รีวิว Garaku Soup curry ร้านอาหารซุปแกงกะหรี่สไตล์ ฮอกไกโด ถูกใจวัยรุ่น ร้านสวยทันสมัยมุมเช็คอินเยอะ
รีวิวโดยทีมกินแหลกจาก Japanese Club Thailand Facebook Group (yoknipas และ BhakaNet)
วันนี้ทางผมได้รับเชิญมารีวิวร้านญี่ปุ่นบ้างครับ ร้านนี้เค้าเขียนป้ายแปะหน้าร้านเลยว่าเป็น ข้าว และ ซุปแกงกะหรี่อันดับ 1 จาก ฮอกไกโด ผมเลยต้องมาพิสูจน์กันครับ ว่าจะอร่อยมากน้อยแค่ไหน เชิญชมรีวิวกันครับ
และขอฝากกลุ่ม Japanese Club Thailand เพื่อนๆที่สนใจชอบท่องเทียวแบบญี่ปุ่นในไทย สามารถเข้ามาชมกลุ่มกันได้ครับ
https://www.facebook.com/groups/onsenthailand
สวัสดีครับ วันนี้ผมมีนัดไปงานคืนสู่เหย้าที่มหาลัย ก่อนไปงานเลยได้นัดเพื่อนมากินอาหารกันก่อน ร้านนี้ชื่อ Garaku อ่านว่า การาคุ ซึ่งโดดเด่นในเรื่องซุปแกงกะหรี่โดยเฉพาะเลยละครับ ย้ำว่าคือซุปที่สามารถซดได้จริงๆเลยนะครับ แปลกแหวกแนวใช่มั้ยละ
ร้านนี้อยู่ที่ซอยจุฬา11 ครับ ใกล้ๆจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การเดินทางก็สะดวกครับ มาลงรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานี สามย่าน แล้วค่อยๆเดินมาได้ครับ ใครที่ใช้รถไฟฟ้า BTS ก็สามารถลงสถานีสยาม แล้วขึ้นรถป๊ปจุฬาสาย4 มาลงที่อาคารจามจุรี9 แล้วเดินมานิดนึงก็ถึงครับ ปล.สำหรับชาวจุฬา ที่รู้จักร้านเค้กต้นกกกันอยู่แล้ว ร้าน Garaku อยู่ตรงข้ามกับร้านต้นกกนี่แหละครับ หาง่ายมากๆ
ร้านมีลักษณะเป็นตึกแถว 1 คูหาครับ รีโนเวทและตกแต่งมาจนทันสมัย แถวนี้ที่จอดรถค่อนข้างน้อย ใครที่ขับรถมาแนะนำไปจอดที่ตึกจามจุรี 9 แล้วเดินมาครับ (จามจุรี 9 เสียค่าจอดรถนะครับไม่ได้จอดฟรี)
รูปหน้าร้านครับ ค่อนข้างตกแต่งด้วยรูปที่สะดุดสายตามากๆ พร้อมป้ายเมนูขนาดใหญ่ให้อ่านหน้าร้านครับ ร้านนี้ออกรายการมาแล้วหลายรายการเช่นกันตามป้ายชื่อที่แปะโชว์เลยครับ
ด้านในเข้ามาแอร์เย็นสบายครับ วันที่ผมไปรีวิวเป็นวันธรรมดา ช่วงเย็น คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ ดังนั้นเลือกโต๊ะนั้งได้สบายๆ
บรรยากาศร้านจะมีส่วนที่ตกแต่งให้ได้กลิ่นอายเหมือนอยู่ในธรรมชาติ มีการตกแต่งด้วยต้นไม้เทียม และวัสดุประเภทไม้แขวนประดับจากเพดานลงมา ใช้แสงสีโทนสี Warm ใครชอบถ่ายรูปนี่ถูกใจเลยละครับ บอกเลยว่าภายในร้านสวยกว่าที่คาดไว้เยอะครับ
นี่ขนาดใช้กล้องมือถือธรรมดานะครับ รูปยังสวยขนาดนี้ การจัดไฟแสงสีเค้าออกแบบมาดีจริงๆครับ ดูไกลๆนึกว่าต้นไม้จริงๆครับ
