บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล : ท่ามกลางโลกแย่ๆ ขอแค่มีเธอเคียงข้าง
-----
-----
“บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” เป็นละครเวทีที่มีความพิเศษสำหรับเรามากๆ เพราะนอกจากการได้เป็นผู้ชม เรายังมีโอกาสได้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมพูดคุยกับทีมงานผู้กำกับ คนเขียนบท นักแสดง และผู้กำกับลีลาในละครเวทีเรื่องนี้ จากกิจกรรมทางแฟนเพจ Musical & Review
การหยิบละครเวทีเรื่องนี้มาพูดถึง สำหรับเราจึงไม่ใช่แค่การรีวิว แต่มันคือการเล่าสู่กันฟังทางจากเบื้องหน้าที่เราและผู้ชมทุกท่านได้ชม กับเบื้องหลังที่เรามีโอกาสได้พูดคุย ซักถามกับทีมงาน
“บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” แค่ชื่อก็มีความพิเศษ แค่ชื่อก็ชวนสะดุดหูแล้ว ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนคงสงสัยเหมือนกันเรา ... ทำไมถึงต้อง “เกือบจะมิวสิคัล” ?
เพราะคำว่า “เกือบจะมิวสิคัล” คือคีย์เวิร์ดสั้นๆ ที่จะบอกทิศทางของเรื่อง บอกให้คนดูรู้ว่าโลกของละครเวทีเรื่องนี้เป็นอย่างไร ซึ่งโลกของ “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” คือโลกที่ซุกซน ขี้เล่น ตรงไปตรงมา เสียดสีสังคม และมีความกวนอารมณ์อยู่ไม่น้อย
แต่เชื่อเถอะว่าถึงจะ “เกือบจะมิวสิคัล” ถึงจะมีบทเพลงไม่มาก แต่การได้นักแสดงนำสามท่านอย่าง หนูนา หนึ่งธิดา, แดน วรเวช, และ ป้าไก่ อัญชุลีอร แน่นอนว่าเรื่องความไพเราะของบทเพลง ไม่มีทางผิดหวัง!
ละครเวทีเรื่องนี้ดัดแปลงจากบทภาพยนตร์เรื่องดังของคุณยุทธเลิศ ซึ่งพอมาเป็นละครเวที แก่นเรื่องสำคัญยังคงเหมือนกับบทภาพยนตร์ เพียงแต่ทิศทางการดำเนินเรื่อง ตัวละคร บทสรุป ล้วนมีความต่างจากเดิม เรียกได้ว่าสำหรับแฟนภาพยนตร์หากได้มาชมละครเวทีเรื่องนี้ ก็ยังคงได้สัมผัสถึงความแปลกใหม่อยู่ดี
“บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” คือละครเวทีที่เราเตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆ ไว้มันจะต้องน่ากลัว ระทึกขวัญ หลอน จนเราหวาดระแวงทุกสิ่งรอบตัวขณะที่ชม ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แต่ความรู้สึกขณะที่ชมจนกระทั่งชมจบ เป็นคนละฟีลกับที่เตรียมใจไว้แต่แรกเลย หลอนที่สุดสำหรับเรา ที่เรียกเสียงตกใจจากคนขวัญอ่อนอย่างเราได้ มีเพียงแค่ซีนเดียวเท่านั้น คือซีนที่หรั่ง (แดน วรเวช) ตาม บุปผา (หนูนา) เข้ามาในห้องของเธอ แต่ก็ไม่พบเธอ จนกระทั่งหญิงสาว (ที่หรั่งยังไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่คน) ปรากฏตัวออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว “คุณเข้ามาทำไม!”
