▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
นักท่องเที่ยว
Backpack
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
ออโรรา (Aurora)
[CR] ผจญภัยแสงเหนือรัสเซีย แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ตอน 2
การเดินทางในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ด้วยระยะทาง 170 กิโลเมตร เนื่องด้วยความหนาของหิมะ ทำให้การขับรถต้องทำด้วยความระมัดระวังอย่างมาก สภาพรถที่เราเดินทางเป็นเช่นนี้แล ขอบอกว่าคนขับรถ คุณอังเดร ขับรถเก่ง ใจเย็น น่ารักมากๆค่ะ รถก็ใหม่และสภาพดีมากๆเลยเช่นกัน พวกเรานั่งสบายมากๆ
และแล้วพวกเราก็มาถึงหมู่บ้านโลโวซีโร่กันค่ะ ด้วยอุณหภูมิอันหนาวเหน็บ -20 องศา ไกด์ที่ดูแลพวกเรา "Dima" ได้ตรวจตราให้ทุกคนเปลี่ยนชุด รองเท้า หมวก ถุงมือทุกอย่างให้พร้อมรับมือกับอากาศที่หนาวสุดขั้วในทะเลสาบโลโวซีโร่ ที่กลายเป็นน้ำแข็ง เราทุกคนจะต้องนั่งลากเลื่อนเพื่อเข้าไปยังที่พัก โดยใช้เวลานานถึง 1.30 น.
และแล้วพวกเราก็เปลี่ยนเสื้อผ้าที่โอเลคเตรียมไว้ให้กันหนาวรุนแรงเป็นพิเศษเสร็จ สภาพก็จะเป็นเช่นนี้ สัมภาระแต่ละคนไม่น้อยเลยทีเดียวเชียว
สำหรับพวกเราคนไทย มาเจอสภาพอากาศหนาวขนาดนี้แล้วแต่ต้องยอมรับว่าตื่นตาตื่นใจกับความขาวโพลนอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า ถ่ายรูปกันจริงจังมาก หมู่บ้านโลโวซีโร่ เป็นหมู่บ้านที่มีชาวซามีดั้งเดิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทึ่งกับความเก่งกาจในการปรับตัวของมนุษย์ซะจริงๆ
นี่คือสภาพลากเลื่อนที่พวกเราทั้ง 24 คนต้องนั่งไป สุดยอดมากๆใช่ไหมคะ
นี่ค่ะ ไกด์สุดหล่อ "Dima" และ คนขับ "Audrey" ที่จะพาเราเข้าไปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวซามี "ทะเลสาบโลโวซีโร่"
เมื่อไกด์ตรวจตรา เตรียมความพร้อมเรียบร้อย อุณหภูมิก็ลดฮวบลงอีกเหลือ -30 และแล้วก็ถึงเวลาเดินทางอันน่าตื่นเต้นซักที
ตาคนนี้ชื่ออะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าเป็นชาวซามี จะพาเราเข้าไปยังที่พักกลางทะเลสาบกันค่ะ . แค่เริ่มต้นก็ใจระทึกบอกไม่ถูก
เกาะให้แน่นจร้า
พวกเราทุกคนต้องนั่งกันแบบนี้ไปอีกเกือบ 2 ชั่วโมงค่ะ . แต่ด้วยบรรยากาศที่สวยงาม ตื่นตาตื่นใจ เรานั่งไปชมวิวไป เพลินดีค่ะ แต่เมื่อยนะคะ 5555
ซามีคนนี้ขับไปก็คอยหันมามองว่าพวกเราโอเคไหม ขอบอกว่านั่งข้างหลังสโนว์โมบิล ผงหิมะกระเด็นเข้าหน้า เข้าตา เข้าเสื้อผ้า ขนตายังแข็งเลยล่ะค่ะ
สักเกือบชั่วโมง เหมือนเมื่อถึงครึ่งทางแล้วก็มีการพักเครื่องยนต์ให้พวกเราได้ลงมายืดเส้นยืดสาย ถ่ายภาพความสวยงามไว้เป็นที่ระลึก สวยงามน่าประทับใจมากๆเลยล่ะค่ะ ทุกๆคนมีความสุขมาก คุณพ่อของพี่สาวที่มาด้วยกัน อายุท่าน 72 ปีแล้ว นั่งอยู่หลังเคท ท่านถึงกับตะโกนบอกเคทว่า สุดยอด สวยมากๆ ประทับใจที่สุดเลย หัวใจคนที่วางแผนทริปพองโตเลยค่ะ
