สวัสดีครับก่อนอื่นเลย ผมเป็นคนชอบเดินป่ามากแล้วมีครั้งนึงครับได้มีโอกาสได้ติดตามกลุ่มพี่ๆไปเดินป่าแถวป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรีแต่ผมไม่ได้ไปล่าเสือดำนะครับ ผมไปเดินป่าเพื่อชมความงามตามธรรมชาติโดยครั้งนี้ครับได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่และมีเจ้าหน้าที่ติดตามไปด้วยประมาณ 2-3 คน ก็เดินป่าเป็นระยะทางประมาณ 8 กิโลจนไปถึงยอดเขายอดหนึ่งที่อยู่ในเขตของป่าทุ่งใหญ่นเรศวร สำหรับผมป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ถือว่าเป็นป่าที่มีธรรมชาติสวยงามมาก ระหว่างเดินยังได้ยินเสียง ชะนี ดังอยู่ไกลๆแต่ก็ไม่เห็นตัว
เรื่องราวเกิดขึ้นอยู่ระหว่างประมาณ 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืนระหว่างที่เรานั่งล้อมกองไฟกันอยู่ คุยเรื่องราวต่างๆ ผมดันปวดท้องขึ้นมาครับเลยขออนุญาตไปทำธุระส่วนตัวแถวๆบริเวณชายป่าห่างจากกองไฟก็ประมาณสัก 100 - 200 เมตรครับ แต่พอเห็นกองไฟอยู่ไกลๆ ป่าในยามค่ำคืนถือว่าเงียบมาก จะมีเสียงก็แต่เพียงจิ้งหรีดเรไรร้อง เพื่อกลบความเงียบของผืนป่า หลังจากทำธุระเสร็จ ผมก็เดินกลับ ซึ่งในระหว่างทางครับมันต้องเดินผ่านหญ้าแห้งในระยะหนึ่ง ซึ่งการเดินผ่านก็จะเกิดเสียงเท้าเราลากกับหญ้าแห้ง แต่ในขณะเดินกลับผมได้ยินเสียง เดินตามมาทางด้านหลัง เป็นเสียงฝีเท้าลากมากับหญ้า พอผมหยุดเดินเสียงเท้ามันก็เงียบไป พอเริ่มเดินก็ได้ยินเสียงเหมือนเดิมจากทางด้านหลัง หลายคนถ้าได้อ่านอาจจะคิดว่าผมหูแว่วหรือหรือคิดไปเอง ซึ่งผมยืนยันได้ครับว่าไม่ได้เกิดจากอาการหูแว่วหรือคิดไปเอง ผมเลยคิดที่จะตัดสินใจหันไปดู แต่จากการเดินป่ามาหลายครั้งที่บางคนเคยเล่าให้ฟังว่าบางอย่างเราไ่ม่ควรที่จะหันไปมองหรือทักไปหาเวลาอยู่ในป่าในตอนกลาง ผมเลยตัดสินใจ เดินต่อไปเลื่อยๆ จนถึงกองไฟ แล้วฉายไฟฉายไปตรงที่ผมเดินมา ก็ไม่พบอะไร มีเพียงแต่ความมืดของป่าเท่านั่น...และเงาดำๆที่อาจจะเกิดจากเงาไม้หลอกตาเรา แต่ถ้าเป็นสัตว์ป่าผมคงไม่รอดมาถึงกองไฟแน่นอน..
เรื่องเล่าจากป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
เรื่องราวเกิดขึ้นอยู่ระหว่างประมาณ 5 ทุ่มถึงเที่ยงคืนระหว่างที่เรานั่งล้อมกองไฟกันอยู่ คุยเรื่องราวต่างๆ ผมดันปวดท้องขึ้นมาครับเลยขออนุญาตไปทำธุระส่วนตัวแถวๆบริเวณชายป่าห่างจากกองไฟก็ประมาณสัก 100 - 200 เมตรครับ แต่พอเห็นกองไฟอยู่ไกลๆ ป่าในยามค่ำคืนถือว่าเงียบมาก จะมีเสียงก็แต่เพียงจิ้งหรีดเรไรร้อง เพื่อกลบความเงียบของผืนป่า หลังจากทำธุระเสร็จ ผมก็เดินกลับ ซึ่งในระหว่างทางครับมันต้องเดินผ่านหญ้าแห้งในระยะหนึ่ง ซึ่งการเดินผ่านก็จะเกิดเสียงเท้าเราลากกับหญ้าแห้ง แต่ในขณะเดินกลับผมได้ยินเสียง เดินตามมาทางด้านหลัง เป็นเสียงฝีเท้าลากมากับหญ้า พอผมหยุดเดินเสียงเท้ามันก็เงียบไป พอเริ่มเดินก็ได้ยินเสียงเหมือนเดิมจากทางด้านหลัง หลายคนถ้าได้อ่านอาจจะคิดว่าผมหูแว่วหรือหรือคิดไปเอง ซึ่งผมยืนยันได้ครับว่าไม่ได้เกิดจากอาการหูแว่วหรือคิดไปเอง ผมเลยคิดที่จะตัดสินใจหันไปดู แต่จากการเดินป่ามาหลายครั้งที่บางคนเคยเล่าให้ฟังว่าบางอย่างเราไ่ม่ควรที่จะหันไปมองหรือทักไปหาเวลาอยู่ในป่าในตอนกลาง ผมเลยตัดสินใจ เดินต่อไปเลื่อยๆ จนถึงกองไฟ แล้วฉายไฟฉายไปตรงที่ผมเดินมา ก็ไม่พบอะไร มีเพียงแต่ความมืดของป่าเท่านั่น...และเงาดำๆที่อาจจะเกิดจากเงาไม้หลอกตาเรา แต่ถ้าเป็นสัตว์ป่าผมคงไม่รอดมาถึงกองไฟแน่นอน..