Nokia ถือว่าเป็นค่ายที่หลายๆท่านคงจะรู้จักกันดีแน่นอนว่าห่างหายกันไปซักพักแล้วแต่ครั้งนี้เค้ากลับมาแล้วและลุยทำตลาดอย่างต่อเนื่องเรียกได้ว่าปล่อยกันออกมาทั้งเรือธง เรือกลาง ในหลายๆราคาด้วยกันรวมถึงในประเทศไทยก็มีการนำมาขายกันอยู่เช่นกันในรุ่น Nokia 8.1 รุ่นล่าสุดที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยด้วยการเป็นเรือกลางในราคาหมื่นต้นๆที่มาพร้อม Snapdragon 710 และ กล้องหลังคู่เลนส์ ZEISS ที่ยังรองรับ OIS-EIS อีกด้วยครับ ก็ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจของค่ายนี้ และยังคงใช้งาน Android One เช่นเดิมครับในค่ายนี้ ส่วนการใช้งานจะเป็นยังไงมาดูกันเลยสำหรับรีวิวตัวนี้จากทาง Nokia 8.1
Nokia 8.1 เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นยังคงชูในเรื่องของความแข็งแรงที่โดดเด่นง่านประกอบที่แน่นมากๆ พร้อมหน้าจอ IPS LCD แบบ PureDisplay ขนาด 6.18 นิ้ว ความละเอียด 1080p พร้อมด้วยกล้องหน้า ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 12 + 13 ล้านพิกเซล เลนส์ Zeiss ที่รองรับ OIS-EIS ด้วยในกล้องหลัง ส่วนในเรื่องของสเปคใช้ Snapdragon 710 RAM 4 GB, STORAGE 64 GB และ มาพร้อมกับ Android One ที่รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์นาน 2 ปี และอัปเดตความปลอดภัยไปอีก 3 ปี รวมถึงแบตเตอรี่ขนาด 3,500 mAh ที่รองรับ Fast Charge ระดับ 18 W ถือว่าเป็นสเปคที่ให้มาค่อนข้างเพียงพอในแง่ของการใช้งานทั่วไปครับ
สำหรับราคา Nokia 8.1 วางจำหน่าย 2 สี ได้แก่สี Steel/Copper และ Iron/Steel ราคา 13,900 บาท
UNBOX
- ตัวเครื่อง NOKIA 8.1
- หูฟัง IN-EAR 3.5 มม.
- ที่ชาร์จ 18W
- สายชาร์จ Type-C
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
DESIGN
ด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบที่ยังคงแนวทางเดิมไว้ทั้งในด้านหลังและด้านหน้าครับ แน่นอนว่าจุดเด่นๆคือการใช้วัสดุของทางค่ายนี้ที่ทำออกมาได้ดีและแข็งแรงรวมถึงานประกอบที่หนักแน่นมากๆ แน่นอนว่าตัวเครื่องค่อนข้างรู้สึกหนักกว่าคู่แข่งหลายๆตัวคือจับแล้วมันให้ความรู้สึกแข็งแรงเอามากๆ ส่วนในแง่ดีไซน์เรียบๆไม่ได้หวือหวา หรือมีการเล่นสีแบบรุ่นใหม่ๆสมัยนี้เท่าไรค่อนข้างคลาสสิคไปนิดนึง กล้องหลังคู่ สแกนนิ้วด้านหลังมาให้ครบ แต่แอบนูนไปหน่อยในส่วนกล้อง และ หน้าจอยังถือว่าเป็นติ่งหน้าจอที่ใหญ่มากๆเมื่อเทียบกับการออกแบบในปีนี้
ด้านหน้าตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอที่มีรอยบากถือว่าใหญ่พอสมควรครับ หน้าจอมีขนาด 6.18 นิ้วมีความละเอียดที่ FHD+ เป็นหน้าจอแบบ IPS LCD นะครับ ครอบทับด้วย NEG Dinorex และ รองรับ HDR10 ด้วยนะ แน่นอนว่าหน้าจอใช้ได้เลยแต่เสียดายตรงการออกแบบติ่งที่มีขนาดใหญ่มากและยังไม่ใช้ AMOLED นั้นเองทำให้ดำไม่สนิทมากครับ
