบคือ หุ้นต้องมีราคาหุ้นละ 6,000 บาท !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หรือขึ้นอีก 6000 เท่า จากต้นทุนหุ้นที่เคยซื้อที่ 6 บาท ก่อนโดนลดจำนวนหุ้น
ใครติด ssi ก่อนโดนลดจำนวนหุ้น ลองคิดราคาเท่าทุนต่อหุ้นที่ซื้อดูครับ
คนที่เคยซื้อปุ๋ยแห่งชาติ ก่อนโดนเอสพียาว ลดจำนวนหุ้นลง
แล้วกลับเข้าตลาดใหม่อีกรอบ ใบหุ้นก็เอาทำปุ๋ยได้เช่นกัน !!!!
สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือ
คนเล่นหุ้น ก็ยังคงโดนหุ้นเล่น จากการทำสิ่งที่เกินความรู้ ความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของตัวเอง
ผมแก้แบบมวยวัด ตามวิธีการของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
จึงร่วมประชุมได้ทุกบริษัทที่อยากไป
ไม่ว่าบริษัทนั้นเอาเงินมาให้เรา หรือมันล้วงเงินไปจากกระเป๋าเรา