คำเตือน: กระทู้นี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนจากฉบับภาพยนตร์และฉบับละครมิวสิคเคิลเพื่อให้เห็นการเปรียบเทียบอย่างชัดเจน แต่จะพยายามเปิดเผยให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ยังมีใครจำหนังเรื่อง Legally Blonde สาวบลอนด์หัวใจดี๊ด้า เมื่อปี 2001 กันบ้างคะ
ถ้ายังจำกันได้ หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกที่ประสบความสำเร็จเรื่องหนึ่งในต้นยุค 2000 จากนิยายขายดีของอแมนด้า บราวน์ ส่งผลทำให้รีส วิทเธอร์สปูนดังสุดๆในตอนนั้น (ยกเว้นภาคสองในปี 2003) ความชมพูฟรุ๊งฟริ๊ง ความตลกบ้าบอ กับหมาชิวาว่าคู่ใจพอจะเป็นสิ่งที่จดจำจากหนังเรื่องนี้
ใครที่ท้อ หนังเรื่องนี้สามารถจุดไฟในตัวคุณได้ และทำให้ใครหลายคนอยากเรียนกฏหมายเลยก็มี
เราไปดูตัวอย่างในฉบับหนังกันก่อนนะคะ
แต่ในเมื่อปี 2007 ได้มีการนำหนังเรื่องนี้มาทำเป็นละครเวทีแบบมิวสิคเคิลในบอร์ดเวย์จนต่อยอดไปทำการแสดงในหลายๆประเทศและมีการทำฉบับท้องถิ่นในหลายๆประเทศทั่วโลกเช่นกัน (นี่ยังไม่รวมละครเวทีฉบับในสถานศึกษาทั้งในอเมริกาและอีกหลายประเทศนะ) เราไปดูตัวอย่างในฉบับบอร์ดเวย์กันค่ะ
ทีนี้เราจะมาพูดถึงฉบับละครมิวสิคเคิลในบอร์ดเวย์กันนะคะ เพราะนี่คือต้นฉบับของละครเวทีเรื่องนี้ในหลายประเทศทั่วโลกเลย
ในปี 2007 ที่อเมริกาได้นำ Legally Blonde มาทำเป็นละครมิวสิคเคิลโดยเริ่มต้นทำการแสดงในซานฟรานซิสโกในรูปแบบพรีบอร์ดเวย์ในเดือนมกราคม ก่อนที่จะกลับมาแสดงในฉบับบอร์ดเวย์จริงๆในนิวยอร์กซิตี้ในวันที่ 3 เมษายน ในช่วงเริ่มต้นมีเสียงวิจารณ์หลากหลายที่มีทั้งชื่นชอบและไม่ชื่นชอบ และมีปัญหาเรื่องบัตรขายไม่ออกด้วย (ซึ่งส่งผลทำให้ไม่มีการทำต่ออีกเลยหลังทำการแสดงในรอบสุดท้ายในวันที่ 19 ตุลาคม ปี 2008) แต่อย่างไรก็ตาม มีการโปรโมตทางช่องเอ็มทีวีและมีการออกอากาศละครเวทีเรื่องนี้ทางช่องนี้ในวันที่ 18 กันยายนในปีเดียวกัน เลยพอให้มีเรตติ้งเข้าชมละครเวทีเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่ก็อย่างที่บอกไปนะคะว่าหลังจากทำการแสดงรอบสุดท้ายในปีต่อมาก็ไม่มีการทำต่อในบอร์ดเวย์อีกเลย ด้วยจำนวนการแสดงรอบปกติไป 595 รอบ และรอบพิเศษ 30 รอบเท่านั้น (แต่เป็นเพราะอะไร เราจะมาบอกเหตุผลในลำดับต่อไป)
ทีมนักแสดงดั้งเดิมในฉบับบอร์ดเวย์
มารู้จักทีมนักแสดงดั้งเดิมในบอร์ดเวย์กัน โดยจะพูดเฉพาะตัวละครสำคัญๆนะคะ