ทุกคนแม้ว่าจะเมื่อยมาก แต่ก็แลดูมีความสุข เพราะความสวยงามและความแปลกใหม่ของการเดินทางที่ปกติไม่ค่อยได้ต้องลุยกันขนาดนี้รึเปล่า 555
แต่แล้วการเดินทางของพวกเราก็เกิดอุปสรรคที่น่าตื่นเต้นขึ้นจนได้ เพราะเกิดเหตุการณ์น้ำแข็งในทะเลสาบมันเริ่มละลาย ทำให้ลากเลื่อนที่พวกเรานั่ง 2 ขบวนติดหล่ม จากทั้งหมด 3 ขบวน (เด็กน้อยนั่งอยู่ในตู้ที่อบอุ่น) ต้องลงมายืนให้ตาลุงซามีแก้ไข ที่น่ากลัวคือ ตอนที่เค้าให้เราลงจากเลื่อน ปรากฎว่าพอย่ำเท้าลงไปในหิมะ กลับเจอน้ำทะเลสาบที่ละลายให้เท้าเราจมน้ำลงไปเปียกแต่ไม่ได้ลงไปลึกมาก ด้วยความที่เราไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้ ตกใจมากๆ กลัวจะจมไปเจอกับปลาเทราตัวใหญ่ๆที่ชอบทานน่ะสิ
เค้ากระตุกลากเลื่อนยังไงก็ไม่สามารถเอาเลื่อนออกจากหล่มได้หมด ในที่สุด ตาลุงซามิก็สามารถกู้ลากเลื่อนได้เพียงตัวเดียวจาก 3 เค้าชี้โบ้ชี้เบ้ให้พวกเราทั้งหมดวิ่งขึ้นลากเลื่อน ในตอนนั้น เคทพยายามตั้งสติอย่างเต็มที่ และดูเหมือนว่าผู้ร่วมทริปทุกคนก็เช่นกัน จากเลื่อน 3 ตัวพวกเราเริ่มวิ่งขึ้นเลื่อนที่เคลื่อนตัวทีละคน ทีละคน จนนั่งครบ คือจากตอนมาครั้งแรกนั่งแค่ 3 คนบนเลื่อน 1 อัน เป็น 6 คน และพวกเราก็นั่งกันไปจนถึงที่พักได้ในที่สุด
สิ่งที่เคทดีใจ และประทับใจเป็นที่สุดก็คือ เคทได้เรียนรู้ว่าตัวเคทเองมีจิตใจกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และมีความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง เพราะเคทช่วยให้ทุกคนวิ่งลงเลื่อนลากทีละคน ทีละคน จนตัวเองวิ่งขึ้นไปเป็นคนสุดท้าย รู้สึกภูมิใจกับทุกคนและตนเองมากๆที่ไม่มีใครเห็นแก่ตัวกันเลย มีน้ำใจช่วยเหลือกันยามคับขันอย่างแท้จริง รักและประทับใจทุกคนจริงๆค่ะ
พอขบวนของพวกเราเข้าไปที่บ้านพักอันแสนอบอุ่นได้ ก็ดีใจมากๆ แต่แล้วก็มารู้ว่าที่ทุกคนเข้ามายังมีอีก 3 ท่าน ไม่รวมไกด์และคนขับรถที่ยังยืนรอให้สโนว์โมบิลที่ขนคนกลับมาได้ไม่หมด กลับไปรับ
ใจเคทตอนนั้นเหมือนอยู่ในกองไฟ มองหน้าพี่สาว และครอบครัวของคุณหมอที่รอคุณพ่อ รอสามีกลับมาแล้วเคทใจตกลงไปถึงตาตุ่ม ถือว่าการเฝ้ารอตรงนั้นมันช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าและยาวนานเป็นที่สุด เคทเดินไปเดินมา ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตัดสินใจแล้วว่ายังงัยสภาพการเดินทางอันตรายขนาดนี้แต่ละคนคงไม่มีกระใจที่จะทำอะไรแน่นอน
และแล้วการรอคอยอันแสนทรมานก็สิ้นสุดลง เมื่อวีรบุรุษ 3 ท่านได้มาถึงที่พัก ยังจำภาพและบรรยากาศตอนนั้นได้ดีว่าทุกคนดีใจขนาดไหน ครอบครัวเข้าไปกอดพ่อ สามีตัวเองกัน เคทเองน้ำตาซึมเลยล่ะค่ะ แต่ก็ต้องฝืนพยายามทำตัวเข้มแข็ง ไม่ให้ผู้ร่วมทางใจเสียไปกับเคทด้วยนั่นเอง