มาชมเมนูกันบ้างครับ เริ่มที่แผ่นแรก อาหารเรียกน้ำย่อยก็มีให้เลือกหลายเมนูอยู่ครับ แต่ละเมนูก็จะเน้นสไตล์ญี่ปุ่นหน่อยๆ เมนูที่ทางร้านแนะนำก็คือ ยำแซ่บแซลม่อนซี้ดครับ ราคา 179 บาท และชิราโอะฟราย หรือเมนูปลาเงินทอด ราคา 89บาทครับ
ต่อไปเรามาชมเมนูอาหารจานหลักกันบ้าง ที่นี่เมนูซิกเนเจอร์คงจะหนีไม่พ้น ซุปแกงกะหรี่ครับ ซึ่งซุปแกงกะหรี่ที่นี่จะสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้หลายระดับครับ ตั้งแต่ 1 จนถึง 40 ซึ่งวันนี้ผมได้สั่งมาลองความเผ็ดระดับ 5 และความเผ็ดระดับ 10 ครับ
เท่าที่ชิมดูสำหรับคนไทยผมว่าสั่งระดับ 10 ขึ้นไปกำลังอร่อยครับ ไม่ได้เผ็ดอะไรมากมาย ใครชอบเผ็ดๆนี่แนะนำสั่ง 20 หรือ 40 ไปเลยครับ
มีท๊อปปิ้งให้เลือกเพิ่มเติมด้วยนะครับ แต่วันนี้เอาแบบเดิมๆไปก่อนครับไม่ต้องท๊อปปิ้งเพิ่ม
มองไปมองมา ที่นี่มีเมนูราคาประหยัดด้วยนะครับ ข้าวหน้าหมูผัดซอสยากินิกุ เริ่มต้นที่ 69 บาทเท่านั้น แต่เฉพาะวันธรรมดา 14.00 - 16.30น.นะครับที่มีโปรโมชั่นราคา 69 บาท
ร้านนี้คนดังมาชิมมากมายครับ จะสังเกตุได้ว่ามีรูปแปะอยู่เต็มข้างฝาเลย ดารา พิธีกรรายการอาหารต่างๆมาชิมกันเยอะมากๆครับ (แอบอยากถ่ายรูปแป๊ะข้างฝาบ้าง55)
หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ระหว่างรอเลยเดินถ่ายรูปเล่นครับ ร้านนี้เค้ามีชั่น 2 ให้นั่งด้วยนะครับ โต๊ะจะค่อนข้างเงียบและได้บรรยากาศเป็นส่วนตัวขึ้นมาอีกระดับนึงเลยครับ
ผ่านไปไม่นานเมนูอาหารทานเล่นก็มาเสร็ฟแล้วครับ ชิราโอะฟราย หรือเมนูปลาเงินทอด ชุปเกล็ดขนมปังมากรอบกำลังดี ทอดออกมาสีเหลืองทองสวยงามครับ ปลารับประทานได้ทั้งตัว ไม่รู้สึกว่ามีก้างแต่อย่างใดครับ มีซอสให้จิ้มเป็นลักษณะคล้ายๆครีมสลัดปรุงรสครับ โดยรวมแล้วอร่อยกินเพลินๆ เด็กๆน่าจะชอบมาก กินแป๊ปเดียวก็หมดแบบไม่รู้ตัวครับ
เมนูต่อมาคือยำแซ่บแซลม่อนซี้ด ปลาหั่นมาชิ้นเล็กๆ คลุกเคล้าน้ำยำรสชาติแบบไทยๆ แซ่บใช้ได้เลยครับ เปรี้ยว เค็ม หวานมาครบ จานนี้ผมว่ารสชาตินี่ออกสไตล์ไทยแท้ๆ เอาใจคนไทยโดยเฉพาะครับ ปลาแซลมอนสดปานกลาง ไม่ได้ขนาดเกรดเทพแบบที่ทำซาซิแพงๆ แต่ก็เกรดดีและเป็นเกรดที่สามารถรับประทานดิบได้โดยไม่รู้สึกคาวแต่อย่างใดครับ
เจอยำซี้ดๆเข้าไปต้องดื่มน้ำลดความแซ่บลงหน่อยครับ ผมเองชอบดื่มน้ำเปล่าตอนมารีวิวอาหาร เพราะทำให้ลิ้นเราได้ปรับสภาพรับรสชาติแบบกลางๆเพื่อไปชิมจานต่อไปได้ดีครับ (ต้องดื่มน้ำละลายความแซ่บออกไปก่อนชืมจานถัดไป)
