สวัสดีค่ะ เราเรียนแพทย์(พ.บ.)อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง คณะเราจัดหลักสูตรให้เรียน Applied Traditional Thai Medicine ตอนเรียนเทอมแรกได้เกรด B จ้าาา โกรธมากทำไมต้องเรียนวิชาแพทย์แผนไทย รู้สึกว่าใจมันแอนตี้ ถามตัวเองตลอดเวลา ฉันจะเรียนทำไม? ทำไมต้องมานั่งท่องตรีธาตุ มานั่งท่องรสยาสมุนไพร มาจำชื่อสมุนไพร จำรสสมุนไพร? งานวิจัยไหนรองรับ? แต่อย่าเพิ่งด่าเรานะ สิ่งที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ ขอให้คุณวางใจให้เป็นกลางนะ เรายอมรับเคยมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อแพทย์แผนไทย แต่วิชานี้ทำให้เราได้ไปศึกษาดูงานเรื่องการแพทย์แผนไทยที่อโรคยศาล ขอพูดถึงอโรคยศาล วัดคำประมงก่อน ที่นี่ตั้งอยู่ที่อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ที่นี่เป็นที่ที่ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายหลายคนกล่าวว่าเป็นสวรรค์ ฟังดูเวอร์ไหม แต่ไม่เวอร์ มันคือความจริง หลวงตาท่านดูแลผู้ป่วยด้วยการแพทย์แบบผสมผสาน เราแทบจะดูไม่ออกเลยว่าผู้ป่วยนั้นป่วยอยู่ ทุกคนมีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส เราประทับใจมากที่ได้ไปทำกิจกรรมร่วมกับผู้ป่วย มีการใช้ยาสมุนไพร(ผู้ป่วยแต่ละคนได้รับยาสมุนไพรที่มีส่วนผสมต่างกันตามโรคและสมุฏฐานการเกิดโรค) มีการทำสมาธิ มีpet therapy ไม่แปลกใจทำไมคนที่นี่ถึงมีความสุข ได้ลองมาใช้เวลาอยู่ที่นี่ เราเลยเข้าใจว่าในทางแพทย์แผนไทยเน้นการดูแลแบบองค์รวม สภาพจิตใจผู้ป่วยเป็นเรื่องสำคัญ หากจิตใจพร้อมก็พร้อมจะต่อสู้กับโรคร้ายโดยไม่ต้องพึ่งเคมีบำบัด(ซึ่งมีผลข้างเคียงมาก) อีกทั้งญาติผู้ป่วยเมื่อเห็นผู้ป่วยมีความสุขก็พลอยมีความสุขไปด้วย อีกที่ที่เราไปคือรพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และรพ.พระยุพราชสว่างแดนดิน สองที่นี้มีการตรวจคนไข้ร่วมกันทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย มันamazingมากตรงที่ทั้งสองเข้าใจภาษากันและกัน แพทย์แผนปัจจุบันเข้าใจทฤษฎีตรีธาตุ เช่น เข้าใจเสมหะกำเริบ วาตะหย่อน ควรแก้ด้วยยารสร้อยรสเย็น รสสุขุม บลาๆๆๆ และแพทย์แผนไทยเข้าใจtermsของแพทย์แผนปัจจุบันเป็นอย่างดี เขาสื่อสารกันรู้เรื่อง ยาสมุนไพรบางอย่างก็มีefficacyใกล้เคียงกับยาในปัจจุบัน เช่น ธาตุอบเชยกับsimethicone นั่นคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้ สรุปนะคะ ตอนนี้เรามองว่าการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนไทย หากทำให้คนไข้หายได้ ทุกคนคือหมอ และที่สำคัญการผลิตยาปัจจุบันต้องใช้ต้นทุนมาก และอาศัยสารเคมีจากต่างประเทศ ดังนั้น หากแพทย์แผนไทยได้รับการพัฒนาควบคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน มีงานวิจัยต่างๆที่จะนำไปต่อยอดพัฒนาสมุนไพรเราให้สามารถผลิตเป็นยาที่มีคุณภาพและสามารถจ่ายแทนยาแผนปัจจุบันได้นั้นจะดีมาก ดังนั้นเรามองว่าแพทย์แผนไทยก็สำคัญ ยาสมุนไพรไทย การนวดไทย การบริบาลหญิงหลังคลอดแบบไทย(ที่ไม่ใช่ความเชื่อที่ผิด) สำคัญและไม่อยากให้สูญหายไปจากสังคมไทย ในอนาคตเราคิดว่าจบมาเป็นแพทย์จะพยายามประยุกต์ความรู้ที่เรียนเข้ากับแพทย์แผนไทย การรักษาจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปล. คนอื่นเห็นอย่างไรบ้างคะ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