สิ่งที่ได้และเรียนรู้ คือ ความกล้าหาญ เสียสละ และความเอื้อเฟื้อที่พวกเรามีให้กัน เคทหัวใจพองโตมากๆ ทุกๆคนมาบอกเคทว่าไม่เป็นไร ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุม และพวกเค้าโอเคมากๆกับการเดินทางสุดแสนพิเศษครั้งนี้
คืนนั้นพวกเรานั่งดื่มกินคุยกันดึกดื่นเลยล่ะค่ะ รวมถึงไกด์ ดีม่าและอังเดร คนขับ ความสัมพันธ์ก่อเกิดจากเรื่องราวและสิ่งต่างๆที่พบเจอมาด้วยกันอย่างแท้จริงนะคะ นี่แหล่ะค่ะเสน่ห์ของการเดินทาง ไม่ใช่แค่เพียงสถานที่ แต่เป็นผู้คนดีๆที่เคทได้พบ ได้เจอ เรียกว่าหลุดออกจากกล่องแคบๆในชีวิตปกติของเคทเลยทีเดียว เกิดมาชาตินี้เคทว่าใช้ชีวิตคุ้มค่ามากๆ เกินกว่าที่ฝันไว้แล้วล่ะค่ะ
ในบ้านพักสวยมากๆมี 4 ห้องนอนใหญ่ๆให้พวกเราเลือกเข้าพัก ห้องน้ำสะอาดสะอ้าน อาหารร้อนๆ เสริฟกับปลาซาลมอน ปลาเทราสดๆ เครื่องดื่มก็มีให้ทานไม่อั้นเลยทีเดียว เสียดายไม่ค่อยได้ถ่ายรูป เพราะมัวแต่ตื่นเต้นและลุ้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดแล้วอยากกลับไปถ่ายทุกซอกทุกมุมเลยค่ะ
เริ่มเข้าช่วงเวลา 3 ทุ่ม ไกด์ก็บอกพวกเราว่า ออโรล่ามาแล้วให้เราเดินออกไปดุที่ทะเลสาบ .
ภาพที่เห็นแม้ว่าแสงจะมีไม่มาก แต่ด้วยบรรยากาศทะเลสาบอันสวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย ทำให้พวกเราอยู่ตรงนั้นกันเกือบ 3 ชั่วโมงเก็บภาพแบบ exclusive มากๆ แสงเหนือเปลี่ยนรูปไปมามันช่างสวยงามตระการตาซะจริงๆ
เสียดายมากๆที่เคทถ่ายภาพไม่เก่งเลย ได้ภาพมาแค่นี้ จริงๆอยากบอกว่าถ้าช่างภาพเก่งๆไปคงได้ภาพสวยกว่านี้อีกหลายเท่าเลยค่ะ
วิวแบบนี้เคทบอกเลยว่าไม่เคยเห็นภาพในเนตจากที่ไหนเลย เคทได้รับการบอกเล่าว่าเราเป็นชาวไทยกรุ๊ปแรกที่มาเยือนที่แห่งนี้ น่าภูมิใจมากๆเลยนะคะ
แต่ยังงัยงานเลี้ยงนี้จำเป็นต้องเลิกลาเร็วกว่ากำหนด เพราะเคทไม่อยากเสี่ยงอีกแล้ว ด้วยช่วงเวลาที่ไปเป็นช่วงโพล่าไนท์ คือเป็นช่วงที่บรรยกาศจะมืดไว และแทบจะไม่มีแสงสว่างเลยทั้งวันทั้งคืน เคทจึงหารือกับคณะที่เดินทางด้วยกันว่าพวกเราจะออกไวกว่าแผน คือ ออกตี 5 ครึ่ง หรือไม่เกิน 6 โมงเช้า เพื่อเดินทางออกจากทะเลสาบกลับไปยังมูร์มันส์กให้เร็วที่สุด กลัวน้ำแข็งละลาย กลัวว่าเลื่อนติดหล่มอีก ช่วงเช้าๆยังหนาวเย็นน่าจะไม่เกิดเหตุการณ์นั้น ทุกคนตกลงพวกเราจึงต้องยอมเหนื่อยกันอีกหน่อย แล้วกลับไปนอนในเมืองแทน
ลาก่อนค่ะ โลโวซีโร่ สัญญาว่าจะกลับมาใหม่แน่นอน
หนูน้อยยังสนุกได้ บอกอยากนอนเกลือกกลิ้งหิมะ น่ารักมากๆ แม้ว่าจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทางกัน ก็ไม่มีงอแงเลยสักคน แม่และน้าเก่งมากๆค่ะ
บรรยากาศเช้ามืดในช่วงโพล่าไนท์ที่เราจะต้องออกเดินทางกัน มันก็น่ากลัวเหมือนกันนะ แต่ใจตอนนี้ไม่อยากรอแล้วจร้า
ตอน 1 https://ppantip.com/topic/38764070 ตอน 3 https://ppantip.com/topic/38764084
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น