แอบมาดูพ่อครัวที่กำลังเตรียมอาหารให้เรากันบ้างครับ ที่นี่ครัวเข้าขนาดกระทัดรัดพอสมควร แต่อุปกรณ์ต่างๆก็มีมาตรฐานครบถ้วนตามแบบฉบับร้านอาหารทั่วไปครับ เรียกได้ว่าใช้ทุกพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะแน่นอนว่าค่าเช่าพื้นที่แถวๆนี้คงแพงมากครับ55
ต่อมาเป็นเมนูจานหลักบ้างนะครับ ขอเกริ่นนิดนึงครับ
ความเป็นเอกลักษณ์ของซุปแกงกะหรี่
เมนูซุปแกงกะหรี่ หรือ คนญี่ปุ่นเรียกว่าซุปคาเร นั้นเป็นอาหารท้องถิ่นที่มีต้นตำรับมากจากฮอกไกโด ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น อย่างแพร่หลายจนมีร้านขายซุปแกงกะหรี่ไปทั่วภูมิภาคของญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในประเทศไทยนั้น คนไทยอาจจะคุ้นกับร้านข้าวราดแกงกะหรี่เป็นอย่างดีอย่างเจ้าดังๆในห้าง อยากบอกคนที่ไม่เคยทานซุปแกงกะหรี่ว่า รสชาติไม่ได้เป็นอย่างที่คิดนะครับ ตัวซุปแกงกะหรี่เป็นซุปเครื่องเทศที่มีรสชาติเข้มข้นกว่าแกงกะหรี่ทั่วไป ตัวซุปมีความใสกว่าแกงกะหรี่ ทำให้สามารถซดได้สบายๆไม่หนืดคอ หลายคนที่ยังเข้าใจผิดเรื่องซุปแกงกะหรี่ผมแนะนำว่า..มาลองเถอะแล้วจะติดใจ!
สำหรับวิธีการสั่งที่นี่ก็ง่ายมาก เนื่องจากตัวซุปจะเหมือนกันกันหมด ดังนั้นให้เริ่มจาก
เลือกโปรตีน -> เลือกระดับความเผ็ด -> เลือก Topping ที่ต้องการเพิ่มเติม -> สั่งข้าวเปล่ามากินกับซุป
มาถึงเมนูจานหลักกันบ้างแล้ว……………………
เมนูหลัก ชามแรกนี้ก็คือ ซุปแกงกะหรี่ บูตะ คาคูนิ หรือหมูสามชั้นที่นำไปตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม เพื่อให้น้ำแกงกะหรี่ซึมเข้าไปในเนื้อหมูได้มากกว่าปกติ ตัวหมูสามชั้นทางร้านทำออกมาได้ดีใช้ได้เลยครับ ในส่วนของชั้นเนื้อมีความนุ่มกำลังดีทำให้รับประทานได้ง่าย และในชั้นไขมันที่แทรกกลางอยู่ไม่มากจนเกินไป ทำให้ได้รสสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น ใน 1 ชามจะถูกเสิรฟโดยโปรตีนที่เราเลือก 1 อย่าง มาพร้อมกับผักต้ม แครอท บล็อคโครี มาช่วยตัดรสชาติของแกงกะหรี่ที่เข้มข้นให้กลมกล่อมมากขึ้น เพื่อไม่ให้เลี่ยนจนเกินไปด้วยครับ
เนื่องจากทางร้านไม่ได้ขายอาหารในลักษณะเป็นชุดอาหาร ดังนั้นถ้าสั่งซุปแกงกะหรี่ ก็จะได้แค่ตัวซุปมา 1 ชามเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ชอบทานข้าว ทางร้านเค้าก็มีข้าวหุงกับขมิ้นไว้ให้บริการเพิ่มเติมในราคา จานละ 15 บาทเท่านั้น สำหรับชาว cheese lover ก็มีข้าวหน้าชีสไว้บริการเช่นเดียวกันครับ
