วันนี้ผู้รัวิวจะมาแชร์ประสบการณ์การไปเยือนสงขลา - ปัตตานี ที่มีผู้ใหญ่ใจดีเป็นสปอนเซอร์ให้ตลอดการเดินทาง เริ่มกันตั้งแต่ตีห้าของวันที่ 24 ก.พ. ทีมงานนัดเจอกันเพื่อลงทะเบียนที่ดอนเมือง สภาพเราจะเป็นไงคงนึกออกนะ 55 แต่ได้หมอนรองคอน้องเพี้ยนจากทีมงานแล้วตื่นเลยจ้า มันน่ารักมาก
แล้วเราก็มุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3116 A320-200 พร้อมอาหารบนเครื่อง
พอลงเครื่องปุ๊บก็ไม่ให้เสียเวลา เราเดินทางไปยังสถานที่แรกกันเลย นั่นคือ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสงขลา สถานที่ที่แนะนำตวามเป็นมาของเมืองสงขลา และจังหวัดในเขตภาคใต้ได้อย่างละเอียดเลยทีเดียว
เราใช้เวลาศึกษากันพักใหญ่แล้วจึงเดินมายังพิพิธภัณฑ์พธำมะรงค์ ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน สถานทีแห่งนี้เป็นสถานที่เกิดของรัฐบุรุษ และอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 16 ที่เป็นคนสงขลา นั่นคือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

และเรายังมิงเห็นกำแพงเมืองเก่าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้อีกด้วย
จากนั้นเราดินทางไปยังย่านเมืองเก่าสงขลา สถานที่ที่ยังคงบรรยากาศ วัฒนธรรมของชาวบ้านดั้งเดิมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นไว้เป็นอย่างดี และเราไม่ลืมที่จะแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดด้วยนะ
เราใช้เวลาช่วงบ่ายกับแถวนี้พักใหญ่เลย จึงได้เวลาแวะไปหาสาวงามของเมืองสงขลาที่รอเราอยู่ที่หาดสมิหลากันจ้า
พอแวะทักทายกันสักพัก เราก็เดินทางเข้าที่พัก ที่โรงเซ็นทารา หาดใหญ่ ใจกลางเมืองกันเลย แต่ก่อนที่จะนัดทานข้าวกับทีมงาน เรายังพอมีเวลานิดหน่อย เลยพุ่งไปยังตลาดกิมหยงดีกว่า ไปดูซะหน่อยว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
แล้วค่อยมาทานข้าวเย็นกันที่โรงแรม ทีมงานมีเกมส์ให้เล่นกันนิดหน่อย พอสนุกสนานกัน
และการเดินทางในวันแรกจึงสลบไสลกันอย่างเหนื่อย เริ่มต้นการเดินทางวันที่สอง 25 ก.พ.62 เราขึ้นรถตู้เพื่อนเดินทางสู่จังหวัดปัตตานี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง สถานที่แรกที่เราไปเยือนคือวัดช้างให้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธอยากมาเยือน ซึ่งเราได้สัมผัส รับรู้ถึงความสงบของสถานที่ได้เป็นอย่างดี
แล้วก็เดินทางไปยังเมืองโบราณยะรัง สถานที่ที่ยังคงเหลือร่องรอย และซากเนินดิน อันบ่งบอกความเป็นมาของเมืองยะรังให้เราได้ศึกษากัน
จากนั้นเราไปสายบุญกันครั้ง ที่ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว และชมพิพิธภัณฑ์ความเป็นมากัน
ต่อจากนั้นก็เดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมและมีความสวยงามมาก นั่นคือ มัสยิดกลางปัตตานี มัสยิดรูปทรงเดียวกับทัชมาฮาล
การเดินทางวันที่ 2 เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เพราะฟ้าเริ่มมืด เราเดินทางไปพักที่โรงแรมซีเอสปัตตานี ซึ่งที่นี่มีพิพิธภัณฑ์เครื่องทองเหลืองให้เข้าชมด้วย
การเดินทางวันที่สาม 26 ก.พ. วันสุดท้ายแล้ว เริ่มต้นกันที่การเที่ยวชมธรรมชาติป่าโกงกาง ที่ชุมชนท่องเที่ยวบางปู เป็นสถานที่ที่ยังเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก
แถมยังมีขนมมาดูฆาตง อร่อยมากกกก แต่ไม่เหมาะกับคนเป็นเบาหวานนะ 555
เที่ยวธรรมชาติเสร็จก็เดินทางไปอีกสถานที่ที่มีชื่อเสียงปัตตานีอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ มัสยิดกรือเซะ ถึงจะเป็นสถานที่ที่สร้างไม่เสร็จและมีร่องรอยของจากการเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ แต่ยังมีความสวยงาม ความขลังของสถานที่ให้ได้สัมผัสอย่างน่าอัศจรรย์
และแล้วก็มาถึงสถานที่ที่สุดท้ายที่เราจะไปเที่ยวของทริปนี้คือ สถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา ที่ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่นี่มีการวบรวมเรื่องเล่าของวัฒนธรรม ประเพณี รวมถึงอารยธรรมของชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่ภาคใต้ไว้เป็นจำนวนมาก
จากนั้นเราก็เดินทางกลับไปยังสนามบินนานาชาติหาดใหญ่เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3123 A320 - 200 พร้อมอาหารบนเครื่องบินอันแสนอร่อย
จากนั้นก็เดินทางถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ การเดินทางครั้งนี้ต้องขอบคุณน้องสาวที่น่ารักที่ชวนเราให้ไปด้วยกัน ทีมงานของ ททท. และพันทิปที่ดูแลเราเป็นอย่างดีตลอดการเดินทาง และสนนการบินแอร์เอเชียที่พาเราบินทั้งไปและกลับโดยสวัสดิภาพ ทริปนี้จึงขอจบการรีวิวแค่นี้ ขอบคุณค้าบบบ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ
1. สายการบินแอร์เอเชีย ที่สนับสนุนการเดินทางโดยเครื่องบินแอร์เอเชีย ที่สะดวกสบาย พร้อมอาหารบนเครื่องให้ได้อิ่มกัน
2. ทีมงานทุกท่าน ทั้งจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พันทิป ที่ดูแลผู้ร่วมการเดินทางทุกคนเป็นอย่างดีตลอดการเดินทาง ตลอดจนพี่นัท (สะกดถูกรึป่าวไม่รู้นะ 555) ผู้ซึ่งความรู้หนาแน่นมาก บรรยายความรู้ ความสำคัญของสถานที่ต่างๆ เปรียบประหนึ่งว่าเป็นคนในพื้ที่ เป็นผู้ผ่านเหตุการณ์นั้นๆ มาด้วยตัวเอง นับถือๆ สำหรับน้อง พี่สุดยอดมาก นอกจากพี่นัท ผู้ที่ทำให้เราทึ่งแล้ว เราก็ได้น้องชายเพิ่มมาอีกคนนึง น้องแบงค์ ช่างภาพที่น่ารักประจำทริปนั่นเอง (ผู้อยู่เบื้องหลังภาพสวยๆ ของการเดินทาง)
ปล. เก็บตกจ้า
ของที่ระลึกจากการเที่ยวทริปดีๆ จากทีมงาน น่ารักมากเลย
จบจริงๆ และ ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านจ้า บายยยยยย