สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้รีวิวแรก หลังจากที่กลับมาจากฮอกไกโด สดๆร้อนๆ หลังจากที่ได้พาลูกสาวไปตะลุยหิมะ
การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเดินทางไปได้เที่ยวจนครบทุกที่บนเกาะฮอกไกโด แต่ได้คุยกันกับคุณภรรยาว่า เราจะนึกถึงความสุขของลูกเป็นหลัก เพราะเป็นการเดินทางไปต่างประเทศของลูกครั้งแรก ทริปนี้ แค่ให้ลูกมีความสุขก็พอ บางที่ที่เราคิดว่าจะต้องไป หรือ บางที่ที่เราวางแผนว่าจะต้องไปกิน เราอาจจะไม่ได้ไป เพราะเราก็คงต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
เริ่มต้นทริปนี้หลังจากที่จองตั๋วล่วงหน้าสายการบินหางแดงมาเป็นเป็นเวลานาน ตอนที่จอง ก็ทำการจองที่นั่งไว้ เพราะเราอยากนั่งตรงที่ขึ้นลง สะดวก แต่พอใกล้ถึงเวลาจริงเราได้เข้าไปเช็ค บุคกิ้ง ปรากฏว่า ที่นั่งที่เราจองหายไปแล้ว เนื่องจากมีการเปลี่ยนเครื่องและ เปลี่ยนเวลาการบิน เหออๆๆๆ ปัญหาแรกที่เราต้องแก้ ก็คือ โทรหา call center และต้องจัดการจองที่นั่งใหม่ ให้เรียบร้อย เพราะเราไม่อยากไปเจอปัญหาตอนเชคอินแล้วต้องโดนนั่งแยกกัน แล้วถึงเวลานั้นเราคงทำอะไรไม่ได้ และถ้าอารมณ์เสีย ณ ตอนนั้น ทุกอย่างสำหรับทริปนี้มันคงไม่โอเค สำหรับลูกด้วย
เริ่มการเดินทางเราได้มองถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ระหว่างการเดินทาง ที่ต้องพาลูกเล็กไปด้วย และพยายามเตรียมรับมือไว้ให้ดีที่สุด
++เดินทางไฟลท์ดึก ซึ่งเป็นเวลานอนของลูก ( ต้องเตรียมนมให้พร้อม เพื่อไม่ให้ร้องรบกวนผู้โดยสารคนอื่น ) สำหรับเด็กเล็ก สามารถขออนุญาติให้นำนมของน้องขึ้นไปได้++
การเดินทางเริ่มขึ้น ณ สนามบินดอนเมือง เที่ยวบิน XJ 620 ออกเดินทาง สู่สนามบิน New chitose Airport
ทริปนี้เรา 3 คน พ่อแม่ลูกเดินทางกันเอง ทั้งหมด ไปพร้อมกระเป๋าเดินทางทั้งหมด 2 ใบใหญ่ และ 1 ใบเล็ก ให้ลูกสาววัย 4 ขวบ รับผิดชอบด้วยตัวเอง
บนเครื่องบิน ขนม นม ต้องพร้อม วาววาตื่นมาต้องไม่ร้อง
มาถึงสนาม New Chitose Japan เวลาโดยประมาณที่ญี่ปุ่น 10.50 น. ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย สิ่งแรกที่ทำคือ มุ่งตรงไปที่ information tourist เพื่อสอบถาม ที่ฝากกระเป๋า เดินทาง เพื่อเราจะฝากกระเป๋า เดินทาง 1 ใบใหญ่ไปที่โรงแรมที่เราจะไปพักในวันที่ 3 ที่เมืองซับโปโร ถ้าไม่ฝากไปก่อน เรา 3 คนคงจะลากกระเป๋ากันไปไม่ไหวแน่ บริษัทที่รับฝากกระเป๋า อยู่ติดกับ information เลย สัญลักษณ์ เป็นรูปแมวดำ ราคาค่าขนส่งก็ขึ้นอยู่กับขนาดกระเป๋า
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีสัมภาระ แต่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวแบบตัวเบา ก็ฝากเจ้าแมวดำส่งของให้ซะเลย
หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อย จุดหมายแรกของเราคือเมือง Asahikawa ซึ่งเราจะเดินทางไปโดยรถไฟ JR
Hokkaido Rail pass ที่ซื้อมาจากไทย เอาไปแลกเป็น Pass ตัวจริงที่ Ticket Counter
และให้ทำการจองที่นั่งเพื่อการเดินทางที่สะดวกขึ้นสำหรับลูก