หากจะถามหาความสยองขวัญ ความน่ากลัวจากละครเวทีเรื่องนี้ ด้วยความที่เป็นเรื่องผี และผีเป็นตัวละครเอกของเรื่อง คุณก็คงจะผิดหวัง “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” อาจจะไม่ตอบโจทย์คุณเท่าที่ควร แต่...มันดันมีสิ่งที่เข้ามาทดแทนความสยองขวัญนี่สิ แถมแทนที่ได้ดีอย่างน่าประทับใจเสียด้วย
สิ่งนั้นคือ...ความโรแมนติก ความกุ๊กกิ๊กน่ารัก ให้ตายเถอะ! ถ้าคุณอยากดูละครเวทีที่คนกับผีจะกุ๊กกิ๊กกันได้อย่างน่ารัก ชวนอมยิ้ม “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน
เพราะหนูนา หนึ่งธิดา คือผู้รับบท “บุปผา” ในเวอร์ชันนี้ เธอจึงเป็นบุปผาที่ให้คนละอารมณ์กับพลอย เฌอมาลย์ บุปผาในฉบับหนูนา คือผู้หญิงที่ไม่เคยศรัทธาในความรัก “สำหรับฉัน ความรักมันเป็นเรื่องตอ แ _ ล ” ซีนดราม่าเธอทำได้ดีมาก เพียงแค่บทพูดที่เล่าถึงความหลัง ถึงพ่อกับแม่ในอดีต เพียงไม่กี่ประโยค ไม่กี่นาที แต่จับใจคนดูได้อยู่หมัด ทำให้คนดูเข้าใจได้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่าความรัก แต่โลกของเธอก็ไม่ได้เป็นสีดำสนิท โลกของบุปผาคือโลกสีเทา ที่รอวันให้สีขาวค่อยๆ มาเติมเต็ม หรือรอยวันที่จะกลายเป็นสีชมพู เพียงเพราะเธอได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่เข้ามาเป็นแสงสว่างในโลกของเธอ ก่อนที่จะหายตัวไปพลันทำให้โลกของบุปผาค่อยๆ อับแสงลง...อับแสงลงพร้อมกับชีวิตของเธอ
ความพิเศษอีกอย่างของละครเวทีเรื่องนี้คือนักแสดงนำชายอย่าง แดน วรเวช เขามารับบทเป็น สองตัวละคร คนหนึ่งคือผู้ทำร้ายและทำลายจิตใจบุปผาจนบอบช้ำ ในขณะที่ชายอีกคนหนึ่ง แม้เข้ามาในยามที่บุปผาไม่มีชีวิตแล้ว แต่เขาคือผู้เยียวยาหัวใจเธอ...เพราะแม้บุปผาจะไม่มีชีวิต แต่เธอยังคงมีจิตใจ และหัวใจของเธอกำลังเฝ้ารอใครคนหนึ่ง เป็นการรออย่างลมๆ แล้งๆ เพราะเขาคงไม่หวนกลับมาหาเธอแล้ว
แดน วรเวชในบทบาทของ “เอกพล” ไม่โดดเด่นหรือมีซีนเท่าบทนักเขียนนิยายจอมกวนอย่าง “หรั่ง” (เราจึงขอพูดถึงหรั่งเป็นพิเศษ เพราะชอบตัวละครตัวนี้ ชอบเคมีเวลาเขาอยู่กับบุปผามาก) หรั่งเปิดตัวด้วยความหน้าตาดี มีเสน่ห์ แต่หน้าตาของเขากลับไม่มีความหมายเมื่อผู้ชายคนนี้เอื้อนเอ่ยวาจาออกมา มันคือคำพูดที่กวนอารมณ์ผู้ฟัง สร้างความระคายเคืองหูให้คนฟัง แต่ตาหรั่งกลับแก้ตัวอย่างหน้าด้านๆ “ขอโทษที ผมเป็นคนพูดตรงๆ น่ะ” หรั่งจึงเป็นตัวละครที่ทั้งลักษณะนิสัย ท่าทาง และคำพูดมีความห่ามห้าว กวนอวัยวะเบื้องล่าง แต่สิ่งที่คนคนนี้ยังคงมีคือเสน่ห์ และความเข้ากันได้ดีกับผีบุปผา
หรั่งเข้ามาเติมเต็มชีวิตบุปผาได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เล็กจนโต ตั้งแต่โตจนตาย บุปผาเผชิญกับความหลอกลวงมาโดยตลอด แต่ทุกถ้อยคำ ทุกการกระทำ ทุกความรู้สึกที่เขาส่งต่อมาถึงเธอล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น เวลาหรั่งกับบุปผาอยู่ด้วยกัน จึงทำให้เราลืมไปเลย ลืมไปว่านี่คือคนกับผี ลืมไปว่านี่คือเรื่องผี ขอแค่เขากับเธอออกมาอยู่ด้วยกัน แค่นี้ก็พอแล้ว! ชื่นชมทั้งบทภาพยนตร์ ผู้กำกับ และเสน่ห์ของนักแสดงนำทั้งคู่
และเมื่อพูดถึงนักแสดงนำ จะไม่พูดถึงคนคนนี้ก็คงไม่ได้ “เจ๊สี่” ที่รับบทโดยป้าไก่ อัญชุลีอร เปิดตัวเป็นคนแรก ตั้งแต่เป็นผู้เตือนผู้ชมก่อนละครจะเริ่ม ออกมาทุกซีนล้วนดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้เป็นอย่างดี เป็นเจ๊สี่ที่มีความน่ารัก ความโก๊ะๆ เปิ่นๆ น่าเอ็นดู (จะคนละฟีลกับตอนป้าไก่เป็นยายปริกในแม่นาคพระโขนง เดอะมิวสิคัลเลย) ชอบที่สุดคือมุกเลิกบุหรี่ของเจ๊สี่ ยกนิ้วให้กับคนคิดไอเดียนี้เลย !