แอล วู้ดส์ นางเอกของเรื่องนี้ สาวไฮโซ ประธานหอเดลต้านู นักศึกษาเอกการออกแบบแฟชั่นจาก UCLA มีแฟนชื่อวอร์เนอร์แต่ถูกเท เธอเลยสอบเข้านิติแห่งฮาร์วาร์ดเพื่อทวงรักจากแฟนเก่า รับบทโดย ลอร่า เบล บันดี้ คนนี้จากเรื่อง Hairspray ฉบับบอร์ดเวย์
เอลเมตต์ ฟอเรสต์ (ในหนัง นามสกุลเขาชื่อริชมอนต์ แต่เปลี่ยนเป็นฟอเรสต์เพื่อเป็นนัยกับนามสกุดวู้ดส์ของแอล เพราะต้นไม้กับป่านั้นคู่กัน เหมือนเขากับแอลในท้ายเรื่อง) พระเอกในเรื่องนี้ ศิษย์เก่านิติฮาร์วาร์ดที่มาฝึกงานกับศ. คัลลาแฮน ในฉบับบอร์ดเวย์บทนี้มีบทบาทกว่าในหนังมากๆ และมีการปูพื้นฐานว่าเขาจนและต้องต่อสู้ชีวิตอะไรมากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ปูเรื่องบทนี้ให้อยู่ในเฟรนด์โซนของแอลชัดเจนมาก รับบทโดยคริสเตียน บอร์เล่ คนนี้ดังมากในบอร์ดเวย์ในเวลาต่อมาเลยล่ะ การันตีโทนี่ถึงสองรางวัลเลย แต่เขาไม่ได้จากเรื่องนี้นะ
พอลเลตต์ เบนาฟอนเต้ หญิงสาวมีอายุหน่อย ผู้โชคร้ายกับความรัก ทำงานในร้านเสริมสวย เป็นเพื่อนกับแอลตอนที่แอลยังปรับตัวในฮาร์วาร์ดไม่ได้ ในฉบับบอร์ดเวย์บทนี้เด่นกว่าในหนังมากๆ รับบทโดยออร์เฟห์ เป็นนักแสดงละครเวทีและนักแต่งเพลงแนวมิวสิคเคิลที่ดังคนหนึ่งในบอร์ดเวย์
วอร์เนอร์ ฮันทิงตันที่สาม แฟนเก่าของแอล ผู้ลาภมากดีแต่พฤติกรรมโลโซ รับบทโดยริชาร์ด เอช แบรก
วิเวียน เคนซิงตัน แฟนใหม่ของวอร์เนอร์ ศัตรูหัวใจของแอล แต่จะกลายเป็นมิตรแท้กับแอลในเวลาต่อมา รับบทโดย เคธ ชินเดิ้ล ดีกรีมิสอเมริกาปี 1998
ศาสตราจารย์คัลลาแฮน อาจารย์ผู้ปราดเปรื่องแห่งนิติฮาร์วาร์ด แต่เขากลับเล่นไม่ซื่อกับแอลในเวลาต่อมา รับบทโดยไมเคิล รูเพิร์ท
บรู๊ค วินด์แฮม รุ่นพี่ของแอลสมัยอยู่หอเดลต้านู ไอค่อนการออกกำลังกายในอเมริกาตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าสามีตัวเอง ซึ่งเธอได้ให้ศ.คัลลาแฮนมาว่าความ รับบทโดยนิกกี้ สเนลสัน
(จากซ้ายถัดจากแอล)
เซเลน่า, มาร์โก้ และพิลล่าร์ เพื่อนซี้ของแอลในหอเดลต้านู ผู้เป็นกำลังใจให้เธอไม่ว่าจะเกิดอะไร โดยในบอร์ดเวย์ได้เพิ่มพิลล่าร์เพื่อเป็นตัวแทนความหลากหลายทางเชื้อชาติในสังคม รับบทโดยเลสลี่ คริสเซอร์, แอนนาเล แอชฟอร์ด และเดกิน่า มัวร์ตามลำดับ
ไคลน์ บีโอ บอยด์ หนุ่มยูพีเอสและว่าที่สามีคนใหม่ของพอลเลตต์ จนนางเรียกเขาว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หนังโป๊ะเดินได้
