ไม่พบเลยบทกวีใดในโลก
ที่สะท้อนทุกข์โศกนี้ให้เห็น
จึงต้องเขียนระบายด้วยจำเป็น
กลั่นเอาความแค้นเค้นเป็นคำความ
ไม่พบเลยคุณธรรมใดในโลก
ช่างชุ่มโชกลมปากหยันเหยียดหยาม
พูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่งดุจใจทราม
ลืมไปหมดแม้นิยามของ "ปรองดอง"
ไม่พบเลยคำ "สัญญา" ใดในโลก
สร้างวิโยคทุกข์ทนจนหม่นหมอง
"คืนความสุข" พูดเพียงคำอย่างช่ำชอง
กลับไม่ตรองลองทำตามสัญญา
สิ่งที่พบ ก็เพียง สองมาตรฐาน
ที่ล้างผลาญ ยุยง ส่งเสริมฆ่า
ปิดตาตี อยู่ฝั่งเดียว ไร้เมตตา
พวกของตน เหิมเกริมกล้า มิเคยปราม
อ้างไปเถิดคุณธรรมที่สูงส่ง
จรดลงจารึกไปมิอาจห้าม
แต่รู้ไว้ในจิตใจคนรู้ความ
จะไม่ทรามเฉกเช่นใจพวกคนดี
คนดีหรือ แต่ทำไม ดีแต่พูด
คนดีหรือ ไม่พิสูจน์ ด้วยศักดิ์ศรี
คนดีหรือ ไม่กล้าสู้ กลางเวที
คนดีหรือ กลับย่ำยี หัวใจชน
จนแม้แต่ฟางบางบางเส้นสุดท้าย
ก็ดึงขาดง่ายง่ายไม่เคยสน
หารู้ไม่ว่าเกือบปีที่ต้องทน
มองคนปล้นสิทธิ์ชนอย่างใจเย็น
เพราะคิดให้โอกาสกลับไม่รู้
เพราะคิดให้กลับตัวอยู่กลับไม่เห็น
พอแล้วหนอความอดทนเกินจำเป็น
คงได้ฤกษ์เปิดประเด็นเล่นใต้ดิน
[แต่งเดือน มกราคม 2558]
บทกวีเก่าเก่าหลายปีก่อน
ที่สะท้อนทุกข์โศกนี้ให้เห็น
จึงต้องเขียนระบายด้วยจำเป็น
กลั่นเอาความแค้นเค้นเป็นคำความ
ไม่พบเลยคุณธรรมใดในโลก
ช่างชุ่มโชกลมปากหยันเหยียดหยาม
พูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่งดุจใจทราม
ลืมไปหมดแม้นิยามของ "ปรองดอง"
ไม่พบเลยคำ "สัญญา" ใดในโลก
สร้างวิโยคทุกข์ทนจนหม่นหมอง
"คืนความสุข" พูดเพียงคำอย่างช่ำชอง
กลับไม่ตรองลองทำตามสัญญา
สิ่งที่พบ ก็เพียง สองมาตรฐาน
ที่ล้างผลาญ ยุยง ส่งเสริมฆ่า
ปิดตาตี อยู่ฝั่งเดียว ไร้เมตตา
พวกของตน เหิมเกริมกล้า มิเคยปราม
อ้างไปเถิดคุณธรรมที่สูงส่ง
จรดลงจารึกไปมิอาจห้าม
แต่รู้ไว้ในจิตใจคนรู้ความ
จะไม่ทรามเฉกเช่นใจพวกคนดี
คนดีหรือ แต่ทำไม ดีแต่พูด
คนดีหรือ ไม่พิสูจน์ ด้วยศักดิ์ศรี
คนดีหรือ ไม่กล้าสู้ กลางเวที
คนดีหรือ กลับย่ำยี หัวใจชน
จนแม้แต่ฟางบางบางเส้นสุดท้าย
ก็ดึงขาดง่ายง่ายไม่เคยสน
หารู้ไม่ว่าเกือบปีที่ต้องทน
มองคนปล้นสิทธิ์ชนอย่างใจเย็น
เพราะคิดให้โอกาสกลับไม่รู้
เพราะคิดให้กลับตัวอยู่กลับไม่เห็น
พอแล้วหนอความอดทนเกินจำเป็น
คงได้ฤกษ์เปิดประเด็นเล่นใต้ดิน
[แต่งเดือน มกราคม 2558]