[CR] 2019 - มาเลย มาเลเซีย ปีนัง – คาเมร่อน / 4 วัน 3 คืน ด้วยงบคนละ3,xxxบาท (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)

          สวัสดีครับทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่าน  ก่อนอื่นขอกล่าวสักเล็กน้อย โดยการรีวิวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาGEN441 วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ทริปนี้เกิดขึ้นด้วยความอยากไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของพวกผมเองซึ่งมีอยู่ด้วยกัน5 คน  จึงเลือกประเทศที่ใกล้กับบ้านเรานั้นก็คือมาเลเซียนั้นเองแต่ทริปครั้งนี้ของพวกผมต่างจากทริปทั่วไปคือ ไม่ได้ระบุแพลนไว้ว่าจะไปที่ไหนเวลาเมื่อไหร่ รู้แค่ว่าไปและกลับวันไหนแค่นี้ครับ เพื่อให้ได้อารมณ์ของการไปแบ็คแพ็คในการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของพวกผม

วันพุธที่10เมษายน 2019

          เริ่มต้นเดินทางกันพวกผมได้จองเครื่องบินจากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติปีนังประเทศมาเลเซีย รอบ 15.40น. ถึง 18.20น. ราคาตั๋วตกคนละ 2000 บาท ซึ่งถ้ามีเวลาหาดี ๆ จะได้ถูกกว่านี้มากบางช่วงพันนิด ๆ ยังหาได้เลย  ซึ่งตอนนั้นจองใกล้ ๆ วันที่จะไปแล้วเลยแพงหน่อย
       พอไปถึงที่สนามท่าอากาศยานนานาชาติปีนัง เวลาที่มาเลเซียจะเร็วกว่าไทยเรา อยู่ 1 ชั่วโมง ที่ไปถึงเป็นเวลา 19.20น.ของเวลามาเลเซียแล้ว แต่ยังดูไม่มืดเลย

       ไม่รอช้าครับ หาร้านขายซิมก่อนเลย พวกผมเลือกซื้อที่สนามบินปีนังเลยเพราะน่าจะถูกกว่าซื้อที่ไทย ตามโปรโมชั่น 7 วัน สามารถเล่นโซเชียลได้ 4 GB และสามารถโทรภายในประเทศได้ 50 นาที ตกซิมละ 25 ริงกิต (ตอนนั้นแลกเป็นเงินมาเลเซียได้เลทราคา 1ริงกิต= 7.7บาท )

       จากนั้นเดินทางด้วยรถเมล์สาย 401E ซึ่งเป็นรถเมล์ฟรีที่หน้าสนามบินเลย เดินทางไปที่จอร์จทาวส์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อในปีนัง โดยห่างจากสนามบินไป 14 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง


พอไปถึงได้จองโรงแรม Armenian Street Heritage Hotel อยู่ใจกลางเมืองจอร์จทาวส์ เห็นว่าอยู่ใจกลางเมืองแต่จริง ๆ แล้วราคาที่พักไม่แพงอย่างที่คิด และยังสามารถเดินเท้า ไปตามถนนเพื่อชมบรรยากาศตอนกลางคืนได้ แวะถ่ายรูปที่ Street Art และมีตลาดกลางคืนคล้ายบ้านเราให้เดินเลือกซื้อของกินด้วย
Street Art ถือได้ว่าเป็นศิลปะที่มีอยู่ที่จอร์จ ทาวน์ ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของเมืองปีนัง ที่มีความหลากหลาย และภาพนี้ก็เป็นหนึ่งในศิลปะจิตกรรมฝาผนังที่มีชื่อเสียงของที่นี้ คือภาพจิตกรรมฝาผนังของเด็กที่กำลังขี่จักรยานอยู่ ซึ่งภาพ Street Art พวกนี้จริง ๆ แล้วก็เป็นการอธิบายถึงประวัติศาสตร์ของสถานที่ และผู้คนอีกด้วย