ด้านบนของหน้าจอนั้นเป็นรอยบากที่มีขนาดใหญ่มากๆ และมีกล้องหน้า 20MP ลำโพง รวมถึงเซนเซอร์ต่างๆครับ ในส่วนของรอยบากครั้งนี้ปิดได้แล้วนะแม้จะเป็น Pure Android ก็สามารถปิดรอยบาก ซ่อนได้ด้วยนั้นเองครับ
ในเรื่องของตัวขอบหน้าจอด้านล่างต้องบอกว่ามีขนาดพอสมควร และยังสกรีนโลโก้มาให้ในขอบด้านล่างด้วยครับ ตัวโลโก้ Nokia ในด้านหน้าถือว่าไม่ได้เกะกะมากเพราะหลายๆค่ายจะเอาโลโก้ด้านหน้าออกกกันหมดแล้วหลังๆ ส่วนปุ่มควบคุมเป็นแบบ Android 9 ที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้นะครับ ใช้ได้แค่แบบเดียวเลย
ในส่วนของด้านล่างจะมี ลำโพงหลักของตัวเครื่องที่มี Smart PAในตัว และ ช่อง USB-C รวมถึง รูไมค์สนทนา
ขอบด้านข้างต้องบอกว่าทำออกมาแข็งแรงมากใช้วัสดุตัวเครื่องแบบอลูมิเนียมเกรด 6000 Series จับแล้วรู้สึกแข็งแรงเลยแหละ แถมมีการเล่นสีตัดขอบทองแดงมาให้ด้วยก็ถือว่าไม่เรียบเกินไป ตัวถาดซิมมาพร้อมกับ Hybrid Slot ที่รองรับ Dual 4G+ และในแง่ของ Wi-Fi รองรับทั้ง 2.4 – 5 GHz รวมถึง มี Bluetooth 5.0 พร้อม NFC
ขอบด้านบนตัวเครื่องจะเห็นว่ามันเป็นสันขอบที่เน้นความแข็งแรงอย่างมาก ตัวฝาหลังเป็นแบบเรียบไม่มีการโค้งรับมืออะไรเท่าไร และการเล่นสีทองแดงตามขอบก็วนรอบเครื่องครับ ตัวเครื่องทำมุมแบบนี้ค่อนข้างแข็งแรงเวลาตกหล่นอะไรช่วยได้เยอะ และ ขอบด้านบบนจะเป็นรูหูฟัง 3.5มม. และ รูไมค์สำหรับอัดเสียงแบบ OZO อีกด้วยรอบทิศทาง
ในขอบด้านขวาตัวเครื่องจะเป็นปุ่ม Power และ เพิ่มลดเสียงเป็นหลัก วัสดุแบบเดียวกับตัวขอบเครื่องรวมถึงเป็นสีเดียวกันด้วยทำได้ค่อนข้างแน่นหนาและแข็งแรงดี ส่วนปุ่มไม่ย้วยไม่โยกเยกเท่าไรครับ
ในส่วนของฝาหลังจะเป็นกระจกเรียบๆไม่โค้งครับเป็นโทนสีเท่าแบบเดียวไม่มีการเล่นสีอะไรทั้งนั้น พร้อมสกรีนโลโก้แบรนด์ รวมถึง Android One ชัดเจน กล้องหลังค่อนข้างนูนออกมาและมีสกรีน ZEISS บอกด้วยว่าเลนส์ร่วมมือกับค่ายนี้ ซึ่งเป็นกล้องหลังคู่ เลนส์ ZEISS OIS , EIS ซึ่ง เลนส์หลักความละเอียด 12 MP AF f/1.8 SONY IMX 363 และ อีกเลนส์เป็น กล้องวัดความลึกของภาพ 13MP f/2.0 จริงๆแอบเสียดายน่าจะให้เลนส์เทเล หรือ มุมกว้างมาน่าจะดีกว่านี้เยอะเลยแอบเสียดายมากๆ
SPEC
- หน้าจอ PureDisplay ขนาด 6.18 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รองรับ HDR10
- CPU Snapdragon 710
- GPU Adreno 616
- RAM 4GB STORAGE 64GB รองรับ MicroSD Card (Hybrid)
- กล้องหลังคู่ 12MP( f/1.8, 1/2.55″, 1.4µm, dual pixel PDAF) + 13MP , OIS + EIS
- กล้องหน้า 20MP(f/2.0, 0.9µm)
- มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac รองรับ 2.4GHz 5GHz
- Bluetooth 5.0,
- USB-C
- รองรับ 2 SIM
- แบตเตอรี่ 3500 mAh รองรับ Fast Charge 18W
- ขนาด 154.8 x 75.76 x 7.97 มม.