รับบทโดยแอนดี้ คาร์ล คนนี้เป็นสามีในชีวิตจริงของโอเฟห์ที่รับบทเป็นพอลเลตต์ด้วย นอกจากนี้เขารับบทเป็นเอลเมตต์ในกรณีที่คริสเตียนไม่ว่างด้วย และในต่อมาเขาดังจากเรื่อง Rocky The Musical ในปี 2012 ด้วย
อีเนียต ฮูปส์ เพื่อนร่วมรุ่นของแอล ที่ได้เข้ามาผึกงานกับคัลลาแฮนพร้อมกันกับแอล วอร์เนอร์และวิเวียน ซึ่งในฉบับบอร์ดเวย์มีการตีความบทนี้ต่างจากหนังพอสมควรจากสาวร่างกระหร่องเป็นสาวท้วม แต่ยังคงการเป็นเลสเบี้ยนอยู่เหมือนเดิม รับบทโดยนาตาเลีย จอย จอห์นสัน ซึ่งในฉบับเดินสายแสดงทั่วอเมริกาในเวลาต่อมา เธอรับบทเป็นพอลเลตต์
เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ และตามดูฉบับละครบอร์ดเวย์ซึ่งเราจะมาบอกจุดแข็งและจุดอ่อนที่น่าจะเป็นเหตุผลที่บอกไว้ข้างต้นนะคะ
จุดแข็ง
- ได้เห็นหลายๆฉากจากหนังได้รับการขยายความให้น่าสนใจในรูปแบบเพลง ไม่ว่าจะเป็นฉากก้มและเด้งในตำนาน ก็เอามาพูดถึงในสนุกยิ่งขึ้นในเพลง "Bend and Snap" หรือฉากหาข้อหักล้างกับหนุ่มล้างสระว่ายน้ำที่อ้างว่าเป็นชู้กับบรู๊ค วินด์แฮม ซึ่งแอลสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นเกย์ แต่ไม่มีใครเชื่อ โดยมีการต่อยอดให้ชัดเจนมากขึ้นในเพลง "Gay or European? (There! Right There!)" ซึ่งเป็นเพลงที่ดังมากจากเรื่องนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เมื่อเทียบกับฉากนี้ในหนังต้นฉบับซึ่งถูกพูดถึงไม่มากเท่าไหร่
- มีการขยายความตัวละครให้ชัดเจนกว่าจากหนัง ไม่ว่าจะเป็นพอลเลตต์ที่เล่าภูมิหลังอันเจ็บปวดจากอดีตสามีในเพลง "Ireland" วิเวียนที่แม้ว่าไม่ถูกกับแอลแต่ถ่ายทอดการรู้แจ้งเห็นจริงกับแอลเมื่อเอาม่านอคติออกไปในเพลง "Legally Blonde Remix" พร้อมกับท่อน Legally Blonde ในตำนานจากนาง และโดยเฉพาะเอลเมตต์ที่หนังเหมือนดูเป็นตัวประกอบมากกว่า แต่ในบอร์ดเวย์ขยายความในตัวเขาให้มีบทบาทมากขึ้น แถมทำได้น่ารักน่าสัมผัสจนเป็นผู้ชายในอุดมคติได้เลย มีการปูพื้นว่าเขาเคยลำบากจนต้องเรียนและทำงานมาตั้งแต่เด็กในเพลง "Chip On My Shoulder" ตลอดจนการแอบรักแอลข้างเดียวในเพลง "Take It Like a Man" และตอกย้ำให้ชัดเจนตอนที่ขอร้องไม่ให้แอลลาออกจากฮาร์วาร์ดในเพลง "Legally Blonde"
