สวัสดีครับ ปกติผมจะเน้นใช้บริการ Kerry กับ SCG Express เป็นหลักๆ ส่วนไปรษณีย์ไทยมีส่งเฉพาะที่ลูกค้าเลือกเจาะจงมาครับ
แม้จะใช้บริการไม่มาก แต่ก็คอยตามสังเกตการปรับตัวและพัฒนาเพื่อหนีคู่แข่ง (หรือตามหลังแล้วก็ไม่รู้นะครับ) ก็ชื่นชมครับ ถูกใจตรงที่เปิดทุกวัน และขยายเวลาเปิดถึง 20.00 น.
ที่ผ่านมาตอนส่งสินค้าก็ไม่ต้องใช้เชือกรัดแล้ว ส่งได้เลยอันนี้ดีมากครับ รู้จักปรับตัวให้ทันคู่แข่ง เคยคิดว่ามันไร้สาระมานานมาก คู่แข่งทุกเจ้าก็ไม่มีเจ้าไหนใช้เชือกรัดเลย
แต่!!!! พอมาเมื่อวานนี้ผมไปใช้บริการปกติที่ไปรษณีย์สาขาพระโขนง ตอนส่งของ เจ้าหน้าที่คิดเงินพร้อมค่ารัดสินค้า แล้วยื่นให้พร้อมบอกให้นำรัดเชือกที่ช่อง 9 และให้นำมาที่ช่องเดิม (ค่าบริการรัดเชือก 8 บาท)
เกิดคำถามครับ ผมขับรถแล้วไปแล้วคิดในใจไปก็ไม่ได้ข้อสรุปสักที ไปรษณีย์ไทยรู้ไหมครับว่ามันไร้สาระมากที่ผมจะต้อง
- มานั่งคำนวนค่าส่งใหม่ เพิ่ม Cost ต้นทุนการจัดส่งกับทางลูกค้าเข้าไปอีก Kerry กับ SCG เค้ามีบริการซองกันน้ำฟรีแล้วนะครับ และ Kerry นี่มีเม็ดพลาสติกกันกระแทกฟรีด้วย นี่แค่เชือกรัดยังจะคิด!!!!!! เชือกธรรมดาก็ไม่มีแถมให้ ต้องรัดกับเครื่องทั้งๆที่กล่องเล็ก
- อันนี้หนัก เห็นขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็นไหมครับ ผมเสียเวลาต่อคิวส่งพัสดุแล้ว ยังต้องมาต่อคิวรัดเชือกอีก และมันมีแค่ช่องเดียวซะด้วย เฮ้ออออออออ สุดจริง เข้าคิด 2 รอบเพื่อส่งพัสดุ ถึงคราวหน้าผมจะซื้อเชือกมารัดเองที่บ้านได้ แต่มันก็ไร้สาระอยู่ดีครับ นี่ถ้าผมต้องใช้บริการไปรษณีย์ไทยเป็นหลัก แล้วต้องรัดเชือกทุกๆกล่องคง เซ็งงงง!!!
ผมได้ไปค้นหาข้อมูลว่าทำไมต้องรัดเชือก ก็ดูไร้สาระเข้าไปอีก เช่น
- เพื่อให้กล่องแน่นหนา (กล่องใหญ่มากๆอันนี้เห็นด้วยครับ แต่กล่องเล็กๆนี่ทำเพื่ออะไรครับ คิดวิธีทำให้กล่องแน่นหนาไม่ได้ก็ไปลอกคู่แข่งครับ)
- ทำให้พนักงานไปรษณีย์ถือง่ายขึ้น (อ้าว ก็ไปนั่งรัดเองสิครับ มาโยนภาระให้ทางลูกค้า??)
- เพิ่มกำไร????? (ไปคิดดูดีๆนะครับ ธุรกิจคุณอยู่ได้ด้วยจำนวนนะครับ เพิ่มส่วนนี้ ลูกค้าหาย จะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ)
เป็นการย้อนยุคไปไกลมากๆ ผมโชคดีที่อยู่ กทม. ตัวเลือกเยอะ แม้จะต้องใช้บริการไปรษณีย์ไทยบางครั้ง แต่ก็ไม่บ่อย แต่พื้นที่อื่นที่ไม่มีตัวเลือกนี่คงจะเบะปากมองสวรรค์
ตอนส่งของนี่ผมอยากจะปล่อย The world ออกมาแล้วพูดว่า
"เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์" ซะจริงๆ..