- น้ำหนัก 180 กรัม
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพตัวนี้มาพร้อมกับ Snapdragon 710 ที่ทำงานร่วมกับ GPU Adreno 616 แน่นอนว่าค่อนข้างไว้ใจได้เลยแหละทำคะแนนไปได้ 161638 Antutu ส่วนคะแนน Geekbench นั้นทำได้ 1851/5866 ซึ่งเมื่อเทียบกับระดับราคาประมาณนี้ในหลายๆตัวก็ถือว่าแรงใช้ได้ครับ ส่วนหน่วยความจำเป็น EMMC5.1 และได้ DRM L1 สำหรับความปลอดภัย เมื่อมองในแง่ของการดูหนังนั้นก็ไม่มีปัญหาแน่นอนสำหรับ NETFLIX HD
SOFTWARE UI
ระบบของทาง Nokia นั้นยังคงใช้งาน Android One อยู่ครับทำให้ระบบนั้นลื่นไหลและอัปเดตความปลอดภัย ระบบต่างๆได้ดีและไวมากๆ แต่ก็ต้องยอมรับกับหน้าตาเดิมๆเรียบๆที่อาจจะปรับแต่งได้น้อยกว่าคนอื่นนั้นเอง และมาพร้อม Android 9.0 ตัวล่าสุดครับ หน้าตาทั้งหลายก็น่าจะคุ้นเคยกันดีไม่มีการปรับแต่งเลย มาพร้อม Appdrawer เช่นกัน
หน้าตาในตัวตั้งค่า นั้นจะเป็นโทนขาวฟ้า ตามธีมนะครับสามารถปรับธีมมืดได้ด้วย ส่วนการปรับแต่งตั้งค่าก็ทำได้ครับและ มองเห็นชัดเจนไอคอนวงกลม ส่วน การแบ่งหน้าจอก็ทำได้เช่นกันสามารถเลือกแอพได้ แบ่งโดยการแตะโลโก้แอพค้างไว้เวลา จะเคลียร์แอพ และเลือกแบ่งหน้าจอนะครับ รองรับหลากหลายแอพพอสมควรเลยนะจากที่ลองใช้งาน
ในด้านของที่เก็บข้อมูลนั้นให้มา 64GB ที่เหลือใช้งานจริง 50GB ถือว่าพอใช้ได้เลยแต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งบางตัวอาจจะดูน้อยไปแล้วในสมัยนี้ ส่วน RAM 4 GB ใช้งานจริง 2.4 ครับ ถือว่าเหลือๆเพราะ Android One ค่อนข้างไม่กินเท่าไร และ คีย์บอร์ดนั้นเป็นของทาง Google เองเลยเป็นคีย์บอร์ดอันดันต้นๆที่ผมชอบเลยแหละ
การแสดงผลนั้นก็สามารถปรับโทนสีของจอภาพได้ และ สามารถปิดติ่งหน้าจอได้ด้วย เมื่อปิดแล้วจะเป็นแถบสีดำมาเติมตรงที่ปิดไปนั้นเองครับ และ มีหน้าจอ Ambiant แจ้งเตือนขาวดำเวลาวางมือถือไว้ครับ ไม่ได้ติดตลอดนะ การใช้งานก็สามารถแตะเพื่อเปิดหน้าจอได้ คว่ำเพื่อวางสายต่างๆทั้งหลายประมาณ 6-7 วิธีครับตามภาพตรงกลาง เป็น Gesture พื้นฐานของระบบ Android และอีกจุดที่ชอบคือยังมีแอพ FM มาให้ในเครื่องซึ่งถือว่าหาได้ยากในหลายๆค่ายเลย
SCREEN