วิธีรับประทาน พนักงานแนะนำให้บีบมะนาว Lemon บนข้าวหุงขมิ้นก่อนรับประทาน ตอนแรกก็ยังนึกถึงรสชาติไม่ออกว่าจะเป็นยังไงเมื่อทานพร้อมกับตัวแกงกะหรี่ จริงๆเมื่อทานแกงกะหรี่พร้อมกับข้าวเฉยๆก็ได้รสชาติที่พอดีแล้วนะครับ แต่หลังจากลองบีบ Lemon ดูบ้าง ผมว่ารสชาติมันสดชื่นขึ้นมานะ ได้ความเปรี้ยวนิดๆของ Lemon มาช่วยให้รสชาติมีมิติมากขึ้น แต่อาจจะไม่ถูกใจสำหรับคนชอบทานเปรี้ยวหรือกลิ่น Lemon นะครับ
บูตะ คาคูนิ ตุ๋นออกมาได้ดี เปื่อยนุ่มเข้ากับกลิ่นเครื่องเทศในแกงได้ดีมาก ชั้นของไขมันแทรกไม่มากกำลังดี สำหรับใครที่ไม่เคยทานมาก่อนเลย ผมแนะนำให้เริ่มจากซุปบูตะก่อนก็น่าจะดีครับ
อีกหนึ่งทีเด็ดของทางร้านครับ ลองทานพร้อมกับชีสที่โปะบนข้าวร้อนๆ พร้อมกับเนื้อหมูสามชั้นตุ๋น กลมกล่อมจนต้องร้อง อูมามิ!! เลยทีเดียว
ส่วนชามนี้เป็นซุปแกงกะหรี่ไก่ตุ๋นครับ ใช้เนื้อไก่ส่วนสะโพกชิ้นใหญ่มากกกกกมาตุ๋น ทำให้เนื้อยิ่งเปื่อยนุ่ม ทานง่ายถ้ามาแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะสั่งเหมือนกันครับ จะบอกว่าตัวเนื้อไก่หวานและรสชาติเข้ากับซุปอร่อยมาก
ชามนี้เป็นเมนูที่ผมชอบมากก ข้าวหน้าหมูผัดกิมจิ ไปร้านไหนถ้ามีเป็นต้องสั่ง สำหรับตัวผมข้าวหน้าหมูกิมจิที่ดี คือ หมูต้องนุ่มและแผ่นใหญ่ มันติดนิดหน่อยเพื่อไม่ให้รู้สึกแห้งกระด้างเกินไป กิมจิรสชาติต้องเข้มข้น ผักที่ใช้ยังมีความกรอบ เวลาทานเข้าไปพร้อมกับหมูแล้วต้องให้ความรู้สึก หมูนุ่ม ผักหวานกรอบ และน้ำซอสกิมจิที่เข้มข้นในหนึ่งคำ ซึ่งชามนี้ให้มาปริมาณที่เยอะ และรสชาติทำได้ดีตามมาตรฐานเลยครับ
รวมๆแล้ว วันนี้มากัน 2 คน สั่งอาหารทั้งหมดประมาณนี้ครับ เรียกได้ว่ากันกันจนอิ่มแน่นไปเลย
สรุปความเห็น
สำหรับร้าน Garaku เป็นหนึ่งร้านที่อยากแนะนำเพื่อนๆ ที่ไม่เคยทานซุปแกงกะหรี่มาก่อน เมนูที่ห้ามพลาดคือ ซุปแกงกะหรี่ บูตะ คาคูนิ มาลองทานกันดูนะครับ ว่าจะถูกปากถูกใจกันมากแค่ไหน สำหรับตัวผมและเพื่อนค่อนข้างพอใจในรสชาติและราคาเลยครับ ฝากนิดสำหรับคนที่มาทานกัน 2-3 คน เนื่องจากปริมาณ 1 portion นั้นค่อนข้างเยอะมากสำหรับคนทานน้อย หรือสาวๆที่รักสุขภาพ ปริมาณที่แนะนำคือ ซุป 1 ชามกับข้าว 1 จาน สามารถทานกัน 2 คนแบบอิ่มกำลังดีเลยครับ แล้วพบกันใหม่ครั้งถัดไปครับ....
