[Mini Review] กินกิน in โตเกียว

Mini Review
กินกินไปเถอะ
กินกิน อิน โตเกียว


- ร้านดังๆ ต้องรอคิว บางร้านก็รอนานมาก ถ้าต้องยืน outdoor ไปหน้าร้อนหรือหน้าหนาวก็เตรียมตัวไปให้ดี
- ร้านไม่ดังถ้าไปตอนเที่ยงก็อาจต้องรอคิวอยู่ดี 
- หลายร้านมีชุดอาหารกลางวัน ซึ่งจะถูกกว่ามื้อเย็นมาก (เน้นว่ามาก)
- เช็ควันหยุดของร้านให้ชัดเจน และหลายร้านจะเปิด-ปิดเป็นรอบ ไม่ได้เปิดทั้งวัน เซ็คให้ดีก่อนไป จะได้ไม่เสียเที่ยว
- ร้านส่วนใหญ่มีเมนูภาษาอังกฤษ แต่อาจจะสื่อสารกับพนักงานยากนิดนึง 
- ร้านราเม็งมักต้องกดตู้ เราต้องใส่เงินเข้าไปแล้วก็กดเลือกเบอร์ที่เราจะกิน ได้กระดาษมาก็เอาไปยื่นให้พนักงาน

Satou Steak
Kichijoji Station, Central Exit, เดินไปตามถนน Sun Road 
เมนูแนะนำ: เนื้อๆๆๆๆๆ

ร้านนี้เป็นร้านขายเนื้อจ้า ใครชอบเนื้อ ร้านนี้คือ A-Must ปกติเราไม่ค่อยกินเนื้อ แต่เจอร้านนี้คือยอมแล้วจ่ะพี่จ๋า
ทริคคือเธอต้องไปตอนกลางวัน เพราะเซ็ทอาหารกลางวันจะถูกกว่ามาก เราไปตอน 13.30 ก็ยังคงมีคิว รอประมาณ 10 นาที ร้านนั่งได้ประมาณ 15 ที่
ชั้นล่างจะขายเนื้อ และของทอด ส่วนด้านบนจะเป็นร้านสเต็กค่ะ ตอนรอคิวจะมีความเสียวเล็กน้อย เพราะต้องต่อคิวบนบันไดแคบๆ ชันๆ 
มีที่นั่งหน้าเตา เห็นการย่างกันตรงนั้นเลยด้วย แต่ผมเธอก็จะเหม็นหน่อย เธอต้องทำใจนิดนึง
ร้านมีเมนูภาษาอังกฤษ จริงๆ แล้วที่อยากลองคือเนื้อมัทซึซากะ แต่เห็นราคาแล้วคือไปพักก่อน 
ร้านนี้ยกให้เป็นร้านสเต็กเนื้อที่อร่อยที่สุดในทริปนี้ ในเซ็ทจะมีข้าว ซุป สลัดมาให้ค่ะ
Satou Lunch Set (2,000 Yen)

ชุดอาหารกลางวันราคาพิเศษ (1,700 Yen)
ชุดนี้ถูกสุดในเมนู นี่ขนาดเป็นเนื้อเกรดต่ำสุดยังอร่อยขนาดนี้อะเธอคิดดู
เห็นซอสข้างหลังไหม อันนึงจะเหมือนซอสกระเทียม อีกอันจะเปรี้ยวๆ หน่อย (มีให้ทุกชุด)

Beef Steak Lunch Set (2,300 Yen)
อันนี้คือนิ่มมากเวอร์ และไม่เหม็นเลยจ้า

Minced Beef Croquet (300 Yen)
อันนี้คือใครลองก็บอกว่าอร่อย มันคือเนื้อบดผสมมันฝรั่งทอด หอมใหญ่
มันดีย์มาก หอมมาก ได้รสหวานจากหอมใหญ่ ห้ามพลาดเด็ดขาด