หน้าจอรุ่นนี้เป็นหน้าจอขนาด 6.18 นิ้ว FHD+ Pure Display ที่รองรับ HDR 10 DCI-P3 เป็นหน้าจอแบบ IPS LCD นะครับ แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดำสนิทแบบพวก OLED แต่ก็เป็นหน้าจอที่ดีอีกตัวจากทาง Nokia เลยแหละ หน้าจอนั้นทำออกมารองรับการใช้งานทั้งที่มืดและสว่างได้ดี สู้แสงได้ดีเลยรวมถึงตัวคุณภาพของหน้าจอสีทำได้แม่นยำและสวยงามธรรมชาติและมีความคมชัดตามระดับของ FHD+ รองรับมุมมองเอียงๆได้ดีไม่มีเพี้ยนแต่จะเจอแค่สีดำเวลามองมุมอื่นๆอาจจะไม่ได้ดำสนิทครับซึ่งเป็นปกติของจอแบบนี้ จริงๆหน้าจอไม่มีอะไรขัดใจ มีแค่รอยบากบนหน้าจอที่มันใหญ่มาก มากเกินไปในสมัยนี้ เสียดายแค่นี้แหละ แต่ถ้ารุ่นใหม่เป็นแบบเจาะรูแล้วก็น่าสนใจขึ้นเยอะเลยนะ
SOUND
ในเรื่องของระบบเสียงนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบเสียงที่สามารถใช้งานผ่านแจ๊ค 3.5มม.ได้ เสียงที่ทำออกมาค่อนข้างธรรมดากลางๆครับ ก่อนอื่นเรามาลองตัวหูฟังแถมกันก่อนเลยหูฟังแถมเป็นแบบ IN-EAR แต่ถือว่าเสียงดีกว่าที่คิดนะ เพราะรุ่นก่อนๆเสียงมันไม่ได้ดีเท่าไร แต่รุ่นนี้เสียงไม่แสบหูไม่แหลมจัดแล้วครับ คือเอามาฟังเพลงแก้ขัดได้เลยแหละ แม้จะเปิดเสียงสุดครับ แต่ที่ต้องยอมรับคือเสียงไม่ได้มิติดีและรายละเอียดไม่ได้ดีเท่าไรครับ โดยรวมๆ จุดนี้แอบดีกว่าที่คิดครับ เสียงเบสถือว่ามาดีอยู่นะนุ่มๆแต่ไม่ได้สะใจอะไร ตัวหูฟังมันทำจากพลาสติกเลยเบาใส่สบายดีเหมือนกัน ส่วนเสียงขับออกมาจากแจ๊ค 3.5มม.จากที่ลองกับหูฟังประจำนั้นเสียงทำได้กลางๆไม่ได้เด่นอะไรมากนักแรงขับพอใช้ได้ครับ ย่านต่ำค่อนข้างมาน้อยไปนิด แต่ก็ดีกว่าบางยี่ห้อในราคาหมื่นต้น แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งในงบ 11-15K อาจจะมีบางตัวที่ดีกว่าครับและ Nokia ไม่สามารถปรับ EQ ในตัวได้เลยนั้นเอง ส่วนลำโพงเดี่ยวนั้นมี Smart PA ช่วยในจุดนี้เสียงก็พอใช้ได้ดังกว่าคู่แข่งนิดหน่อย แต่มิติเสียงไม่ดีเท่าไรครับเป็นปกตินะ เน้นความดังมากกว่าเวลาเสียงเรียกเข้าจะชัดเจนเลยครับ และ เพลงเวลาฟังจะได้ยินรายละเอียดบางอันที่ดีกว่าเพราะมันขับได้มากกว่า
[SR] รีวิว Nokia 8.1 ระบบ Android One วัสดุพรีเมี่ยม พร้อมกล้องหลัง ZEISS มี OIS
Nokia ถือว่าเป็นค่ายที่หลายๆท่านคงจะรู้จักกันดีแน่นอนว่าห่างหายกันไปซักพักแล้วแต่ครั้งนี้เค้ากลับมาแล้วและลุยทำตลาดอย่างต่อเนื่องเรียกได้ว่าปล่อยกันออกมาทั้งเรือธง เรือกลาง ในหลายๆราคาด้วยกันรวมถึงในประเทศไทยก็มีการนำมาขายกันอยู่เช่นกันในรุ่น Nokia 8.1 รุ่นล่าสุดที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยด้วยการเป็นเรือกลางในราคาหมื่นต้นๆที่มาพร้อม Snapdragon 710 และ กล้องหลังคู่เลนส์ ZEISS ที่ยังรองรับ OIS-EIS อีกด้วยครับ ก็ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจของค่ายนี้ และยังคงใช้งาน Android One เช่นเดิมครับในค่ายนี้ ส่วนการใช้งานจะเป็นยังไงมาดูกันเลยสำหรับรีวิวตัวนี้จากทาง Nokia 8.1