อีกนิด...ทางร้านเค้าบอกว่ามีโปรโมชั่นพิเศษ ด้วยนะ!! แค่ถ่ายรูปอาหารแชร์บน Facebook หรือ Instagram แล้วเช็คอิน พร้อมติด hashtag ชื่อร้าน ฟรี! ไก่ทอดมาอีก 1 จานเด้ออ
***ทางร้านยินดีรับบัตรเครดิตตั้งแต่ยอด 500 บาทขึ้นไปนะครับ***
[SR] รีวิว Garaku Soup curry ร้านอาหารซุปแกงกะหรี่สไตล์ ฮอกไกโด ถูกใจวัยรุ่น ร้านสวยทันสมัยมุมเช็คอินเยอะ
รีวิวโดยทีมกินแหลกจาก Japanese Club Thailand Facebook Group (yoknipas และ BhakaNet)
วันนี้ทางผมได้รับเชิญมารีวิวร้านญี่ปุ่นบ้างครับ ร้านนี้เค้าเขียนป้ายแปะหน้าร้านเลยว่าเป็น ข้าว และ ซุปแกงกะหรี่อันดับ 1 จาก ฮอกไกโด ผมเลยต้องมาพิสูจน์กันครับ ว่าจะอร่อยมากน้อยแค่ไหน เชิญชมรีวิวกันครับ
และขอฝากกลุ่ม Japanese Club Thailand เพื่อนๆที่สนใจชอบท่องเทียวแบบญี่ปุ่นในไทย สามารถเข้ามาชมกลุ่มกันได้ครับ https://www.facebook.com/groups/onsenthailand
สวัสดีครับ วันนี้ผมมีนัดไปงานคืนสู่เหย้าที่มหาลัย ก่อนไปงานเลยได้นัดเพื่อนมากินอาหารกันก่อน ร้านนี้ชื่อ Garaku อ่านว่า การาคุ ซึ่งโดดเด่นในเรื่องซุปแกงกะหรี่โดยเฉพาะเลยละครับ ย้ำว่าคือซุปที่สามารถซดได้จริงๆเลยนะครับ แปลกแหวกแนวใช่มั้ยละ
ร้านนี้อยู่ที่ซอยจุฬา11 ครับ ใกล้ๆจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การเดินทางก็สะดวกครับ มาลงรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานี สามย่าน แล้วค่อยๆเดินมาได้ครับ ใครที่ใช้รถไฟฟ้า BTS ก็สามารถลงสถานีสยาม แล้วขึ้นรถป๊ปจุฬาสาย4 มาลงที่อาคารจามจุรี9 แล้วเดินมานิดนึงก็ถึงครับ ปล.สำหรับชาวจุฬา ที่รู้จักร้านเค้กต้นกกกันอยู่แล้ว ร้าน Garaku อยู่ตรงข้ามกับร้านต้นกกนี่แหละครับ หาง่ายมากๆ
ร้านมีลักษณะเป็นตึกแถว 1 คูหาครับ รีโนเวทและตกแต่งมาจนทันสมัย แถวนี้ที่จอดรถค่อนข้างน้อย ใครที่ขับรถมาแนะนำไปจอดที่ตึกจามจุรี 9 แล้วเดินมาครับ (จามจุรี 9 เสียค่าจอดรถนะครับไม่ได้จอดฟรี)
รูปหน้าร้านครับ ค่อนข้างตกแต่งด้วยรูปที่สะดุดสายตามากๆ พร้อมป้ายเมนูขนาดใหญ่ให้อ่านหน้าร้านครับ ร้านนี้ออกรายการมาแล้วหลายรายการเช่นกันตามป้ายชื่อที่แปะโชว์เลยครับ
ด้านในเข้ามาแอร์เย็นสบายครับ วันที่ผมไปรีวิวเป็นวันธรรมดา ช่วงเย็น คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ ดังนั้นเลือกโต๊ะนั้งได้สบายๆ
บรรยากาศร้านจะมีส่วนที่ตกแต่งให้ได้กลิ่นอายเหมือนอยู่ในธรรมชาติ มีการตกแต่งด้วยต้นไม้เทียม และวัสดุประเภทไม้แขวนประดับจากเพดานลงมา ใช้แสงสีโทนสี Warm ใครชอบถ่ายรูปนี่ถูกใจเลยละครับ บอกเลยว่าภายในร้านสวยกว่าที่คาดไว้เยอะครับ
