Easy Pass but Hard Process แชร์ประสบการณ์การเปลี่ยนบัตร Easy Pass ที่ลำบ๊ากลำบากเหลือเกิน

กระทู้คำถาม
ผมเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรก ๆ ที่ใช้ Easy Pass บัตรทางผ่านทางด่วนแบบอัตโนมัติที่น่าจะเปิดให้บริการน่าจะมากกว่า 10 ปีแล้ว แต่ทุกวันนี้ได้ข่าวมาว่า คนใช้ยังเลือกจ่ายเป็นเงินสดมากกว่า ตอนแรกก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมหลายคนยังไม่มาใช้บริการ พอมาถึงวันที่ผมต้องนำบัตรเก่ามาเปลี่ยน จึงได้รู้จักคำว่า “รู้ซึ้ง” โดยบัตรผมมีปัญหาเพราะใช้งานมาเกิน 7 ปี แบตเตอรีในบัตรเสื่อมไปตามกาลเวลา ทางพนักงานแนะนำให้เปลี่ยนบัตรใหม่ ในใจเราคิดว่าคงง่ายดาย เพียงเอาบัตรเก่าไปคืน เดี๋ยวการทางพิเศษฯ ก็คงโอนย้ายข้อมูลแล้วเอาบัตรใหม่มาให้ แค่นั้นคงจบ (คิดเองเออเองสุดฤทธิ์)

แต่ที่คิดไว้นั้น กลับไม่ใกล้ความเป็นจริงแม้แต่น้อย มันเป็นหายนะตั้งแต่เริ่ม ผมได้ไปติดต่อกับจุดให้บริการของการทางพิเศษด่านหนึ่ง ในทางพิเศษศรีรัช พอเข้าไปติดต่อโดยนำบัตร Easy Pass ที่ต้องการเปลี่ยนไปให้ คำแรกที่ได้รับจากจนท.คือ โอ๊ย! บัตรรุ่นนี้เป็นของด่วนขั้น 1 เอามาเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าจะเอามาเปลี่ยนต้องเปลี่ยนด่านที่ซื้อมาเท่านั้น ผมบอกว่ามันนานมาแล้วผมจำไม่ได้หรอกว่าซื้อที่ไหน ไม่มีทางอื่นเลยเหรอ จนท.บอกว่าไม่มี ๆ ต้องซื้อบัตรใหม่เท่านั้น ถ้าไม่ติดต่อด่านที่ซื้อมา ก็เอาเงินคืนไม่ได้ ไอ้ผมก็เสียดายเงินในบัตร สรุปก็ไม่ได้บัตรใหม่ เก็บความช้ำใจไประลึกก่อนว่าซื้อด่านไหนมานะ ในใจก็ได้แต่คิด ไอ้ด่วนขั้น 1 ขั้น 2 เนี่ย มันก็ใช้ชื่อการทางพิเศษฯ เหมือนกัน ทำไมบริษัทฯ จึงผลักภาระมาให้ลูกค้าอย่างเราน้า