แต่ด้วยระยะเวลาการแสดงสั้นๆ เพียงหนึ่งองก์เท่านั้น ( 1 ชั่วโมง 40 นาที ) ที่ทางทีมงานเห็นว่ามันพอเหมาะพอดีแล้ว แต่สำหรับเรา เรามองว่าสามารถไปได้มากกว่านี้อีก ขยายดีเทล หรือตัดบางส่วนที่ยืดเยื้อไปเพื่อเติมเต็มส่วนสำคัญ เติมเต็มสิ่งที่บทตั้งใจจะสื่อมากกว่านี้อีกได้
เพราะ “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” จะบอกว่ามีทุกแนวก็ว่าได้ ทั้งรัก ผี เสียดสีสังคม แต่ถึงแม้จะมีทุกแนวแต่มันก็ยังไม่เป็นละครเวทีที่ “ครบรส” เพราะสิ่งที่โดดเด่นที่สุดและถือเป็นจุดแข็งของละครเวทีเรื่องนี้คือเรื่องรัก แต่เรื่องผี (ที่เราคิดว่าคนดูส่วนใหญ่พอได้ยินชื่อ “บุปผาราตรี” บวกกับการประชาสัมพันธ์ละคร น่าจะทำให้อยากเข้ามาหลอน เข้ามาขนลุกมากกว่านี้) หรือการเสียดสีสังคม (ที่เราอยากให้มีมากกว่าการสร้างตัวละครที่อิงมาจากคนดังในปัจจุบัน) หากเพิ่มเวลามากกว่านี้ ละครเวทีเรื่องนี้อาจมีครบทุกรสตามที่ทีมงานต้องการก็เป็นได้
แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังประทับใจแก่นเรื่องของละครเวทีเรื่องนี้ ประทับใจแมสเสจที่บทตั้งใจส่งถึงคนดู ด้วยการสร้างตัวละครบุปผาให้ยังคงมีความเพ้อฝันถึงโลกที่สวยงาม ก่อนจะตบหน้าเธอด้วยความเจ็บปวด ว่าอย่างไรก็ตามโลกนี้มันก็ยังแย่อยู่ดี โลกนี้ยังคง “เ หี้ ย” เหมือนที่ตัวละครตัวหนึ่งพูดขึ้นมา แต่ต่อโลกมันจะแย่แค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างมีความหวังไม่ได้ ท่ามกลางโลกแย่ๆ นี้ บางทีเราอาจไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ขอเพียงแค่มีกำลังใจดีๆ อยู่เคียงข้าง ใช้ชีวิตและฝ่าฟันโลกแย่ๆ นี้ไปด้วยกัน เท่านี้ก็คงเพียงพอแล้ว
ซีนสุดท้ายของเรื่องก่อนจะจบลง การแสดงของแดนกับหนูนา จึงเรียกรอยยิ้มจากเราไปเต็มๆ เป็นตอนจบที่น่ารัก และเราเชื่อว่าคงจำซีนนี้ได้อย่างไม่มีวันลืมไปอีกนาน
สุดท้ายนี้, เราเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำกล่าวของคุณอ้า สันติ ต่อวิวรรธน์ ผู้กำกับละครเวทีเรื่องนี้ ว่า “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” เป็นละครเวทีที่เหมาะแก่การดูแบบสบายๆ ดูแบบไม่ต้องมีฟอร์ม จะใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น หรือรองเท้าแตะเข้ามาชม ก็ไม่ได้ดูแย่หรือขัดกับบรรยากาศของละครเวทีเรื่องนี้เลย มันคือละครเวทีที่เกิดจากความรัก ดังเช่นบาดแผลของบุปผาที่ต้องใช้ความรักในการเยียวยา ทีมงานละครเวทีเรื่องนี้ก็เช่นกัน ทุกคนมีความรักคอยเยียวยาคอยเป็นยาใจ จึงเกิดเป็น “บุปผาราตรี เกืยบจะมิวสิคัล”
