เห็นบรรดาชาวไทย “ตลาดบน” โวยวายกันใหญ่เรื่องไปเที่ยวเกาหลีใต้ลำบากเพราะเจอเพื่อนร่วมชาติกลุ่ม “ตลาดล่าง” ลอบเข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมายจนโดน ตม. คุมเข้มถึงขั้นบางครั้งก็ไม่ให้ผ่านแดนยกลำ ( เครื่องบิน ) ก็เลยขอเอาข่าวเก่าเดือน ธ.ค. 2561 จาก นสพ.แนวหน้า กรณี “ดนย์ ทาเจริญศักดิ์” คนไทยที่ไปเรียนในเกาหลีใต้แล้วเข้าไปศึกษาชีวิตแรงงานผีน้อย จนได้ข้อสรุปที่น่าสนใจ มาแปะไว้ให้อ่านกัน
ที่มา :
https://www.naewna.com/likesara/384518
เช่น “เกาหลีใต้ขาดแคลนแรงงานพื้นฐานอย่างมาก” และในระดับรุนแรงกว่าปัญหาเดียวกันของไทย ( ที่ต้องจ้างแรงงานพม่า ลาว กัมพูชา มาทำงานที่คนไทยไม่ทำ )
“มันมีเรื่องความคาดหวังของคน ในมุมมองของเด็กจบใหม่เขาต้องการไปเรียนต่อเมืองนอกหรือไปทำงานในบริษัทใหญ่ๆ สังคมที่พัฒนาแล้วจะมีปัญหานี้หมด เกาหลีใต้เขาคิดว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ ปัญหาของเขาหนักกว่าไทย ผมมองว่าที่เกาหลีใต้มันเหมือนกับว่าถ้าคนเรียนจบมาจะมีมุมมองเดียวกันหมดเลยที่เคยคุยกับเด็กเกาหลีใต้ ไม่มีใครรู้เลยว่ามีงานโรงงานอยู่และมีความต้องการแรงงาน”
หรือ “ผู้คนและเจ้าหน้าที่รัฐของเกาหลีใต้ไม่ได้เกลียดชังแรงงานข้ามชาติอย่างรุนแรงอย่างที่ปรากฏในข่าวต่างๆ” ถึงขั้นมีคนไทยจำนวนไม่น้อยขยับไปเป็นลูกจ้างร้านอาหารหรือขายของในร้านชำ ( เหมือนแรงงาน 3 สัญชาติในเมืองไทย ที่หลายคนมาขายของหน้าร้านโดยคนไทยที่เป็นเจ้าของร้านก็ยินยอม ) เพียงแต่เจ้าหน้าที่เกาหลีนั้นปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด แม้ภายในใจจะไม่รังเกียจแต่ก็ต้องทำตามหน้าที่ไม่อาจย่อหย่อนละเว้น
“จากที่ผมเคยคุยกับคนเกาหลีใต้ เขารู้ว่ามีแรงงานต่างชาติอยู่ในประเทศแต่ไม่ได้สนใจ ไม่ได้มองว่าจะมาสร้างปัญหา ไม่ได้มองภาพลบขนาดนั้น แถมยังมีการปฏิสัมพันธ์เชิงพี่น้องด้วย ไมได้รังเกียจกันร้ายแรง เกาหลีเขี้ยวเพราะกฎหมายมากกว่า ผมเคยเจอเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม. - Immigration) ที่เขามาตามจับ เขาเข้าใจว่าแรงงานพวกนี้เข้ามาเพราะสภาพสังคมบีบให้เขามา แต่เขาต้องทำตามกฎหมาย ทำตามหน้าที่ที่ต้องจับ”
นอกจากนี้ยังพบว่า “จะไปถูกหรือผิดกฎหมายก็ค่าเท่ากัน” เพราะที่เกาหลีใต้มีกฎหมายว่า “ถ้านายจ้างไม่พาแรงงานไปโรงพยาบาลจะไม่สามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาลได้..ต้องจ่ายเงินเอง” ดังนั้นแม้จะไปอย่างผิดกฎหมาย แต่ถ้าไปเจอนายจ้างที่ดี ช่วยออกค่ารักษาให้ก็มีเหมือนกัน ( หรือบางทีกลุ่มคนไทยในเกาหลีใต้ก็ลงขันช่วยเหลือกันเอง ) สุดท้ายนักวิชาการผู้นี้ยังฝากถึงบรรดาผู้หงุดหงิดที่ไม่ได้ไปเที่ยวเกาหลีจากการดิ้นรนของเพื่อนร่วมชาติที่ไปทำงานด้วย ดังนี้
“คนปกติจะมองเรื่องนี้แค่ปลายเหตุ มองว่าคนพวกนี้เห็นแก่ตัวที่ไปทำงานต่างประเทศ แต่ไม่เคยตั้งคำถามว่าคนเหล่านี้อยู่ในประเทศด้วยสถานภาพแบบไหน? เรื่องนี้สำคัญ เราควรจะหันกลับมามองว่าเราอยู่กันสภาพแบบไหน? แล้วเราควรจะช่วยเหลือกันอย่างไรต่อ? ไม่ใช่มองที่ปลายเหตุว่าคนพวกนี้ไปเพราะความเห็นแก่ตัว แต่เขาไปเพราะความจำเป็นที่เลือกไม่ได้ในประเทศ”
“ผมมองว่าการทำงานนอกประเทศแบบนี้มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น เพราะมันไม่ได้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศ แรงงานไทยไปทำงานแล้วส่งเงินกลับมา สุดท้ายเงินก็ไปเข้าระบบทุนนิยมไทยแบบเดิม มันไม่ใช่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เป็นการแก้ปัญหาเชิงปัจเจกบุคคล และสนับสนุนให้โครงสร้างที่มันเหลื่อมล้ำของไทยรุนแรงมากขึ้น”
------------------------------------
คิดเห็นอย่างไรกันครับ?