อาหารการกินของที่นี้จะมีหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรมที่กลมกลืนกันอยู่ ทั้งจีน เวียตนาม อินเดีย ไทย ประเทศอื่นๆ อีกมากมาย

กลับที่พักมานั่งประชุมว่าจะไปที่ไหนดีหลังจากสอบถามหาข้อมูลคนในพื้นที่

วันพฤหัสบดีที่11 เมษายน 2019
ยามเช้าเดินเท้าไปชิมติ่มซำเจ้าดังในย่านจอร์จทาวน์ของปีนัง อยู่หัวมุม ร้านจึงเปิดโล่ง 2 ด้าน ดูโล่ง กว้าง มีโต๊ะเยอะสำหรับ 8 ถึง 10 ที่ มีชื่อร้านว่า TAI TONG ซึ่งเป็นร้านติ่มซำของประเทศจีนที่ย้ายมาอยู่มาเลเซียนานนับ 10 ปี

ความอร่อย และบรรยากาศร้านเหมือนเยาวราชมาก ๆ การสั่งอาหารของที่นี้จะมีพนักงานเดินเข็นรถเข็นที่มีติ่มซำต่าง ๆ จัดเป็นเข่ง ๆ ทั้งแบบนึ่ง ทอด รวมทั้งยังมี ชาจีน และข้าวต้มให้ได้ทานกัน โดยราคาจะขึ้นอยู่ติ่มซำที่เลือกมาทานซึ่งจะมีราคาต่างกันออกไป ตั้งแต่ราคา 1.40/2 /3.70/4.5/5.5 จนถึง 11 ริงกิต พอเราเลือกติ่มซำที่อยากจะกินจากรถเข็นของพนักงงานก็จะมาติ๊กลงบนกระดาษราคา ซึ่งเขาจะให้มาตั้งแต่ตอนแรก


นอกจากนี้ระหว่างทางที่เดินมาที่ร้านติ่มซำก็จะมีมุมมากมายให้ได้ถ่ายรูปชิค ๆ กันอีกด้วย 


พอเริ่มสาย ๆ เดินทางไปที่ปีนังฮิลส์ หรืออีกชื่อคือ บูกิตเบนดีรา ซึ่งเป็นแลนมาร์คของปีนังเลยก็ว่าได้ อากาศที่นี่ค่อนข้างเย็นสบาย เพราะที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ต้องนั่งรถรางไฟฟ้าขึ้นไป ซึ่งค่าบริการ ตกคนละ 30 ริงกิต (รวมไป-กลับ เป็นราคาของคนต่างชาติ)

ภายในรถรางไฟฟ้าก็จะมีให้ทั้งนั่งและยืน อันนี้คือภาพบรรยากาศระหว่างที่รถรางไฟฟ้ากำลังขึ้นเขาไปยัง Penang hill ทางชันมาก


ขึ้นมาถึงด้านบนแล้วจะพบกับจุดชมวิวบนปีนังฮิลส์ซึ่งมองเห็นเมืองจอร์จทาวส์ได้ทั่วเมืองไกลสุดลูกหูลูกตาสมกับที่นั่งรถรางขึ้นมา
นอกจากนี้ที่นี้ยังมีให้มีการนำกุญแจมาคล้องคล้ายๆ กันกับที่เกาหลี และยังมีส่วนอีกๆ อื่นที่ต้องเดินเข้าไปตามเส้นทางของที่นี้หรือสามารถใช้บริการรถกอร์ฟแต่จะมีการคิดค่าบริการ หรือจะรอนั่งรถกระบะของทางร้านเครื่องดื่มที่อยู่ด้านในก็ได้เช่นเดียวกัน

อันนี้ก็จะเป็นส่วนของแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆซึ่งบางสถานที่ต้องมีการเสียค่าเข้าชม แต่เนื่องจากพวกเราเวลามีจำกัดทำให้ไม่มีเวลาที่จะเข้าไปเยี่ยมชมบางสถานที่