NAKIRYU 
Otsuka Station 
เมนูแนะนำ: ราเม็งซุปทันทัม และซุปโชยุ
จริงๆ คือเราตั้งใจไปกิน Tsuta Ramen ซึ่งปิดทุกวันพุธ นี่ก็ไปวันอังคารไง ไปเอาคิวตั้งแต่ 6 โมง ตอนเดินหาก็แบบทำไมมีคิวเลย มันไม่ถูกต้อง สรุปว่าร้านปิดจ้า ทั้งเดือนปิดวันนั้นพิเศษวันเดียว พูดแล้วก็ยังแค้นไม่หาย อยากกินราเม็งมาก ใจมันไปแล้วนึกออกไหม ก็เลยไปลองร้านนี้ดู ไปตอนกลางคืน ทางเดินมันจะไม่ค่อยมีคนนิดนึงจนแอบคิดในใจว่า Google Map มันมั่วหรือเปล่า แต่พอเห็นคิวเท่านั้นแหละ หลู่เรื่อง แล้วเราไปตอนช่วงหน้าหนาว รอคิวกันริมถนนยาวค่ำคืน ลมพัดทีคือร้องขอชีวิต ฮีคเทคก็เอาไม่อยู่ มันหนาวมากจนคนยอมแพ้ไปเยอะ
ร้านปิด 3 ทุ่ม แต่ถ้าเราไปเข้าคิวก่อนแล้วเขาจดชื่อเราไปแล้วยังไงก็ได้กินแน่ค่ะ 
มีเมนูภาษาอังกฤษนะจ๊ะ และเขาขอความกรุณาสั่งราเม็งได้จำกัดคนละ 1 ชาม 
มีที่นั่งประมาณ 10 ที่ ทุกคนกินกันเงียบมากจนทำอะไรไม่ถูก 5555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความพิเศษของร้านนี้คือพริก เนื่องจากว่าเจ้าของร้านเคยไปอยู่ฮ่องกงมา จึงได้นำพริกจีนกลับมาใช้ในการปรุง ทำให้ได้รสชาติที่แปลกไปกว่าราเม็งทั่วๆ ไป 
ชื่อร้านเขาแปลว่า มังกรคำราม ยิ่งใหญ่เวอร์ พอถึงคิวเราข้าวหมูชาชูคือหมดแล้วอะ ก็เลยสั่งเท่าที่กดมาได้ พอได้กินคำแรกก็รู้เลยว่าทำไมถึงได้ดาวมิชิลิน ร้านนี้คือแนะนำมากจริงๆ สำหรับคนชอบราเม็ง ขอบคุณตัวเองที่ยอมทนรอ 5555 ที่สำคัญคือไม่แพง แค่พันเย็นเธอก็กินอาหารมิชิลินได้แล้ว และน้ำฟรีจ่ะ



ทันทันเมง (850 Yen)
มันไม่เผ็ดนะ (เราไม่ทานเผ็ด) แต่จะร้อนๆ หน่อยและมีความหอมของงาและพริกเฉพาะของทางร้าน

เส้นไม่นิ่ม ไม่แข็งเกินไป

ราเม็งน้ำโชยุ 
หอมมาก ส่วนหมูคือนุ่มมาก ดูสิ เธอดูหมูนั่นสิ

ด้วยความเป็นคนตะกละก็เลยสั่งหมูมาเพิ่ม ตอนเห็นก็ช็อกๆ นิดนึง medium rare เวอร์ เลือดยังไหลอยู่ นี่เลยเอาไปลวกๆ ในน้ำราเม็งก่อน 555

เกี๊ยวไก่ต้มกับน้ำพอนสึ กินกับหอมซอย 
อันนี้คือชอบมากๆ ดับเลี่ยนได้


เครื่องปรุงจ่ะ ใส่พริกเพิ่มลงไปตามสไตล์คนไทย พริกนางเด็ดอยู่

Isen Honten Tonkutsu

Ueno Station 
Must - Eat ควรค่าแก่การไปกิน
เมนูแนะนำ: หมูทอด

ร้านทงคัดสึที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1930 ร้านนี้บ้านๆ ดีแท้ เข้าไปคือนั่งเสือทาตามิ (โซนโต๊ะ และบาร์ก็มี)
ร้านนี้มีคนที่พอพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ พอเห็นว่าเราเป็นต่างชาติเขาก็จะมาแนะนำให้
นอกจากหมูทอดเป็นเช็ท ก็จะมีเป็นชิ้นด้วย เช่น กุ้ง หอย ไรงี้