Nokia 8.1 เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นยังคงชูในเรื่องของความแข็งแรงที่โดดเด่นง่านประกอบที่แน่นมากๆ พร้อมหน้าจอ IPS LCD แบบ PureDisplay ขนาด 6.18 นิ้ว ความละเอียด 1080p พร้อมด้วยกล้องหน้า ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 12 + 13 ล้านพิกเซล เลนส์ Zeiss ที่รองรับ OIS-EIS ด้วยในกล้องหลัง ส่วนในเรื่องของสเปคใช้ Snapdragon 710 RAM 4 GB, STORAGE 64 GB และ มาพร้อมกับ Android One ที่รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์นาน 2 ปี และอัปเดตความปลอดภัยไปอีก 3 ปี รวมถึงแบตเตอรี่ขนาด 3,500 mAh ที่รองรับ Fast Charge ระดับ 18 W ถือว่าเป็นสเปคที่ให้มาค่อนข้างเพียงพอในแง่ของการใช้งานทั่วไปครับ
สำหรับราคา Nokia 8.1 วางจำหน่าย 2 สี ได้แก่สี Steel/Copper และ Iron/Steel ราคา 13,900 บาท
UNBOX
- ตัวเครื่อง NOKIA 8.1
- หูฟัง IN-EAR 3.5 มม.
- ที่ชาร์จ 18W
- สายชาร์จ Type-C
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
DESIGN
ด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบที่ยังคงแนวทางเดิมไว้ทั้งในด้านหลังและด้านหน้าครับ แน่นอนว่าจุดเด่นๆคือการใช้วัสดุของทางค่ายนี้ที่ทำออกมาได้ดีและแข็งแรงรวมถึงานประกอบที่หนักแน่นมากๆ แน่นอนว่าตัวเครื่องค่อนข้างรู้สึกหนักกว่าคู่แข่งหลายๆตัวคือจับแล้วมันให้ความรู้สึกแข็งแรงเอามากๆ ส่วนในแง่ดีไซน์เรียบๆไม่ได้หวือหวา หรือมีการเล่นสีแบบรุ่นใหม่ๆสมัยนี้เท่าไรค่อนข้างคลาสสิคไปนิดนึง กล้องหลังคู่ สแกนนิ้วด้านหลังมาให้ครบ แต่แอบนูนไปหน่อยในส่วนกล้อง และ หน้าจอยังถือว่าเป็นติ่งหน้าจอที่ใหญ่มากๆเมื่อเทียบกับการออกแบบในปีนี้
ด้านหน้าตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอที่มีรอยบากถือว่าใหญ่พอสมควรครับ หน้าจอมีขนาด 6.18 นิ้วมีความละเอียดที่ FHD+ เป็นหน้าจอแบบ IPS LCD นะครับ ครอบทับด้วย NEG Dinorex และ รองรับ HDR10 ด้วยนะ แน่นอนว่าหน้าจอใช้ได้เลยแต่เสียดายตรงการออกแบบติ่งที่มีขนาดใหญ่มากและยังไม่ใช้ AMOLED นั้นเองทำให้ดำไม่สนิทมากครับ
ด้านบนของหน้าจอนั้นเป็นรอยบากที่มีขนาดใหญ่มากๆ และมีกล้องหน้า 20MP ลำโพง รวมถึงเซนเซอร์ต่างๆครับ ในส่วนของรอยบากครั้งนี้ปิดได้แล้วนะแม้จะเป็น Pure Android ก็สามารถปิดรอยบาก ซ่อนได้ด้วยนั้นเองครับ