TonyMao_NK51 ( ใช้แทนอมยิ้มที่ถูกแบน )
[เหลื่อมล้ำNEWS]เชื่อหรือไม่?นักวิชาการเผยงานวิจัยพบสังคมเกาหลีใต้ไม่ได้รังเกียจ‘ผีน้อยไทย’อย่างที่หลายคนคิด
ที่มา : https://www.naewna.com/likesara/384518
เช่น “เกาหลีใต้ขาดแคลนแรงงานพื้นฐานอย่างมาก” และในระดับรุนแรงกว่าปัญหาเดียวกันของไทย ( ที่ต้องจ้างแรงงานพม่า ลาว กัมพูชา มาทำงานที่คนไทยไม่ทำ )
“มันมีเรื่องความคาดหวังของคน ในมุมมองของเด็กจบใหม่เขาต้องการไปเรียนต่อเมืองนอกหรือไปทำงานในบริษัทใหญ่ๆ สังคมที่พัฒนาแล้วจะมีปัญหานี้หมด เกาหลีใต้เขาคิดว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ ปัญหาของเขาหนักกว่าไทย ผมมองว่าที่เกาหลีใต้มันเหมือนกับว่าถ้าคนเรียนจบมาจะมีมุมมองเดียวกันหมดเลยที่เคยคุยกับเด็กเกาหลีใต้ ไม่มีใครรู้เลยว่ามีงานโรงงานอยู่และมีความต้องการแรงงาน”
หรือ “ผู้คนและเจ้าหน้าที่รัฐของเกาหลีใต้ไม่ได้เกลียดชังแรงงานข้ามชาติอย่างรุนแรงอย่างที่ปรากฏในข่าวต่างๆ” ถึงขั้นมีคนไทยจำนวนไม่น้อยขยับไปเป็นลูกจ้างร้านอาหารหรือขายของในร้านชำ ( เหมือนแรงงาน 3 สัญชาติในเมืองไทย ที่หลายคนมาขายของหน้าร้านโดยคนไทยที่เป็นเจ้าของร้านก็ยินยอม ) เพียงแต่เจ้าหน้าที่เกาหลีนั้นปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด แม้ภายในใจจะไม่รังเกียจแต่ก็ต้องทำตามหน้าที่ไม่อาจย่อหย่อนละเว้น
“จากที่ผมเคยคุยกับคนเกาหลีใต้ เขารู้ว่ามีแรงงานต่างชาติอยู่ในประเทศแต่ไม่ได้สนใจ ไม่ได้มองว่าจะมาสร้างปัญหา ไม่ได้มองภาพลบขนาดนั้น แถมยังมีการปฏิสัมพันธ์เชิงพี่น้องด้วย ไมได้รังเกียจกันร้ายแรง เกาหลีเขี้ยวเพราะกฎหมายมากกว่า ผมเคยเจอเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม. - Immigration) ที่เขามาตามจับ เขาเข้าใจว่าแรงงานพวกนี้เข้ามาเพราะสภาพสังคมบีบให้เขามา แต่เขาต้องทำตามกฎหมาย ทำตามหน้าที่ที่ต้องจับ”
นอกจากนี้ยังพบว่า “จะไปถูกหรือผิดกฎหมายก็ค่าเท่ากัน” เพราะที่เกาหลีใต้มีกฎหมายว่า “ถ้านายจ้างไม่พาแรงงานไปโรงพยาบาลจะไม่สามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาลได้..ต้องจ่ายเงินเอง” ดังนั้นแม้จะไปอย่างผิดกฎหมาย แต่ถ้าไปเจอนายจ้างที่ดี ช่วยออกค่ารักษาให้ก็มีเหมือนกัน ( หรือบางทีกลุ่มคนไทยในเกาหลีใต้ก็ลงขันช่วยเหลือกันเอง ) สุดท้ายนักวิชาการผู้นี้ยังฝากถึงบรรดาผู้หงุดหงิดที่ไม่ได้ไปเที่ยวเกาหลีจากการดิ้นรนของเพื่อนร่วมชาติที่ไปทำงานด้วย ดังนี้
“คนปกติจะมองเรื่องนี้แค่ปลายเหตุ มองว่าคนพวกนี้เห็นแก่ตัวที่ไปทำงานต่างประเทศ แต่ไม่เคยตั้งคำถามว่าคนเหล่านี้อยู่ในประเทศด้วยสถานภาพแบบไหน? เรื่องนี้สำคัญ เราควรจะหันกลับมามองว่าเราอยู่กันสภาพแบบไหน? แล้วเราควรจะช่วยเหลือกันอย่างไรต่อ? ไม่ใช่มองที่ปลายเหตุว่าคนพวกนี้ไปเพราะความเห็นแก่ตัว แต่เขาไปเพราะความจำเป็นที่เลือกไม่ได้ในประเทศ”
“ผมมองว่าการทำงานนอกประเทศแบบนี้มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น เพราะมันไม่ได้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศ แรงงานไทยไปทำงานแล้วส่งเงินกลับมา สุดท้ายเงินก็ไปเข้าระบบทุนนิยมไทยแบบเดิม มันไม่ใช่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เป็นการแก้ปัญหาเชิงปัจเจกบุคคล และสนับสนุนให้โครงสร้างที่มันเหลื่อมล้ำของไทยรุนแรงมากขึ้น”
------------------------------------
คิดเห็นอย่างไรกันครับ?
TonyMao_NK51 ( ใช้แทนอมยิ้มที่ถูกแบน )