เดิมเราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องคุณไสย์เลย ไม่คิดว่ามันจะมีจริงๆในโลก แต่เชื่อเรื่องผีประมาณนึง
เราเป็นคนที่หน้าตาดีระดับนึง ลุคสไตล์เกาหลี เราได้ไปเจอน้องผู้หญิงคนนึง น้องก็หน้าตาดีเลย
ตอนนั้นเราไปเรียนแล้วก็สนิทกัน ทุกเช้าเรากับน้องชอบผลัดกันซื้อขนมหาให้ เพราะเราบ้านอยู่ไกลจากที่เรียนแล้วน้องเองบางทีก็ตื่นสาย
เราก็ทำแบบนั้นกันอยู่หลายเดือนเลยครับ แต่เราทั้งคู่ต่างก็มีแฟนแล้วนะ เราจึงไม่คิดอะไรเกินกว่าพี่น้อง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งอยู่ๆน้องเขาเอาลิปมันมาทาโดยที่ไม่ขอเราก่อน เราก็รู้สึกแปลกๆว่าทำไมเขาทำแบบนั้น หลังๆมาน้องเขาก็แต่งตัวตามแฟนเรา เครื่องประดับ กระเป๋าก็มีเหมือนกันราคาหลายแสนก็ซื้อ แล้วก็มาถามเราว่าเหมือนแฟนเรามั้ย ตอนนั้นเราเลยรู้ว่าน้องน่าจะคิดอะไรกับเราแน่ๆ แต่แฟนเราก็เฉยๆ เพราะเชื่อใจเรามากๆ เราเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ ความจำสั้นมาก เบลออยู่บ่อยครั้ง จึงได้ไปหาหมอ หมอวินิจฉัยว่าเรามีอาการวิตกกังวล เราจึงกินยารักษาอยู่หกเดือน แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้น
ต่อมาเราไปเที่ยวสถานที่นึงไปสามคน เขาฉีกตั๋วสี่ใบ ซื้อของข้างในสามคนเขาก็ฉีกสี่ คืนนึงเราได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนข้างหนูดังมากๆ จนสะดุ้งตื่น เราตกใจมากๆจึงไปทำบุญ แล้วได้ดูดวง แม่หมอบอกเราโดนของ จึงทำพิธีแก้
แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นทุกๆคืนเราได้ยินเสียงหญิงสาวตะโกนเรียกชื่อเราซ้ำๆจากทางหน้าบ้านในช่วงเวลากลางดึกจนเราตื่นขึ้นมาทุกคืน
ช่วงนั้นเราเริ่มมีการอยากมีเซ็กกับคนแปลกหน้ามาก ทั้งๆที่ปกติเราเป็นคนไม่ค่อยมีอารมณ์เรื่องพวกนี้  ก็เลยมีนัดหรือซื้อบริการบ้าง
คนเริ่มทักว่าเราหน้าหมองคล้ำ มีอาการเหม่อลอย ชอบโยกตัวไปข้างหน้าเวลานั่ง หลายๆคนเริ่มไปคุยกันเองว่าทำไมเราเปลี่ยนไป บ้างก็บอกเราโดนของ
แต่ตัวเรายังรู้สึกปกติ แล้วยังคิดว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ
จนวันนึง เราได้ไปพบกับน้องคนนึงที่มีชื่อว่า A  เนื่องด้วยอาชีพน้องเราจึงให้น้องมาช่วยงานที่บ้าน ซึ่งเราให้น้องใช้ห้องๆนึงเป็นห้องทำงาน แต่ทุกครั้งที่น้องA เข้าห้องจะมีอาการแปลกๆ ดูไม่อยากเข้าไปในห้อง จนวันนึงน้องสารภาพว่าเห็นผู้หญิงนั่งอยู่ในห้องบนโซฟาริมหน้าต่าง แล้วรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองอยู่ตลอด เราจึงเอาเรื่องนี้ไปถามแฟน ก็รู้สึกเหมือนA เอาไปถามลูกน้องอีกสองคนก็รู้สึกกลัวห้องนี้เหมือนกัน แล้วไม่ค่อยอยากเข้าห้องนี้ ทุกคนจะกลัวแล้วรู้สึกมีคนอยู่ในห้องเหมือนกันยกเว้นเรา ที่รู้สึกสบายใจ ชอบไปนอนหรือทำงานอยู่
ต่อมาน้องA ได้พา B ซึ่งเป็นพี่ตน เขาบอกว่าเห็นผีได้ แล้วมีประสบการณ์การโดนของ ซึ่งเราก็ไม่เชื่อเลย ในใจคิดว่าประสาทแน่ๆ 