- เรื่องนี้ยังคงความเป็นต้นฉบับทั้งจากหนังสือและในหนังในเรื่องพลังแห่งผู้หญิง โดยเฉพาะในเพลง "Legally Blonde Remix" ที่ปลุกให้แอลต่อสู้กับคัลลาแฮนที่พยายามลวนลามเธอ ซึ่งเข้ากับกระแส #metoo มากๆ แม้ว่าเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2007 ก็ตาม นอกจากนี้เพลง "Gay or European? (There! Right There!)" ได้ส่งเสริมการเปิดเผยในกลุ่ม LGBT อย่างมีนัยด้วย
จุดอ่อน
- เป็นที่น่าเสียดายที่ทีมเขียนบทตีความแอลในฉบับบอร์ดเวย์เหมือนคนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อมากจนเกินไป เพราะในหนัง แอลเป็นหญิงแกร่งในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะตอนฮึดสู้ตอนเข้าเรียนใหม่ๆเพื่อทำคะแนนให้ทันซึ่งเธอทำเองทุกอย่าง แต่ในบอร์ดเวย์ต้องให้เอลเมตต์เคี่ยวเข็ญกว่าแอลจะตั้งตัวได้ในเพลง "Chip On My Shoulder" นี่ยังไม่รวมตอนขอกรรมการรับคัดเลือกนักศึกษาว่ารักคือสิ่งเธอมาในฮาร์วาร์ดแบบตรงๆในเพลง "What You Want" หรืออย่างเธอไปช่วยพอลเลตต์เอาหมาของพอลเลตต์จากสามีเก่ายังให้เอลเมตต์ใบ้ให้เธอว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งต่างจากหนังที่เธอเด็ดเดี่ยวกว่า เลยทำให้แอลในฉบับบอร์ดเวย์ไม่น่าจะเอามาเป็นไอค่อนได้ซึ่งต่างจากหนังที่แฟนหนังชอบมากกว่า
- การใส่บางอย่างที่ไม่จำเป็น อย่างเช่น พิลลาร์ซึ่งเป็นหนึ่งในเพื่อนซี้ของแอล ในหนังมีแค่เซเลน่าและมาร์โก้ก็พอ พอมีพิลล่าร์มาเพิ่มเหมือนมาเป็นส่วนเกินมากกว่า หรือการเต้นรำแบบ Riverdance สไตล์ไอริช ในเพลง "Legally Blonde Remix" เพื่อเป็นการบอกว่าไคลย์คือหนุ่มไอริชในฝันของพอลเลตต์ที่นางปูพื้นไว้ในเพลง "Ireland" ในตอนต้นของเรื่อง แม้ว่าฉากนี้ดูสนุก แต่เราว่าไม่มีก็ไม่เสียหายนะคะ
ปล. การเต้น Riverdance จากไอร์แลนด์โด่งดังในทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 1994 จากเดิมเป็นแค่การแสดงคั่นเวลาในการประกวดเพลงยูโรวิชั่น 1994 ที่ไอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพ จนต่อยอดเป็นคณะการแสดงที่ทำการแสดงไปทั่วโลกในเวลาต่อมาค่ะ
- ความไม่สมเหตุสมผล ยกตัวอย่างหนุ่มล้างสระว่ายน้ำที่ถูกจับได้เป็นเกย์ แต่เขาควรถูกดำเนินคดีในการให้การเท็จแต่เขาไม่ถูกพูดถึงเลย หรือที่แอลขอให้ผู้พิพากษาไปพิจารณาคดีนอกสถานที่ตรงจุดเกิดเหตุนั้น เอาจริงๆมันไม่ใช่ค่ะ
นี่เป็นเหตุผลที่เป็นจุดด่างพร้อยในเรื่องนี้ เราจะมาต่อในเม้นต่อไป เพราะจะเต็มโควต้าอักขระในหัวกระทู้แล้วค่ะ
Legally Blonde: The Musical จากหนังสุดฮิตสู่ละครมิวสิคเคิลที่ดังทั่วโลก