นี่ขนาดใช้กล้องมือถือธรรมดานะครับ รูปยังสวยขนาดนี้ การจัดไฟแสงสีเค้าออกแบบมาดีจริงๆครับ ดูไกลๆนึกว่าต้นไม้จริงๆครับ
มาชมเมนูกันบ้างครับ เริ่มที่แผ่นแรก อาหารเรียกน้ำย่อยก็มีให้เลือกหลายเมนูอยู่ครับ แต่ละเมนูก็จะเน้นสไตล์ญี่ปุ่นหน่อยๆ เมนูที่ทางร้านแนะนำก็คือ ยำแซ่บแซลม่อนซี้ดครับ ราคา 179 บาท และชิราโอะฟราย หรือเมนูปลาเงินทอด ราคา 89บาทครับ
ต่อไปเรามาชมเมนูอาหารจานหลักกันบ้าง ที่นี่เมนูซิกเนเจอร์คงจะหนีไม่พ้น ซุปแกงกะหรี่ครับ ซึ่งซุปแกงกะหรี่ที่นี่จะสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้หลายระดับครับ ตั้งแต่ 1 จนถึง 40 ซึ่งวันนี้ผมได้สั่งมาลองความเผ็ดระดับ 5 และความเผ็ดระดับ 10 ครับ
เท่าที่ชิมดูสำหรับคนไทยผมว่าสั่งระดับ 10 ขึ้นไปกำลังอร่อยครับ ไม่ได้เผ็ดอะไรมากมาย ใครชอบเผ็ดๆนี่แนะนำสั่ง 20 หรือ 40 ไปเลยครับ
มีท๊อปปิ้งให้เลือกเพิ่มเติมด้วยนะครับ แต่วันนี้เอาแบบเดิมๆไปก่อนครับไม่ต้องท๊อปปิ้งเพิ่ม
มองไปมองมา ที่นี่มีเมนูราคาประหยัดด้วยนะครับ ข้าวหน้าหมูผัดซอสยากินิกุ เริ่มต้นที่ 69 บาทเท่านั้น แต่เฉพาะวันธรรมดา 14.00 - 16.30น.นะครับที่มีโปรโมชั่นราคา 69 บาท
ร้านนี้คนดังมาชิมมากมายครับ จะสังเกตุได้ว่ามีรูปแปะอยู่เต็มข้างฝาเลย ดารา พิธีกรรายการอาหารต่างๆมาชิมกันเยอะมากๆครับ (แอบอยากถ่ายรูปแป๊ะข้างฝาบ้าง55)
หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ระหว่างรอเลยเดินถ่ายรูปเล่นครับ ร้านนี้เค้ามีชั่น 2 ให้นั่งด้วยนะครับ โต๊ะจะค่อนข้างเงียบและได้บรรยากาศเป็นส่วนตัวขึ้นมาอีกระดับนึงเลยครับ
ผ่านไปไม่นานเมนูอาหารทานเล่นก็มาเสร็ฟแล้วครับ ชิราโอะฟราย หรือเมนูปลาเงินทอด ชุปเกล็ดขนมปังมากรอบกำลังดี ทอดออกมาสีเหลืองทองสวยงามครับ ปลารับประทานได้ทั้งตัว ไม่รู้สึกว่ามีก้างแต่อย่างใดครับ มีซอสให้จิ้มเป็นลักษณะคล้ายๆครีมสลัดปรุงรสครับ โดยรวมแล้วอร่อยกินเพลินๆ เด็กๆน่าจะชอบมาก กินแป๊ปเดียวก็หมดแบบไม่รู้ตัวครับ
เมนูต่อมาคือยำแซ่บแซลม่อนซี้ด ปลาหั่นมาชิ้นเล็กๆ คลุกเคล้าน้ำยำรสชาติแบบไทยๆ แซ่บใช้ได้เลยครับ เปรี้ยว เค็ม หวานมาครบ จานนี้ผมว่ารสชาตินี่ออกสไตล์ไทยแท้ๆ เอาใจคนไทยโดยเฉพาะครับ ปลาแซลมอนสดปานกลาง ไม่ได้ขนาดเกรดเทพแบบที่ทำซาซิแพงๆ แต่ก็เกรดดีและเป็นเกรดที่สามารถรับประทานดิบได้โดยไม่รู้สึกคาวแต่อย่างใดครับ
เจอยำซี้ดๆเข้าไปต้องดื่มน้ำลดความแซ่บลงหน่อยครับ ผมเองชอบดื่มน้ำเปล่าตอนมารีวิวอาหาร เพราะทำให้ลิ้นเราได้ปรับสภาพรับรสชาติแบบกลางๆเพื่อไปชิมจานต่อไปได้ดีครับ (ต้องดื่มน้ำละลายความแซ่บออกไปก่อนชืมจานถัดไป)