เมื่อB ได้มาที่บ้าน ก็รู้สึกแปลกๆกับห้องนี้เหมือนกัน แล้วเห็นผู้หญิงผมสั้นตาโต กางเกงสีแดงนั่งอยู่พร้อมกับยิ้มแล้วหัวเราะให้
ซึ่งBก็ยังไม่รู้จะทำยังไง หลังจากนั้นมาเราก็เจอกันบ่อยขึ้น  คนรอบข้างบอกเราจะกลัว Bมากแบบไม่กล้ามองหน้าสบตาเลย มีหลายครั้งที่ บีจะเห็นผู้หญิงผมสั้นเกาะอยู่ที่ตัวเราเวลาเราไปกินข้าวด้วยกันแม้จะตอนกลางวัน หรือกลางคืนดึก ทุกสถานที่แม้แต่ในห้าง บอกตรงๆเรายังไม่เคยค่อยเชื่อ แต่เวลานัดกับเพื่อน เพื่อนก็เริ่มจะบอกแฟนเราว่าผู้หญิงลักษณะเดียวกัน คือผมสั้น ตาโตๆ กางเกงแดง เกาะเรา
จนอยู่มาวันนึง เอได้โทรมาหา บอกว่ามีคนเขาฝันบอกว่าให้รีบมาช่วยเรา เพราะว่าเราโดนของ ของจะอยู่ที่บ้านเรา ให้หาให้เจอ
เมื่อเอกับบีมาถึง ก็ได้ช่วยกันค้นบ้านหาว่าเรารับของมาจากใครบ้างซึ่งเยอะมากๆ ในระหว่างนั้น บีก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นหัวเราะแล้วพูดว่าช่วยไม่ได้หรอก พวกเราก็ช่วยกันหาของออกมาทั้งหมด โดยที่บีได้โทรหาเพื่อนคนนึงที่เคยโดนคุณไสย์มาช่วยแต่เขาไม่รับโทรศัพท์ เราก็ได้นำของทั้งหมดไปเผาทิ้ง แล้วคิดว่าเรื่องจะจบแล้ว
วันต่อมา เอก็ได้มาบอกว่าเพื่อนที่บีโทรไปหาโดนผีอำ ซึ่งที่น่าตกใจคือลักษณะเป็น ผู้หญิงผมสั้น ตาโตๆ กางเกงสีแดง  ในขณะที่โดนอำ ผู้หญิงคนนี้ก็พูดว่า ช่วยไม่ได้หรอก
เมื่อเวลาผ่านไปซักเดือนกว่าๆ เอก็มาเล่าให้ฟังว่าคนงานที่บ้านโดดลงมาจากชั้นสาม แล้วพรึมพร่ำว่าอยากฆ่าตัวตาย มีคนจะเอามาชีวิต ตอนอยู่โรงพยาบาลก็บอกลักษณะผู้หญิง ซึ่งก็ลักษณะเดียวกันทั้งหมด  ซึ่งช่วงนั้นเราเองก็มีอาการชัดขึ้น หน้าดำมากๆ โทรม ใจลอย ไม่กลัวตาย กล้าลองอะไรแปลกๆ ทั้งที่เป็นคนขี้กลัวมากๆ ติดเซ็ก นั่งโยกตัวแรงขึ้นกว่าเดิม  พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง (ตรงนี้คนรอบๆข้างมาบอกทีหลัง)
จนต่อมาแฟนรู้ว่าเราไปมีอะไรกับคนอื่นจึงเลิกไป หลังจากเลิกก็มีเหตุการณ์แปลกๆ คือคืนนึง เราขับรถไปกับแฟนอยู่ ถนนมีสามเลน เราเห็นมอเตอร์ไซต์แทรกคันกลางแล้วโดนรถคันกลางคัน คนกระเด็นไปอีกฝั่งที่เป็นห้าง ตัวรถเข้าไปในวัด เราจึงจอดู กลับไม่พบอะไรเลย  ในคืนเดียวกัน เราเจอมอแปลงระเบิดตรงหน้า เจอคนโดนลงมาจากรางรถไฟ แต่กลับไม่พบอะไร เราก็ได้ไปอยู่จังหวัดๆนึง ช่วงนั้นก็ขาดการติดต่อกันไป ระหว่างนั้นเราเจอเหตุการณ์เหมือนมีคนตายแต่หายไปตรงหน้าหลายครั้งมากๆ จนแฟนเราโทรมาบอกให้รีบกลับมาเอาของออก เราจึงได้เดินทางกลับแล้วไปเอาของออก เมื่อไปถึง หลวงพ่อก็ขอวันเดือนปีเกิด แล้วทักว่าโดนของ โดนจากการกินหรือสีผึ้ง แต่ถ้าไม่เชื่อก็ไปรักษาทางจิตเวชดู เราก็ทำพิธีรดน้ำมนต์ จากนั้นก็ไปหาจิตแพทย์ก็พบว่าเป็นไบโพล่าด้วยหลังจากนั้น ทุกวันนี้เราก็เลยยังสงสัยว่าจริงๆเราโดนของจริงๆมั้ยหรือเป็นไบโพล่า ซึ่งถามจิตแพทย์เขาก็ให้คำตอบว่า คนมีอาการไบโพล่า คนชอบทักว่าโดนของ.....