หากถามหาความสมบูรณ์แบบ ละครเวทีเรื่องนี้อาจไม่ตอบโจทย์ผู้ชม แต่ในชั่วโมงเร่งรีบ เพียงแค่ชั่วระยะเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” อาจทำให้คุณได้วางความเครียด ความทุกข์ลงชั่วคราว แล้วมาเต็มอิ่มกับเรื่องราวความรักของผีสาวที่ชื่อบุปผา ที่แม้แต่คนหลงใหลในความสมบูรณ์แบบของละครเวทีอย่างเรา ก็ยังรู้สึกประทับใจและไม่เสียดายที่ได้มาชม มาดูละครเวทีเรื่องนี้
ดูแบบสบายๆ.
อุ้มสม
11112561
ป.ล. 1 --- เอาลิงก์มาแปะสำหรับใครที่อยากชมคลิปรายการการล้อมวงพูดคุยกับทีมงานละครเวทีเรื่อง “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” (อย่างที่บอกไปว่าเรามีโอกาสได้ไปร่วมแจมด้วย)
https://www.facebook.com/musicalandreview/videos/581824812246933/
ป.ล. 2 --- หากชื่นชมการเขียนรีวิวของเรา สามารถไปกดไลก์แฟนเพจ “อุ้มสม” ของเราได้ ซึ่งในเพจจะมีทั้งการรีวิวนิยาย ละคร ละครเวทีสลับกันไป
https://www.facebook.com/aumsomjakkri/?ref=br_rs
[SR] ::: บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล : ท่ามกลางโลกแย่ๆ ขอแค่มีเธอเคียงข้าง :::
-----
-----
“บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” เป็นละครเวทีที่มีความพิเศษสำหรับเรามากๆ เพราะนอกจากการได้เป็นผู้ชม เรายังมีโอกาสได้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมพูดคุยกับทีมงานผู้กำกับ คนเขียนบท นักแสดง และผู้กำกับลีลาในละครเวทีเรื่องนี้ จากกิจกรรมทางแฟนเพจ Musical & Review
การหยิบละครเวทีเรื่องนี้มาพูดถึง สำหรับเราจึงไม่ใช่แค่การรีวิว แต่มันคือการเล่าสู่กันฟังทางจากเบื้องหน้าที่เราและผู้ชมทุกท่านได้ชม กับเบื้องหลังที่เรามีโอกาสได้พูดคุย ซักถามกับทีมงาน
“บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” แค่ชื่อก็มีความพิเศษ แค่ชื่อก็ชวนสะดุดหูแล้ว ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนคงสงสัยเหมือนกันเรา ... ทำไมถึงต้อง “เกือบจะมิวสิคัล” ?
เพราะคำว่า “เกือบจะมิวสิคัล” คือคีย์เวิร์ดสั้นๆ ที่จะบอกทิศทางของเรื่อง บอกให้คนดูรู้ว่าโลกของละครเวทีเรื่องนี้เป็นอย่างไร ซึ่งโลกของ “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” คือโลกที่ซุกซน ขี้เล่น ตรงไปตรงมา เสียดสีสังคม และมีความกวนอารมณ์อยู่ไม่น้อย
แต่เชื่อเถอะว่าถึงจะ “เกือบจะมิวสิคัล” ถึงจะมีบทเพลงไม่มาก แต่การได้นักแสดงนำสามท่านอย่าง หนูนา หนึ่งธิดา, แดน วรเวช, และ ป้าไก่ อัญชุลีอร แน่นอนว่าเรื่องความไพเราะของบทเพลง ไม่มีทางผิดหวัง!