ในเรื่องของตัวขอบหน้าจอด้านล่างต้องบอกว่ามีขนาดพอสมควร และยังสกรีนโลโก้มาให้ในขอบด้านล่างด้วยครับ ตัวโลโก้ Nokia ในด้านหน้าถือว่าไม่ได้เกะกะมากเพราะหลายๆค่ายจะเอาโลโก้ด้านหน้าออกกกันหมดแล้วหลังๆ ส่วนปุ่มควบคุมเป็นแบบ Android 9 ที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้นะครับ ใช้ได้แค่แบบเดียวเลย
ในส่วนของด้านล่างจะมี ลำโพงหลักของตัวเครื่องที่มี Smart PAในตัว และ ช่อง USB-C รวมถึง รูไมค์สนทนา
ขอบด้านข้างต้องบอกว่าทำออกมาแข็งแรงมากใช้วัสดุตัวเครื่องแบบอลูมิเนียมเกรด 6000 Series จับแล้วรู้สึกแข็งแรงเลยแหละ แถมมีการเล่นสีตัดขอบทองแดงมาให้ด้วยก็ถือว่าไม่เรียบเกินไป ตัวถาดซิมมาพร้อมกับ Hybrid Slot ที่รองรับ Dual 4G+ และในแง่ของ Wi-Fi รองรับทั้ง 2.4 – 5 GHz รวมถึง มี Bluetooth 5.0 พร้อม NFC
ขอบด้านบนตัวเครื่องจะเห็นว่ามันเป็นสันขอบที่เน้นความแข็งแรงอย่างมาก ตัวฝาหลังเป็นแบบเรียบไม่มีการโค้งรับมืออะไรเท่าไร และการเล่นสีทองแดงตามขอบก็วนรอบเครื่องครับ ตัวเครื่องทำมุมแบบนี้ค่อนข้างแข็งแรงเวลาตกหล่นอะไรช่วยได้เยอะ และ ขอบด้านบบนจะเป็นรูหูฟัง 3.5มม. และ รูไมค์สำหรับอัดเสียงแบบ OZO อีกด้วยรอบทิศทาง
ในขอบด้านขวาตัวเครื่องจะเป็นปุ่ม Power และ เพิ่มลดเสียงเป็นหลัก วัสดุแบบเดียวกับตัวขอบเครื่องรวมถึงเป็นสีเดียวกันด้วยทำได้ค่อนข้างแน่นหนาและแข็งแรงดี ส่วนปุ่มไม่ย้วยไม่โยกเยกเท่าไรครับ
ในส่วนของฝาหลังจะเป็นกระจกเรียบๆไม่โค้งครับเป็นโทนสีเท่าแบบเดียวไม่มีการเล่นสีอะไรทั้งนั้น พร้อมสกรีนโลโก้แบรนด์ รวมถึง Android One ชัดเจน กล้องหลังค่อนข้างนูนออกมาและมีสกรีน ZEISS บอกด้วยว่าเลนส์ร่วมมือกับค่ายนี้ ซึ่งเป็นกล้องหลังคู่ เลนส์ ZEISS OIS , EIS ซึ่ง เลนส์หลักความละเอียด 12 MP AF f/1.8 SONY IMX 363 และ อีกเลนส์เป็น กล้องวัดความลึกของภาพ 13MP f/2.0 จริงๆแอบเสียดายน่าจะให้เลนส์เทเล หรือ มุมกว้างมาน่าจะดีกว่านี้เยอะเลยแอบเสียดายมากๆ
SPEC
- หน้าจอ PureDisplay ขนาด 6.18 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รองรับ HDR10
- CPU Snapdragon 710
- GPU Adreno 616
- RAM 4GB STORAGE 64GB รองรับ MicroSD Card (Hybrid)
- กล้องหลังคู่ 12MP( f/1.8, 1/2.55″, 1.4µm, dual pixel PDAF) + 13MP , OIS + EIS
- กล้องหน้า 20MP(f/2.0, 0.9µm)
- มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac รองรับ 2.4GHz 5GHz
- Bluetooth 5.0,
- USB-C
- รองรับ 2 SIM
- แบตเตอรี่ 3500 mAh รองรับ Fast Charge 18W
- ขนาด 154.8 x 75.76 x 7.97 มม.