แล้ววันนึงขับผ่านทางด่วนขั้นที่หนึ่ง ด่านซอยสุขุมวิท 50 เลยได้ถามพงน.ที่ตู้เก็บค่าผ่านทางเรื่องการเปลี่ยน Easy Pass ใบใหม่ จนท.บอกว่า บัตรที่ผมใช้เป็นของด่วนขั้น 1 สามารถเอาไปเปลี่ยนได้ทุกด่านที่มีตู้เก็บค่าผ่านทางเป็นสีส้ม ผมก็ดีใจ เลยรีบเข้าไปเปลี่ยนเพราะคิดว่าเราเจอด่วนขั้น 1 ซึ่งเราซื้อบัตรรุ่นนี้มาแล้ว เอาไปเปลี่ยนก็คงแป๊ปเดียวเสร็จ ผมก็เอาบัตรยื่นให้พนักงาน พนักงานทำหน้าเหวอเล็ก ๆ บอกว่าไอ้รุ่นนี้มันนานมาเลยนะ เปลี่ยนไม่ได้ ต้องทำเรื่องขอเงินคืน แล้วซื้อใบใหม่ ผมก็ตอบว่า งั้นก็ได้ครับ แค่ต้องทำอะไรบ้างครับ พนักงานบอกว่า ก็เอาตัวบัตรตัวเนี้ยคืน กับบัตรแสดงเลข Serial Number ซึ่งหน้าตาเหมือนบัตรเครดิตมาด้วย ไม่งั้นโดนหัก 100 บาท ไอ้เราก็คิดว่า ต้องเอาคืนด้วยเหรอ? แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะผมพกไว้ในรถตลอด แต่ที่ผมปวดหัวที่สุดคือ ต้องเอาสำเนาสมุดบัญชี ย้ำนะครับว่าสำเนาที่เป็นแผ่นกระดาษเท่านั้น ผมก็เลยบอกว่า นี่มันยุค 4.0 แล้วไม่ใช่เหรอครับ ยังจะต้องใช้สำเนาสมุดบัญชีอีกหรือ ผมส่งสำเนาผ่านทางอีเมลได้ไหมครับ จนท.ก็บอกว่าไม่ได้ครับ มันเป็นระเบียบ และ ต้องเป็นบัญชีที่ชื่อตรงกับเจ้าของบัตรด้วยนะ ผมก็บอกว่า ใครเขาจะพกสมุดบัญชีไว้ในรถกันตลอดเวลาครับ ถ้าไม่ตั้งใจเอาติดตัวมา แล้วการขอโอนเข้าบัญชี ก็แค่แจ้งเลขที่ กับชื่อบัญชีไม่ได้หรือครับ เพราะตอนโอนทางคุณก็สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อบัญชีของผม ตรงกับชื่อในบัตรหรือไม่ จนท.ก็ยืนกรานว่า มันเป็นระเบียบ คุณเอาแต่สมุดฯ มาก็ได้ ทางเรามีเครื่องถ่ายเอกสาร ผมก็เลยค้นรูปสมุดบัญชีที่ถ่ายรูปในมือถือ แล้วบอกว่า เอารูปในมือถือไปถ่าเอกสารได้ไหม พนง.บอกว่า ลองดูได้ ปรากฏว่า ถ่ายติดด้วย แถมพนง.บอกว่าใช้ได้ (ย้ำเลยนะตัวโต ๆ ว่าใช้ได้จริง) อมยิ้ม43อมยิ้ม43อมยิ้ม43 สามารถทำเรื่องเอาเงินคืนได้แล้ว เอ๋อไปเลยเรา แค่ต้องเป็นสำเนากระดาษเท่านั้น ต้นฉบับจะเป็นอะไรก็ได้ เหอ ๆ

พอทำเรื่องขอเงินคืนเสร็จ ทางผมก็ขอซื้อบัตร Easy Pass ใบใหม่ ทางพนง.บอกว่าต้องเติมขั้นต่ำ 500 บาท แต่ด้วยผมเป็นคนใช้แต่การโอนเงินในการชำระค่าสินค้า เงินสดติดตัวมีแค่ 300 กว่าบาท ผมก็เลยถามว่า ชำระผ่านวิธีอื่นได้ไหม ทางจนท.ก็บอกว่า ไม่มี มีแต่ชำระด้วยเงินสด ผมเลยบอกเขาว่า งั้นผมโอนเงินให้คุณแล้วคุณให้เงินสดผมมาได้ไหม ทางจนท.บอกว่า ไม่ได้หรอกเขาไม่มีพร้อมเพย์ สรุป วันนั้นก็ไม่ได้ Easy Pass กลับมา ผมต้องกลับไปเตรียมตัวมาใหม่ จริง ๆ ก็เป็นความผิดผมเอง ที่คิดเองว่าระบบจะสะดวก หากผมศึกษาผมก่อนว่าระบบมันไม่ค่อยอำนวยความสะดวก คงเตรียมเอกสารและเงินสดให้ครบแต่แรก ป่านนี้คงจะได้ Easy Pass ตัวใหม่ไปแล้วครับ อมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08

ผมเลยอยากถามคนในพันทิปว่า คุณเคยประสบปัญหาน่าปวดหัวในการใช้งาน หรือ ติดต่อเรื่อง Easy Pass อะไรบ้างครับ และสำหรับคนที่จะไปเปลี่ยนบัตรแบบผม ก็ลองอ่านกระทู้นี้ เผื่อจะเป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่