ผู้แข็งแกร่งไม่ยึดติด
จังหวะชีวิตของคนเราไม่เหมือนกัน...วันหนึ่งเคยมี...วันต่อมาอาจจะน้อยลงหรือหมดไป ผู้แข็งแกร่งจะไม่ปล่อยให้จิตไหวโอนไปตามกิเลส พวกเขาจึงไม่ค่อยมีความเครียดสะสมอยู่ในสมอง อะไรที่นอกเหนือการควบคุมพวกเขาจะไม่เก็บมาคิด คำว่า ‘ช่างมัน’ จะถูกใช้หลังจากที่พยายามทำอย่างสุดความสามารถแล้ว
ผู้แข็งแกร่งรู้จักพอ
เห็นเงินในบัญชีแล้วบอกกับตัวเองว่า จะต้องรวยกว่านี้...เห็นหน้าที่การงานก็บอกกับตัวเองว่าจะต้องได้ดีกว่านี้ ฯลฯ มันเป็นความทะยานอยากไม่รู้จักพอ ผู้ที่แข็งแกร่งไม่เป็นเช่นนั้นพวกเขาพอใจในสิ่งที่มีและไม่ปล่อยให้ความอยากเข้ามาทำให้จิตใจร้อนรน โดยตั้งอยู่ในแนวคิดที่ว่า ‘แม้จะมีน้อยแต่พอเพียงก็เกิดความสุขได้’
ผู้แข็งแกร่งยอมรับในสิ่งที่ตนเป็น
ผู้แข็งแกร่งมักเข้าใจโลก เข้าใจอดีตและสิ่งที่ตนเองเป็น อะไรที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ พวกเขาจะไม่ซีเรียส ซ้ำยังเปลี่ยนวิกฤติที่ผ่านมาให้กลายเป็นบทเรียนและพร้อมเดินหน้าต่อ
ผู้แข็งแกร่งไม่ตกเป็นทาสอารมณ์
ผู้แข็งแกร่งรู้เท่าทัน รัก โลภ โกรธ หลง หากอารมณ์ขุ่นมัวเนื่องจากปัจจัยใดๆพวกเขาจะรีบโฟกัสไปที่สาเหตุ กำหนดรู้ และรีบเอาตัวเองออกจากสาเหตุนั้น
ผู้แข็งแกร่งรู้จักให้อภัย
ไม่ใช่ทุกอย่างในโลกนี้ที่เราจะถูกใจไปเสียหมด หากมีใครหรือสิ่งใดล่วงเกินพวกเขา พวกเขาจะรีบหาวิธีการป้องกันตัวเองตามกระบวณการณ์พร้อมเรียนรู้ที่จะให้อภัย ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อความสงบในจิตใจของเขาเอง
ผู้แข็งแกร่งอยู่กับปัจจุบัน
อดีตผ่านมาแล้วผ่านไป...’ช่างมัน’ อนาคตยังมาไม่ถึง...’ช่างมัน’ พวกเขารู้แค่ว่าปัจจุบันทำสิ่งต่างๆให้ดีที่สุดโดยเรียนรู้ประสบการณ์จากอดีตและไม่ได้คาดหวังอย่างรุนแรงในอนาคต
ผู้แข็งแกร่งรู้จักถอย
หากมุ่งมานะทำอะไรแล้วสิ่งต่างๆไม่เป็นไปดังใจหวัง พวกเขาจะหาจังหวะถอยหลังกลับหรือหาจุดสงบนิ่งเพื่อวิเคราะห์การกระทำ โดยไม่รู้สึกผิดว่า ทำไมถึงทำแบบนั้น...ทำไมถึงทำแบบนี้
ผู้แข็งแกร่งเข้าใจในความไม่เที่ยง
ไม่มีอะไรมั่นคงทั้งนั้นในโลกนี้ เมื่อรู้เช่นนี้แล้วพวกเขาหาวิธีการรับมือโดยปราศจากการกังวล เมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับสิ่งไม่เที่ยงเหล่านั้น เขาจะไม่จมปลักกับความผิดหวังและเสียใจมากนัก
ผู้แข็งแกร่งมองอุปสรรคเป็นเรื่องเล็กน้อย
พวกเขาไม่ปล่อยให้อุปสรรคทำลายขวัญและกำลังใจและกลับมองอุปสรรคเป็นความท้าทายและเรียนรู้ที่จะสร้างความแข็งแกร่งจากมัน