ละครเวทีเรื่องนี้ดัดแปลงจากบทภาพยนตร์เรื่องดังของคุณยุทธเลิศ ซึ่งพอมาเป็นละครเวที แก่นเรื่องสำคัญยังคงเหมือนกับบทภาพยนตร์ เพียงแต่ทิศทางการดำเนินเรื่อง ตัวละคร บทสรุป ล้วนมีความต่างจากเดิม เรียกได้ว่าสำหรับแฟนภาพยนตร์หากได้มาชมละครเวทีเรื่องนี้ ก็ยังคงได้สัมผัสถึงความแปลกใหม่อยู่ดี
“บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” คือละครเวทีที่เราเตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆ ไว้มันจะต้องน่ากลัว ระทึกขวัญ หลอน จนเราหวาดระแวงทุกสิ่งรอบตัวขณะที่ชม ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แต่ความรู้สึกขณะที่ชมจนกระทั่งชมจบ เป็นคนละฟีลกับที่เตรียมใจไว้แต่แรกเลย หลอนที่สุดสำหรับเรา ที่เรียกเสียงตกใจจากคนขวัญอ่อนอย่างเราได้ มีเพียงแค่ซีนเดียวเท่านั้น คือซีนที่หรั่ง (แดน วรเวช) ตาม บุปผา (หนูนา) เข้ามาในห้องของเธอ แต่ก็ไม่พบเธอ จนกระทั่งหญิงสาว (ที่หรั่งยังไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่คน) ปรากฏตัวออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว “คุณเข้ามาทำไม!”
หากจะถามหาความสยองขวัญ ความน่ากลัวจากละครเวทีเรื่องนี้ ด้วยความที่เป็นเรื่องผี และผีเป็นตัวละครเอกของเรื่อง คุณก็คงจะผิดหวัง “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” อาจจะไม่ตอบโจทย์คุณเท่าที่ควร แต่...มันดันมีสิ่งที่เข้ามาทดแทนความสยองขวัญนี่สิ แถมแทนที่ได้ดีอย่างน่าประทับใจเสียด้วย
สิ่งนั้นคือ...ความโรแมนติก ความกุ๊กกิ๊กน่ารัก ให้ตายเถอะ! ถ้าคุณอยากดูละครเวทีที่คนกับผีจะกุ๊กกิ๊กกันได้อย่างน่ารัก ชวนอมยิ้ม “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน
เพราะหนูนา หนึ่งธิดา คือผู้รับบท “บุปผา” ในเวอร์ชันนี้ เธอจึงเป็นบุปผาที่ให้คนละอารมณ์กับพลอย เฌอมาลย์ บุปผาในฉบับหนูนา คือผู้หญิงที่ไม่เคยศรัทธาในความรัก “สำหรับฉัน ความรักมันเป็นเรื่องตอ แ _ ล ” ซีนดราม่าเธอทำได้ดีมาก เพียงแค่บทพูดที่เล่าถึงความหลัง ถึงพ่อกับแม่ในอดีต เพียงไม่กี่ประโยค ไม่กี่นาที แต่จับใจคนดูได้อยู่หมัด ทำให้คนดูเข้าใจได้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่าความรัก แต่โลกของเธอก็ไม่ได้เป็นสีดำสนิท โลกของบุปผาคือโลกสีเทา ที่รอวันให้สีขาวค่อยๆ มาเติมเต็ม หรือรอยวันที่จะกลายเป็นสีชมพู เพียงเพราะเธอได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่เข้ามาเป็นแสงสว่างในโลกของเธอ ก่อนที่จะหายตัวไปพลันทำให้โลกของบุปผาค่อยๆ อับแสงลง...อับแสงลงพร้อมกับชีวิตของเธอ