- น้ำหนัก 180 กรัม
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพตัวนี้มาพร้อมกับ Snapdragon 710 ที่ทำงานร่วมกับ GPU Adreno 616 แน่นอนว่าค่อนข้างไว้ใจได้เลยแหละทำคะแนนไปได้ 161638 Antutu ส่วนคะแนน Geekbench นั้นทำได้ 1851/5866 ซึ่งเมื่อเทียบกับระดับราคาประมาณนี้ในหลายๆตัวก็ถือว่าแรงใช้ได้ครับ ส่วนหน่วยความจำเป็น EMMC5.1 และได้ DRM L1 สำหรับความปลอดภัย เมื่อมองในแง่ของการดูหนังนั้นก็ไม่มีปัญหาแน่นอนสำหรับ NETFLIX HD
SOFTWARE UI
ระบบของทาง Nokia นั้นยังคงใช้งาน Android One อยู่ครับทำให้ระบบนั้นลื่นไหลและอัปเดตความปลอดภัย ระบบต่างๆได้ดีและไวมากๆ แต่ก็ต้องยอมรับกับหน้าตาเดิมๆเรียบๆที่อาจจะปรับแต่งได้น้อยกว่าคนอื่นนั้นเอง และมาพร้อม Android 9.0 ตัวล่าสุดครับ หน้าตาทั้งหลายก็น่าจะคุ้นเคยกันดีไม่มีการปรับแต่งเลย มาพร้อม Appdrawer เช่นกัน
หน้าตาในตัวตั้งค่า นั้นจะเป็นโทนขาวฟ้า ตามธีมนะครับสามารถปรับธีมมืดได้ด้วย ส่วนการปรับแต่งตั้งค่าก็ทำได้ครับและ มองเห็นชัดเจนไอคอนวงกลม ส่วน การแบ่งหน้าจอก็ทำได้เช่นกันสามารถเลือกแอพได้ แบ่งโดยการแตะโลโก้แอพค้างไว้เวลา จะเคลียร์แอพ และเลือกแบ่งหน้าจอนะครับ รองรับหลากหลายแอพพอสมควรเลยนะจากที่ลองใช้งาน
ในด้านของที่เก็บข้อมูลนั้นให้มา 64GB ที่เหลือใช้งานจริง 50GB ถือว่าพอใช้ได้เลยแต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งบางตัวอาจจะดูน้อยไปแล้วในสมัยนี้ ส่วน RAM 4 GB ใช้งานจริง 2.4 ครับ ถือว่าเหลือๆเพราะ Android One ค่อนข้างไม่กินเท่าไร และ คีย์บอร์ดนั้นเป็นของทาง Google เองเลยเป็นคีย์บอร์ดอันดันต้นๆที่ผมชอบเลยแหละ
การแสดงผลนั้นก็สามารถปรับโทนสีของจอภาพได้ และ สามารถปิดติ่งหน้าจอได้ด้วย เมื่อปิดแล้วจะเป็นแถบสีดำมาเติมตรงที่ปิดไปนั้นเองครับ และ มีหน้าจอ Ambiant แจ้งเตือนขาวดำเวลาวางมือถือไว้ครับ ไม่ได้ติดตลอดนะ การใช้งานก็สามารถแตะเพื่อเปิดหน้าจอได้ คว่ำเพื่อวางสายต่างๆทั้งหลายประมาณ 6-7 วิธีครับตามภาพตรงกลาง เป็น Gesture พื้นฐานของระบบ Android และอีกจุดที่ชอบคือยังมีแอพ FM มาให้ในเครื่องซึ่งถือว่าหาได้ยากในหลายๆค่ายเลย
SCREEN