แอบมาดูพ่อครัวที่กำลังเตรียมอาหารให้เรากันบ้างครับ ที่นี่ครัวเข้าขนาดกระทัดรัดพอสมควร แต่อุปกรณ์ต่างๆก็มีมาตรฐานครบถ้วนตามแบบฉบับร้านอาหารทั่วไปครับ เรียกได้ว่าใช้ทุกพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะแน่นอนว่าค่าเช่าพื้นที่แถวๆนี้คงแพงมากครับ55
ต่อมาเป็นเมนูจานหลักบ้างนะครับ ขอเกริ่นนิดนึงครับ
ความเป็นเอกลักษณ์ของซุปแกงกะหรี่
เมนูซุปแกงกะหรี่ หรือ คนญี่ปุ่นเรียกว่าซุปคาเร นั้นเป็นอาหารท้องถิ่นที่มีต้นตำรับมากจากฮอกไกโด ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น อย่างแพร่หลายจนมีร้านขายซุปแกงกะหรี่ไปทั่วภูมิภาคของญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในประเทศไทยนั้น คนไทยอาจจะคุ้นกับร้านข้าวราดแกงกะหรี่เป็นอย่างดีอย่างเจ้าดังๆในห้าง อยากบอกคนที่ไม่เคยทานซุปแกงกะหรี่ว่า รสชาติไม่ได้เป็นอย่างที่คิดนะครับ ตัวซุปแกงกะหรี่เป็นซุปเครื่องเทศที่มีรสชาติเข้มข้นกว่าแกงกะหรี่ทั่วไป ตัวซุปมีความใสกว่าแกงกะหรี่ ทำให้สามารถซดได้สบายๆไม่หนืดคอ หลายคนที่ยังเข้าใจผิดเรื่องซุปแกงกะหรี่ผมแนะนำว่า..มาลองเถอะแล้วจะติดใจ!
สำหรับวิธีการสั่งที่นี่ก็ง่ายมาก เนื่องจากตัวซุปจะเหมือนกันกันหมด ดังนั้นให้เริ่มจาก
เลือกโปรตีน -> เลือกระดับความเผ็ด -> เลือก Topping ที่ต้องการเพิ่มเติม -> สั่งข้าวเปล่ามากินกับซุป
มาถึงเมนูจานหลักกันบ้างแล้ว……………………
เมนูหลัก ชามแรกนี้ก็คือ ซุปแกงกะหรี่ บูตะ คาคูนิ หรือหมูสามชั้นที่นำไปตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม เพื่อให้น้ำแกงกะหรี่ซึมเข้าไปในเนื้อหมูได้มากกว่าปกติ ตัวหมูสามชั้นทางร้านทำออกมาได้ดีใช้ได้เลยครับ ในส่วนของชั้นเนื้อมีความนุ่มกำลังดีทำให้รับประทานได้ง่าย และในชั้นไขมันที่แทรกกลางอยู่ไม่มากจนเกินไป ทำให้ได้รสสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น ใน 1 ชามจะถูกเสิรฟโดยโปรตีนที่เราเลือก 1 อย่าง มาพร้อมกับผักต้ม แครอท บล็อคโครี มาช่วยตัดรสชาติของแกงกะหรี่ที่เข้มข้นให้กลมกล่อมมากขึ้น เพื่อไม่ให้เลี่ยนจนเกินไปด้วยครับ
เนื่องจากทางร้านไม่ได้ขายอาหารในลักษณะเป็นชุดอาหาร ดังนั้นถ้าสั่งซุปแกงกะหรี่ ก็จะได้แค่ตัวซุปมา 1 ชามเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ชอบทานข้าว ทางร้านเค้าก็มีข้าวหุงกับขมิ้นไว้ให้บริการเพิ่มเติมในราคา จานละ 15 บาทเท่านั้น สำหรับชาว cheese lover ก็มีข้าวหน้าชีสไว้บริการเช่นเดียวกันครับ