หลังจากที่เดินสัมผัสบรรยากาศเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรถรางไฟฟ้าลงมา ก็แวะซื้อของฝากกันสักหน่อยก่อนเดินทางต่อ

ต่อมาในช่วงบ่ายๆ อากาศเริ่มที่จะร้อนจึงเลือกเดินทางด้วย Grab Taxi ไปพิพิธภัณฑ์ทองคำ ซึ่งเป็นพิพิภัณฑ์จัดแสดงความเป็นมาของทองคำ ที่คนมาเลเซียในสมัยก่อนทำการแร่ทอง และแสดงขั้นตอนการขึ้นรูปหล่อเงิน ให้เป็นแท่ง ได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ ค่าเข้าคนละ 28 ริงกิต แต่ได้หาโปรโมชั่นเว็บไซค์จึงตกคนละ 19 ริงกิต คุ้มมากก


ภายในจะมีอุปกรณ์ และฉากที่เกี่ยวกับทองคำให้ได้ศึกษาและถ่ายภาพกันอย่างจุใจ

ทองคำแต่ชิ้นก็จะมีประวัติของตัวเอง ซึ่งผลิตขึ้นเนื่องในโอกาสต่างๆ กันไป

นอกจากนี้ยังมีให้ลองร่อนทองกันอีกด้วย ใครดวงดีมีฝีมือก็ได้ทองไป แต่พวกผมไม่ได้อะไรเลยยยยย งื้ออออออ

ทางวิทยากรก็จะมีการสาธิตการหล่อ โดยทำการหล่อ Silver ให้ดู โดยเริ่มจากการหล่อ Silver ที่เป็นก้อนจากนั้นก็ทำการเทลงบนแม่พิมพ์ให้ได้ดูกันอีกด้วย หลังจากการเดินภายในพิพิธภัณฑ์ก็จะมีให้ซื้อของติดไม้ติดมือกลับบ้าน ก็จะเป็นพวกจี้ สร้อยคอ กำไล แหวน อีกด้วย ใครสนใจก็สามารถเลือกซื้อได้เลย

จากนั้นช่วงเกือบจะเย็นๆ นั่งเรือข้ามฟากจากปีนังไปฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธ โดยจะไม่เสียค่าใช้จ่ายถ้านั่งจากปีนังไปฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธ

จองตั๋วรถทัวร์ ที่บัตเตอร์เวอร์ธเพื่อไปคาเมร่อน ระหว่างรอเวลา ทานข้าวที่สถานีเลย
บรรยากาศระหว่างเดินทางคาเมร่อน แสงดวงอาทิตย์ใกล้ลับฟ้า


ถึงที่คาเมรอน สัมผัสแรกที่พวกผมลงจากรถทัวร์คือ อากาศที่หนาว(อุณหภูมิที่ 21 องศา) ราวกับอยู่คนละประเทศยังไงยังงั้น ซึ่งตอนที่ไปถึงเป็นเวลา 20.30น.

เดินเท้าหาที่พักที่พักผ่านแอป Agoda โดยที่พักส่วนใหญ่จะเป็นคล้าย ๆกับอพาร์ทเม้นท์บ้านเรา ซึ่งได้ที่พักห่างจากสถานีขนส่งประมาณ 600 เมตร เจ้าของห้องเป็นคนจีน ที่พูดไทยได้นิดหน่อย เขาได้แนะนำการเที่ยวในคาเมร่อนและวิธีการเดินทางให้พวกเรา

จากนั้นทำธุระส่วนตัวกันเสร็จ ก็เดินหาอะไรกินไปพลางเดินเล่นไปพลางชมบรรยากาศตอนกลางคืน อารมณ์เหมือนเที่ยวฝั่งยุโรปยังไงยังงั้น หลังจากกินกันอิ่มท้องแล้วก็เข้าที่พักประชุมเรื่องแพลนในวันถัดไป
ชื่อสินค้า:   MALAYSIA PENANG
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่