ความพิเศษอีกอย่างของละครเวทีเรื่องนี้คือนักแสดงนำชายอย่าง แดน วรเวช เขามารับบทเป็น สองตัวละคร คนหนึ่งคือผู้ทำร้ายและทำลายจิตใจบุปผาจนบอบช้ำ ในขณะที่ชายอีกคนหนึ่ง แม้เข้ามาในยามที่บุปผาไม่มีชีวิตแล้ว แต่เขาคือผู้เยียวยาหัวใจเธอ...เพราะแม้บุปผาจะไม่มีชีวิต แต่เธอยังคงมีจิตใจ และหัวใจของเธอกำลังเฝ้ารอใครคนหนึ่ง เป็นการรออย่างลมๆ แล้งๆ เพราะเขาคงไม่หวนกลับมาหาเธอแล้ว
แดน วรเวชในบทบาทของ “เอกพล” ไม่โดดเด่นหรือมีซีนเท่าบทนักเขียนนิยายจอมกวนอย่าง “หรั่ง” (เราจึงขอพูดถึงหรั่งเป็นพิเศษ เพราะชอบตัวละครตัวนี้ ชอบเคมีเวลาเขาอยู่กับบุปผามาก) หรั่งเปิดตัวด้วยความหน้าตาดี มีเสน่ห์ แต่หน้าตาของเขากลับไม่มีความหมายเมื่อผู้ชายคนนี้เอื้อนเอ่ยวาจาออกมา มันคือคำพูดที่กวนอารมณ์ผู้ฟัง สร้างความระคายเคืองหูให้คนฟัง แต่ตาหรั่งกลับแก้ตัวอย่างหน้าด้านๆ “ขอโทษที ผมเป็นคนพูดตรงๆ น่ะ” หรั่งจึงเป็นตัวละครที่ทั้งลักษณะนิสัย ท่าทาง และคำพูดมีความห่ามห้าว กวนอวัยวะเบื้องล่าง แต่สิ่งที่คนคนนี้ยังคงมีคือเสน่ห์ และความเข้ากันได้ดีกับผีบุปผา
หรั่งเข้ามาเติมเต็มชีวิตบุปผาได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เล็กจนโต ตั้งแต่โตจนตาย บุปผาเผชิญกับความหลอกลวงมาโดยตลอด แต่ทุกถ้อยคำ ทุกการกระทำ ทุกความรู้สึกที่เขาส่งต่อมาถึงเธอล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น เวลาหรั่งกับบุปผาอยู่ด้วยกัน จึงทำให้เราลืมไปเลย ลืมไปว่านี่คือคนกับผี ลืมไปว่านี่คือเรื่องผี ขอแค่เขากับเธอออกมาอยู่ด้วยกัน แค่นี้ก็พอแล้ว! ชื่นชมทั้งบทภาพยนตร์ ผู้กำกับ และเสน่ห์ของนักแสดงนำทั้งคู่
และเมื่อพูดถึงนักแสดงนำ จะไม่พูดถึงคนคนนี้ก็คงไม่ได้ “เจ๊สี่” ที่รับบทโดยป้าไก่ อัญชุลีอร เปิดตัวเป็นคนแรก ตั้งแต่เป็นผู้เตือนผู้ชมก่อนละครจะเริ่ม ออกมาทุกซีนล้วนดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้เป็นอย่างดี เป็นเจ๊สี่ที่มีความน่ารัก ความโก๊ะๆ เปิ่นๆ น่าเอ็นดู (จะคนละฟีลกับตอนป้าไก่เป็นยายปริกในแม่นาคพระโขนง เดอะมิวสิคัลเลย) ชอบที่สุดคือมุกเลิกบุหรี่ของเจ๊สี่ ยกนิ้วให้กับคนคิดไอเดียนี้เลย !