วิธีรับประทาน พนักงานแนะนำให้บีบมะนาว Lemon บนข้าวหุงขมิ้นก่อนรับประทาน ตอนแรกก็ยังนึกถึงรสชาติไม่ออกว่าจะเป็นยังไงเมื่อทานพร้อมกับตัวแกงกะหรี่ จริงๆเมื่อทานแกงกะหรี่พร้อมกับข้าวเฉยๆก็ได้รสชาติที่พอดีแล้วนะครับ แต่หลังจากลองบีบ Lemon ดูบ้าง ผมว่ารสชาติมันสดชื่นขึ้นมานะ ได้ความเปรี้ยวนิดๆของ Lemon มาช่วยให้รสชาติมีมิติมากขึ้น แต่อาจจะไม่ถูกใจสำหรับคนชอบทานเปรี้ยวหรือกลิ่น Lemon นะครับ
บูตะ คาคูนิ ตุ๋นออกมาได้ดี เปื่อยนุ่มเข้ากับกลิ่นเครื่องเทศในแกงได้ดีมาก ชั้นของไขมันแทรกไม่มากกำลังดี สำหรับใครที่ไม่เคยทานมาก่อนเลย ผมแนะนำให้เริ่มจากซุปบูตะก่อนก็น่าจะดีครับ
อีกหนึ่งทีเด็ดของทางร้านครับ ลองทานพร้อมกับชีสที่โปะบนข้าวร้อนๆ พร้อมกับเนื้อหมูสามชั้นตุ๋น กลมกล่อมจนต้องร้อง อูมามิ!! เลยทีเดียว
ส่วนชามนี้เป็นซุปแกงกะหรี่ไก่ตุ๋นครับ ใช้เนื้อไก่ส่วนสะโพกชิ้นใหญ่มากกกกกมาตุ๋น ทำให้เนื้อยิ่งเปื่อยนุ่ม ทานง่ายถ้ามาแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะสั่งเหมือนกันครับ จะบอกว่าตัวเนื้อไก่หวานและรสชาติเข้ากับซุปอร่อยมาก
ชามนี้เป็นเมนูที่ผมชอบมากก ข้าวหน้าหมูผัดกิมจิ ไปร้านไหนถ้ามีเป็นต้องสั่ง สำหรับตัวผมข้าวหน้าหมูกิมจิที่ดี คือ หมูต้องนุ่มและแผ่นใหญ่ มันติดนิดหน่อยเพื่อไม่ให้รู้สึกแห้งกระด้างเกินไป กิมจิรสชาติต้องเข้มข้น ผักที่ใช้ยังมีความกรอบ เวลาทานเข้าไปพร้อมกับหมูแล้วต้องให้ความรู้สึก หมูนุ่ม ผักหวานกรอบ และน้ำซอสกิมจิที่เข้มข้นในหนึ่งคำ ซึ่งชามนี้ให้มาปริมาณที่เยอะ และรสชาติทำได้ดีตามมาตรฐานเลยครับ
รวมๆแล้ว วันนี้มากัน 2 คน สั่งอาหารทั้งหมดประมาณนี้ครับ เรียกได้ว่ากันกันจนอิ่มแน่นไปเลย
สรุปความเห็น
สำหรับร้าน Garaku เป็นหนึ่งร้านที่อยากแนะนำเพื่อนๆ ที่ไม่เคยทานซุปแกงกะหรี่มาก่อน เมนูที่ห้ามพลาดคือ ซุปแกงกะหรี่ บูตะ คาคูนิ มาลองทานกันดูนะครับ ว่าจะถูกปากถูกใจกันมากแค่ไหน สำหรับตัวผมและเพื่อนค่อนข้างพอใจในรสชาติและราคาเลยครับ ฝากนิดสำหรับคนที่มาทานกัน 2-3 คน เนื่องจากปริมาณ 1 portion นั้นค่อนข้างเยอะมากสำหรับคนทานน้อย หรือสาวๆที่รักสุขภาพ ปริมาณที่แนะนำคือ ซุป 1 ชามกับข้าว 1 จาน สามารถทานกัน 2 คนแบบอิ่มกำลังดีเลยครับ แล้วพบกันใหม่ครั้งถัดไปครับ....
อีกนิด...ทางร้านเค้าบอกว่ามีโปรโมชั่นพิเศษ ด้วยนะ!! แค่ถ่ายรูปอาหารแชร์บน Facebook หรือ Instagram แล้วเช็คอิน พร้อมติด hashtag ชื่อร้าน ฟรี! ไก่ทอดมาอีก 1 จานเด้ออ
***ทางร้านยินดีรับบัตรเครดิตตั้งแต่ยอด 500 บาทขึ้นไปนะครับ***
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้