ไปรษณีย์ไทยกลับโลกยุคไดโนเสาร์อีก(กี่)ครั้ง
แม้จะใช้บริการไม่มาก แต่ก็คอยตามสังเกตการปรับตัวและพัฒนาเพื่อหนีคู่แข่ง (หรือตามหลังแล้วก็ไม่รู้นะครับ) ก็ชื่นชมครับ ถูกใจตรงที่เปิดทุกวัน และขยายเวลาเปิดถึง 20.00 น.
ที่ผ่านมาตอนส่งสินค้าก็ไม่ต้องใช้เชือกรัดแล้ว ส่งได้เลยอันนี้ดีมากครับ รู้จักปรับตัวให้ทันคู่แข่ง เคยคิดว่ามันไร้สาระมานานมาก คู่แข่งทุกเจ้าก็ไม่มีเจ้าไหนใช้เชือกรัดเลย
แต่!!!! พอมาเมื่อวานนี้ผมไปใช้บริการปกติที่ไปรษณีย์สาขาพระโขนง ตอนส่งของ เจ้าหน้าที่คิดเงินพร้อมค่ารัดสินค้า แล้วยื่นให้พร้อมบอกให้นำรัดเชือกที่ช่อง 9 และให้นำมาที่ช่องเดิม (ค่าบริการรัดเชือก 8 บาท)
เกิดคำถามครับ ผมขับรถแล้วไปแล้วคิดในใจไปก็ไม่ได้ข้อสรุปสักที ไปรษณีย์ไทยรู้ไหมครับว่ามันไร้สาระมากที่ผมจะต้อง
- มานั่งคำนวนค่าส่งใหม่ เพิ่ม Cost ต้นทุนการจัดส่งกับทางลูกค้าเข้าไปอีก Kerry กับ SCG เค้ามีบริการซองกันน้ำฟรีแล้วนะครับ และ Kerry นี่มีเม็ดพลาสติกกันกระแทกฟรีด้วย นี่แค่เชือกรัดยังจะคิด!!!!!! เชือกธรรมดาก็ไม่มีแถมให้ ต้องรัดกับเครื่องทั้งๆที่กล่องเล็ก
- อันนี้หนัก เห็นขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็นไหมครับ ผมเสียเวลาต่อคิวส่งพัสดุแล้ว ยังต้องมาต่อคิวรัดเชือกอีก และมันมีแค่ช่องเดียวซะด้วย เฮ้ออออออออ สุดจริง เข้าคิด 2 รอบเพื่อส่งพัสดุ ถึงคราวหน้าผมจะซื้อเชือกมารัดเองที่บ้านได้ แต่มันก็ไร้สาระอยู่ดีครับ นี่ถ้าผมต้องใช้บริการไปรษณีย์ไทยเป็นหลัก แล้วต้องรัดเชือกทุกๆกล่องคง เซ็งงงง!!!
ผมได้ไปค้นหาข้อมูลว่าทำไมต้องรัดเชือก ก็ดูไร้สาระเข้าไปอีก เช่น
- เพื่อให้กล่องแน่นหนา (กล่องใหญ่มากๆอันนี้เห็นด้วยครับ แต่กล่องเล็กๆนี่ทำเพื่ออะไรครับ คิดวิธีทำให้กล่องแน่นหนาไม่ได้ก็ไปลอกคู่แข่งครับ)
- ทำให้พนักงานไปรษณีย์ถือง่ายขึ้น (อ้าว ก็ไปนั่งรัดเองสิครับ มาโยนภาระให้ทางลูกค้า??)
- เพิ่มกำไร????? (ไปคิดดูดีๆนะครับ ธุรกิจคุณอยู่ได้ด้วยจำนวนนะครับ เพิ่มส่วนนี้ ลูกค้าหาย จะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ)
เป็นการย้อนยุคไปไกลมากๆ ผมโชคดีที่อยู่ กทม. ตัวเลือกเยอะ แม้จะต้องใช้บริการไปรษณีย์ไทยบางครั้ง แต่ก็ไม่บ่อย แต่พื้นที่อื่นที่ไม่มีตัวเลือกนี่คงจะเบะปากมองสวรรค์
ตอนส่งของนี่ผมอยากจะปล่อย The world ออกมาแล้วพูดว่า
"เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์" ซะจริงๆ..