หน้าจอรุ่นนี้เป็นหน้าจอขนาด 6.18 นิ้ว FHD+ Pure Display ที่รองรับ HDR 10 DCI-P3 เป็นหน้าจอแบบ IPS LCD นะครับ แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดำสนิทแบบพวก OLED แต่ก็เป็นหน้าจอที่ดีอีกตัวจากทาง Nokia เลยแหละ หน้าจอนั้นทำออกมารองรับการใช้งานทั้งที่มืดและสว่างได้ดี สู้แสงได้ดีเลยรวมถึงตัวคุณภาพของหน้าจอสีทำได้แม่นยำและสวยงามธรรมชาติและมีความคมชัดตามระดับของ FHD+ รองรับมุมมองเอียงๆได้ดีไม่มีเพี้ยนแต่จะเจอแค่สีดำเวลามองมุมอื่นๆอาจจะไม่ได้ดำสนิทครับซึ่งเป็นปกติของจอแบบนี้ จริงๆหน้าจอไม่มีอะไรขัดใจ มีแค่รอยบากบนหน้าจอที่มันใหญ่มาก มากเกินไปในสมัยนี้ เสียดายแค่นี้แหละ แต่ถ้ารุ่นใหม่เป็นแบบเจาะรูแล้วก็น่าสนใจขึ้นเยอะเลยนะ
SOUND
ในเรื่องของระบบเสียงนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบเสียงที่สามารถใช้งานผ่านแจ๊ค 3.5มม.ได้ เสียงที่ทำออกมาค่อนข้างธรรมดากลางๆครับ ก่อนอื่นเรามาลองตัวหูฟังแถมกันก่อนเลยหูฟังแถมเป็นแบบ IN-EAR แต่ถือว่าเสียงดีกว่าที่คิดนะ เพราะรุ่นก่อนๆเสียงมันไม่ได้ดีเท่าไร แต่รุ่นนี้เสียงไม่แสบหูไม่แหลมจัดแล้วครับ คือเอามาฟังเพลงแก้ขัดได้เลยแหละ แม้จะเปิดเสียงสุดครับ แต่ที่ต้องยอมรับคือเสียงไม่ได้มิติดีและรายละเอียดไม่ได้ดีเท่าไรครับ โดยรวมๆ จุดนี้แอบดีกว่าที่คิดครับ เสียงเบสถือว่ามาดีอยู่นะนุ่มๆแต่ไม่ได้สะใจอะไร ตัวหูฟังมันทำจากพลาสติกเลยเบาใส่สบายดีเหมือนกัน ส่วนเสียงขับออกมาจากแจ๊ค 3.5มม.จากที่ลองกับหูฟังประจำนั้นเสียงทำได้กลางๆไม่ได้เด่นอะไรมากนักแรงขับพอใช้ได้ครับ ย่านต่ำค่อนข้างมาน้อยไปนิด แต่ก็ดีกว่าบางยี่ห้อในราคาหมื่นต้น แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งในงบ 11-15K อาจจะมีบางตัวที่ดีกว่าครับและ Nokia ไม่สามารถปรับ EQ ในตัวได้เลยนั้นเอง ส่วนลำโพงเดี่ยวนั้นมี Smart PA ช่วยในจุดนี้เสียงก็พอใช้ได้ดังกว่าคู่แข่งนิดหน่อย แต่มิติเสียงไม่ดีเท่าไรครับเป็นปกตินะ เน้นความดังมากกว่าเวลาเสียงเรียกเข้าจะชัดเจนเลยครับ และ เพลงเวลาฟังจะได้ยินรายละเอียดบางอันที่ดีกว่าเพราะมันขับได้มากกว่า
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้