ชุดหมูทอด 

ราคาคิดว่าน่าจะเริ่มที่ประมาณ 1,600 - 1,800 เย็น 
หมูนุ่มมาก ตะเกียบตัดขาด รักมาก เพราะชั้นชอบกินของทอดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ในเซ็ทมีข้าว ซุปหมู (คล้ายวาโก) ผักดอง อยากให้ลืมกระหล่ำไทยไป เพราะอันนี้มันดีกว่ามาก
แต่ไม่มีน้ำสลัดให้นะคะ เห็นคนญี่ปุ่นเขากินกับน้ำซอสทงคัตสึไปเลย
ชุดรวม กุ้ง หมู โคโรเกะกุ้ง หอมเซลล์ 
ถ้าจำไม่ผิดชุดนี้ประมาณ 1,800 - 2,000 เย็น
กุ้งสด หวานฉ่ำ (แต่งานกุ้งนี่ก็ยังคงให้ Katsukura เต็งหนึ่ง)
โคโรเกะกุ้งอร่อยค่ะ แต่กินมากๆ อาจจะเลี่ยนนิดนึง
ส่วนในกาคือชาโฮจิฉะกดฟรีจ้า มาเป็นกาเลยจ่ะ 555 และต้องแบ่งกันกดกับโต๊ะข้างๆ 
ส่วนใครรู้ตัวว่าเท้าเหม็นไปนั่งโต๊ะดีกว่าค่ะ  กินเสร็จก็นำบิลไปจ่ายกับป้าข้างหน้า 


Midori Sushi
Shibuya Station
เมนูแนะนำ: แล้วแต่ศรัทธา

ร้านซูชิร้านนี้เป็นร้านยอดนิยมของคนไทย เพราะคุณภาพดีเกินราคา มันมีร้านที่อร่อยกว่าค่ะ แต่เราว่าร้านนี้คุ้มสุด เดินทางง่าย มีหลายสาขา ราคาย่อมเยาว์ เราเลือกไปสาขา Shibuya Mark City อยู่ในห้างเลยจ้า ร้านเปิดประมาณ 11 โมง เราไปถึง 10.45 ก็มีการกดบัตรคิวกันบ้างแล้ว 
ตอนกดบัตรคิวเขาจะให้เลือกว่าจะนั่งที่บาร์ ที่โต๊ะ หรือตรงไหนก็ได้ แนะนำเลือกอันหลังถ้าไม่อยากรอนาน
ร้านนี้มีเซ็ทอาหารกลางวันด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นสายปลาดิบก็ดูว่าเซ็ทไหนมีของที่เราชอบเยอะสุด แล้วก็จัดโลด จะคุ้มกว่ามาก
แต่เราไม่ได้สั่งเป็นเซ็ท สั่งแยกเป็นคำ เพราะเราไม่ค่อยกินปลาดิบ 555 

เราได้นั่งตรงหน้าบาร์ วิธีสั่งก็คือสั่งกับคนทำเลยจ้า แล้วพอจะเช็คบิล เขาจะให้บิลไปจ่ายที่แคชเชียร์อีกที
มีเมนูภาษาอังกฤษค่ะ แต่ทีนี้มันก็จะมีความยากตรงที่คุยกับเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง 5555 เช่นเขาถามว่าเอาปลาติดมันไหม
อันนี้คือหอยเชลล์ต้ม เพลงริฮานน่าขึ้นมาว่า Baby, this is what I came for อุอุ๊อุ๊อู่อู๊ 
ลืมหอยกาบบ้านเราไปเลยค่ะ นี่แหละค่ะ โฮตาเตะ ชิ้นใหญ่มาก พิมพ์ไปก็อยากกินอีก

แซลมอนย่างๆ เบาหอมมากกกก พอกินเข้าไปไข่กุ้งก็จะ pop ในปากเรา 
จริงๆ มีกุ้งที่ดูพิสดารน่ากินกว่านี้ด้วย แต่มันดิบ เลยกินอันนี้
ส่วนข้างหลังไม่รู้ปลาอะไรค่ะ ไม่ใช่ของเราค่ะ น่าจะมากุโร่
จำราคาที่แน่นอนไม่ได้ แต่รู้สึกว่าจะอยู่ที่คำละ 200 เย็นค่ะ 

Whale Bacon
อันนี้คือวาฬจ้า สัมผัสแปลกมาก มีกลิ่นเฉพาะตัวที่ไม่คาวเหมือนปลาทั่วไปอ่ะ เนื้อมันจะแข็งๆ เหมือนเบค่อน

เห็ดชิตาเกะ และซูชิสาหร่าย
หลังจากกินปลาไปสักพักก็เริ่มคาว ก็เลยสั่งผักๆ มากินบ้าง กินสาหร่ายเข้าไปคำแรกคือน้ำตาไหล (อร่อย?!) อ๋อเปล่า วาซาบิแรงมากแม่

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่