การปล่อยวาง คือ คุณสมบัติของผู้ที่แข็งแกร่ง โดย คุณวาริชไวรัลย์ ศรีไสย
จังหวะชีวิตของคนเราไม่เหมือนกัน...วันหนึ่งเคยมี...วันต่อมาอาจจะน้อยลงหรือหมดไป ผู้แข็งแกร่งจะไม่ปล่อยให้จิตไหวโอนไปตามกิเลส พวกเขาจึงไม่ค่อยมีความเครียดสะสมอยู่ในสมอง อะไรที่นอกเหนือการควบคุมพวกเขาจะไม่เก็บมาคิด คำว่า ‘ช่างมัน’ จะถูกใช้หลังจากที่พยายามทำอย่างสุดความสามารถแล้ว
ผู้แข็งแกร่งรู้จักพอ
เห็นเงินในบัญชีแล้วบอกกับตัวเองว่า จะต้องรวยกว่านี้...เห็นหน้าที่การงานก็บอกกับตัวเองว่าจะต้องได้ดีกว่านี้ ฯลฯ มันเป็นความทะยานอยากไม่รู้จักพอ ผู้ที่แข็งแกร่งไม่เป็นเช่นนั้นพวกเขาพอใจในสิ่งที่มีและไม่ปล่อยให้ความอยากเข้ามาทำให้จิตใจร้อนรน โดยตั้งอยู่ในแนวคิดที่ว่า ‘แม้จะมีน้อยแต่พอเพียงก็เกิดความสุขได้’
ผู้แข็งแกร่งยอมรับในสิ่งที่ตนเป็น
ผู้แข็งแกร่งมักเข้าใจโลก เข้าใจอดีตและสิ่งที่ตนเองเป็น อะไรที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ พวกเขาจะไม่ซีเรียส ซ้ำยังเปลี่ยนวิกฤติที่ผ่านมาให้กลายเป็นบทเรียนและพร้อมเดินหน้าต่อ
ผู้แข็งแกร่งไม่ตกเป็นทาสอารมณ์
ผู้แข็งแกร่งรู้เท่าทัน รัก โลภ โกรธ หลง หากอารมณ์ขุ่นมัวเนื่องจากปัจจัยใดๆพวกเขาจะรีบโฟกัสไปที่สาเหตุ กำหนดรู้ และรีบเอาตัวเองออกจากสาเหตุนั้น
ผู้แข็งแกร่งรู้จักให้อภัย
ไม่ใช่ทุกอย่างในโลกนี้ที่เราจะถูกใจไปเสียหมด หากมีใครหรือสิ่งใดล่วงเกินพวกเขา พวกเขาจะรีบหาวิธีการป้องกันตัวเองตามกระบวณการณ์พร้อมเรียนรู้ที่จะให้อภัย ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อความสงบในจิตใจของเขาเอง
ผู้แข็งแกร่งอยู่กับปัจจุบัน
อดีตผ่านมาแล้วผ่านไป...’ช่างมัน’ อนาคตยังมาไม่ถึง...’ช่างมัน’ พวกเขารู้แค่ว่าปัจจุบันทำสิ่งต่างๆให้ดีที่สุดโดยเรียนรู้ประสบการณ์จากอดีตและไม่ได้คาดหวังอย่างรุนแรงในอนาคต
ผู้แข็งแกร่งรู้จักถอย
หากมุ่งมานะทำอะไรแล้วสิ่งต่างๆไม่เป็นไปดังใจหวัง พวกเขาจะหาจังหวะถอยหลังกลับหรือหาจุดสงบนิ่งเพื่อวิเคราะห์การกระทำ โดยไม่รู้สึกผิดว่า ทำไมถึงทำแบบนั้น...ทำไมถึงทำแบบนี้
ผู้แข็งแกร่งเข้าใจในความไม่เที่ยง
ไม่มีอะไรมั่นคงทั้งนั้นในโลกนี้ เมื่อรู้เช่นนี้แล้วพวกเขาหาวิธีการรับมือโดยปราศจากการกังวล เมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับสิ่งไม่เที่ยงเหล่านั้น เขาจะไม่จมปลักกับความผิดหวังและเสียใจมากนัก
ผู้แข็งแกร่งมองอุปสรรคเป็นเรื่องเล็กน้อย
พวกเขาไม่ปล่อยให้อุปสรรคทำลายขวัญและกำลังใจและกลับมองอุปสรรคเป็นความท้าทายและเรียนรู้ที่จะสร้างความแข็งแกร่งจากมัน