เราเป็นไบโพล่าร์ผู้ป่วยจิตเวชคนนึงที่หาพื้นที่ระบาย EP.2

เราไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวของเราให้หมอฟังเลย จนวันนึงที่หมอนัด เราก็ลองเล่าเรื่องครอบครัวให้หมอฟัง เรามีลูกน้อย1คนเป็นผู้ชายในตอนนั้นลูกประมาน2ขวบ และก็เล่าเรื่องพ่อของลูก เราบอกหมอว่าเราตั้งคำถามกับตัวเองบ่อยครั้ง เราเบื่อพ่อของลูก เรารำคาญพ่อของลูก เราไม่อยากมีเซ็กด้วย บ่อยครั้งที่เรามานอนบนพื้น พ่อของลูกติดน้ำท่อม ติดแบบให้เลิกก็ไม่เลิก เมื่อก่อนตบเม็ดโซแล่มไปอีก งานการไม่ทำ รายได้หลักมาจากเราทั้งหมด จนกระทั่งตัดสินใจออกจากงาน เพื่อมาเลี้ยงลูกเอง เพราตอนที่ลูกอยู่กับพ่อ ลูกก็เล่นโทรศัพท์ พ่อก็เล่นเกมคอมไป หมอพูดกับเราว่า 100%ของสิ่งที่เราเปนมาจาก ผช คนนี้ มันไม่หมดแค่นี้ ที่ร้ายแรงคือเราได้งานใหม่ เราอดทนทำเปนพาร์ทไทม์ อดทนกินเงิน 436 บาทมาเปนปี เพื่อให้ได้งานนี้ พอเราได้งาน พ่อของลูกสร้างความเดือดร้อนให้เราจนเราโดนออกจากงาน เรื่องมีอยู่ว่าน้องหน่วยแทน รู้จักกะเราตอนเราเปนพาร์ทไทม์ จนกระทั้งเราเปน พนง.ประจำ เราทำงานอีกสาขานึง แล้วพ่อของลูกก็ทำงานในห้างหนึ่งสาขาตอนที่เราเป็นพาร์ทไทม์ (แต่คนละบริษัทนะไม่ได้ทำอยู่บริษัทเดียวกัน) น้องหน่วยแทน เจอพ่อของลูก ผช เจอกัน คุยกัน เราไม่รู้หรอกเราอยู่คนละที่จนกระทั่งเกิดเรื่อง มีเด็กพาร์ทไทม์โดนวางยาข่มขื่นในสต็อคหลังร้านผู้กระทำคือไอ้หน่วยแทนแหละ ในวันเกิดเหตุเราทำงานอยู่ของเราอีกสาขานึง จนกระทั้งไอ้หน่วยแทนไปลาออก แล้วในวันที่มันไปลาออกมันน่าจะโดนซักอะไรนี้แหละ จู่ๆ เราโดนให้ออกจากพื้นที่ด่วน งง ไปอีก มีพี่มายืนแทน พอเราเข้าบรืษัทเราถึงรู้ว่ามันเหิดอะไรขึ้น ไอ้หน่วยแทนมันบอกว่าเอายานอนหลับมาจากพ่อของลูกเรา ทางบริษัทจึงไม่ไว้วางใจให้เราทำงานต่อ คือแบบ โคตรซวย ไม่ได้ทำอะไร ไม่รู้เรื่องอะไร แต่เราต้องออกจากงาน เราเสียใจมาก เราทำไรไม่ถูกเรยมืดแปดด้าน ได้แต่บอกพ่อของลูกว่าเลิกกันเถอะ สร้างความเดือดร้อนแบบนี้มันมากไป เคยพูดแล้วว่าอย่าไปยุ่ง สุดท้ายคนซวยคือเรา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่