แต่ด้วยระยะเวลาการแสดงสั้นๆ เพียงหนึ่งองก์เท่านั้น ( 1 ชั่วโมง 40 นาที ) ที่ทางทีมงานเห็นว่ามันพอเหมาะพอดีแล้ว แต่สำหรับเรา เรามองว่าสามารถไปได้มากกว่านี้อีก ขยายดีเทล หรือตัดบางส่วนที่ยืดเยื้อไปเพื่อเติมเต็มส่วนสำคัญ เติมเต็มสิ่งที่บทตั้งใจจะสื่อมากกว่านี้อีกได้
เพราะ “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” จะบอกว่ามีทุกแนวก็ว่าได้ ทั้งรัก ผี เสียดสีสังคม แต่ถึงแม้จะมีทุกแนวแต่มันก็ยังไม่เป็นละครเวทีที่ “ครบรส” เพราะสิ่งที่โดดเด่นที่สุดและถือเป็นจุดแข็งของละครเวทีเรื่องนี้คือเรื่องรัก แต่เรื่องผี (ที่เราคิดว่าคนดูส่วนใหญ่พอได้ยินชื่อ “บุปผาราตรี” บวกกับการประชาสัมพันธ์ละคร น่าจะทำให้อยากเข้ามาหลอน เข้ามาขนลุกมากกว่านี้) หรือการเสียดสีสังคม (ที่เราอยากให้มีมากกว่าการสร้างตัวละครที่อิงมาจากคนดังในปัจจุบัน) หากเพิ่มเวลามากกว่านี้ ละครเวทีเรื่องนี้อาจมีครบทุกรสตามที่ทีมงานต้องการก็เป็นได้
แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังประทับใจแก่นเรื่องของละครเวทีเรื่องนี้ ประทับใจแมสเสจที่บทตั้งใจส่งถึงคนดู ด้วยการสร้างตัวละครบุปผาให้ยังคงมีความเพ้อฝันถึงโลกที่สวยงาม ก่อนจะตบหน้าเธอด้วยความเจ็บปวด ว่าอย่างไรก็ตามโลกนี้มันก็ยังแย่อยู่ดี โลกนี้ยังคง “เ หี้ ย” เหมือนที่ตัวละครตัวหนึ่งพูดขึ้นมา แต่ต่อโลกมันจะแย่แค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างมีความหวังไม่ได้ ท่ามกลางโลกแย่ๆ นี้ บางทีเราอาจไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ขอเพียงแค่มีกำลังใจดีๆ อยู่เคียงข้าง ใช้ชีวิตและฝ่าฟันโลกแย่ๆ นี้ไปด้วยกัน เท่านี้ก็คงเพียงพอแล้ว
ซีนสุดท้ายของเรื่องก่อนจะจบลง การแสดงของแดนกับหนูนา จึงเรียกรอยยิ้มจากเราไปเต็มๆ เป็นตอนจบที่น่ารัก และเราเชื่อว่าคงจำซีนนี้ได้อย่างไม่มีวันลืมไปอีกนาน
สุดท้ายนี้, เราเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำกล่าวของคุณอ้า สันติ ต่อวิวรรธน์ ผู้กำกับละครเวทีเรื่องนี้ ว่า “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” เป็นละครเวทีที่เหมาะแก่การดูแบบสบายๆ ดูแบบไม่ต้องมีฟอร์ม จะใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น หรือรองเท้าแตะเข้ามาชม ก็ไม่ได้ดูแย่หรือขัดกับบรรยากาศของละครเวทีเรื่องนี้เลย มันคือละครเวทีที่เกิดจากความรัก ดังเช่นบาดแผลของบุปผาที่ต้องใช้ความรักในการเยียวยา ทีมงานละครเวทีเรื่องนี้ก็เช่นกัน ทุกคนมีความรักคอยเยียวยาคอยเป็นยาใจ จึงเกิดเป็น “บุปผาราตรี เกืยบจะมิวสิคัล”
หากถามหาความสมบูรณ์แบบ ละครเวทีเรื่องนี้อาจไม่ตอบโจทย์ผู้ชม แต่ในชั่วโมงเร่งรีบ เพียงแค่ชั่วระยะเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” อาจทำให้คุณได้วางความเครียด ความทุกข์ลงชั่วคราว แล้วมาเต็มอิ่มกับเรื่องราวความรักของผีสาวที่ชื่อบุปผา ที่แม้แต่คนหลงใหลในความสมบูรณ์แบบของละครเวทีอย่างเรา ก็ยังรู้สึกประทับใจและไม่เสียดายที่ได้มาชม มาดูละครเวทีเรื่องนี้
ดูแบบสบายๆ.
11112561
ป.ล. 1 --- เอาลิงก์มาแปะสำหรับใครที่อยากชมคลิปรายการการล้อมวงพูดคุยกับทีมงานละครเวทีเรื่อง “บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล” (อย่างที่บอกไปว่าเรามีโอกาสได้ไปร่วมแจมด้วย) https://www.facebook.com/musicalandreview/videos/581824812246933/
ป.ล. 2 --- หากชื่นชมการเขียนรีวิวของเรา สามารถไปกดไลก์แฟนเพจ “อุ้มสม” ของเราได้ ซึ่งในเพจจะมีทั้งการรีวิวนิยาย ละคร ละครเวทีสลับกันไป https://www.facebook.com/aumsomjakkri/?ref=br_rs
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น