จากสนามบินเราต้องเดินทางไปที่ซัปโปโรก่อน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 37 นาที แล้ว ไปเปลี่ยนสายรถไฟอีกขบวน เพื่อไป อะซาฮิกาว่า ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที
บรรยากาศเต็มไปด้วยหิมะโปรยปราย ระหว่างการเดินทางไปอะซาฮิกาวา ในวันที่ 14 มีนาคม 2562
มาถึงแล้วเมืองอะซาฮิกาวา ณ สถานี รถไฟเจอาร์ JR Station ASAHIKAWA
เราพักเหนื่อยจากการเดินทางกันที่ JR INN ASAHIKAWA เดินมาใกล้กับสถานีรถไฟมากๆๆๆๆ สะดวกสุดๆ
น้องวาววาขอเติมพลังก่อน หลังจากเดินทางมาเหนื่อย กระโดดขึ้นเตียง นอนพักเพิ่มแรงก่อน
หลังจากตื่นนอนมา แต่งตัวเตรียมพร้อมลุยหิมะ กระโดดเล่นหิมะกันใหญ่
ไปหาราเมนของโปรดกินกัน เป้าหมายของเราคืนนี้ คือ ราเมนของโปรดน้องวาววา
ตั้งใจไปทานกันที่ ร้าน Ichikura Ramen ราเมนต้นหอม เส้นเหนียวนุ่ม น้ำซุปมีให้เลือก 3 แบบ น้ำซุปเกลือ น้ำซุปมิโซะ น้ำซุปโชยุ เลือกกันได้แล้วแต่ชอบเลยยย
ราเมนต้นหอมมาแล้วหิวๆๆๆๆๆๆ หลบหนาวมาซดราเมนร้อนๆๆๆ น้ำซุปเข้มข้น ทานคู่เกี๊ยวซ่า น้องวาววาชอบสุดๆๆ
หลังจากท้องอิ่ม เดินฝ่าหิมะกลับมาพักผ่อน พรุ่งนี้เป้าหมายตามล่าหาเพนกวิน ที่สวนสัตว์กันต่อ รีบนอนๆกันครับ
เช้าวันที่ 15 มีนาคม 2562 ตื่นนอนทานอาหารเช้า เรียบร้อยเตรียมตัวออกเดินทาง วันนี้เป้าหมายของเราคือ สวนสัตว์ อะซาฮิกาวา zoo ไฮไลทืก็คือพาเหรดเพนกวิน ที่สาวน้อยวาววาเฝ้ารออยากมาดูมากๆๆ เราเดินทางกันด้วยรถบัส มารอที่ป้ายรถบัสหมายเลข 6 ที่หน้าสถานีรถไฟเจอาร์ตามเวลาการเดินรถ ขึ้นสาย 41 รถมา 9.40 น.
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที มาถึงสวนสัตว์ยังไม่เปิด มารอซื้อบัตรเข้าสวนสัตว์กัน
หิมะโปรยปราย สาวน้อยชอบใหญ่เล่นหิมะใหญ่เลย
สวนสัตว์เปิดให้บริการ 10.30 น. สวนสัตว์นี้มีโบชัวร์แนะนำเป็นภาษไทยด้วยนะ
ราคาค่าเข้าคนละ 820 เยน เด็กต่ำกว่า 6 ปี เข้าฟรี
ในแต่ละวันจะมีพาเหรดเพนกวิน 2 รอบ
มารอดู พาเหรดเพนกวินรอบแรก 11.00 น.
รอบที่ 2 ประมาณ 14.30 น.
มาแล้วเพนกวิน
มาแล้วเพนกวิน เพนกวิน ตัวเล็กนำหน้ามาก่อนเลย ค่อยตามมาเป็นฝูง น่ารักจริงๆ มีเจ้าหน้าที่คอยเดินตาม และบอกให้คนที่ยืนรอดูไม่ล้ำเข้าไปใกล้เพนกวินมาก ไม่ใช้แฟลชถ่ายรูป
น้องวาววายิ้มน้อนยิ้มใหญ่ได้ดูเพนกวินสมใจ
ในสวนสัตว์นี้ ยังมีสัตว์อื่นที่น่าสนใจให้ไปดูอีกเยอะเลย
Seal Museum พิพิธภัณฑ์แมวน้ำ ได้ดูแมวน้ำแบบใกล้ชิด น้องวาววาหัวเราะชอบใจใหญ่เลย
ที่นี่เค้ามีการจัดการให้ข้อมูลได้ดีมากๆเลย เดินดูไม่เบื่อเลย ภาพประกอบต่างๆน่ารักมากๆ เด็กๆสนใจ ได้ความรู้เรื่องสัตว์
ระหว่างจะออกไปปะปนกับนักเรียนอนุบาลเด็กญี่ปุ่น ที่โรงงานพามาเที่ยวสวนสัตว์ ใส่ชุดเหลือง เข้ากับหมวกเด็กๆ 55
POlar Beer จะมีดชว์ให้อาหารเวลาประมาณ 13.30 น.
สัตว์อื่น ก็เช่น ยีราฟ //หมู// นกกระจอกเทศ //กวางเรนเดียร์ //snowy owl
หิวแล้วเติมพลังด้วยไส้กรอกกันก่อน มีร้านอาหารในสวนสัตว์ อยู่ใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์แมวน้ำ และร้านขายของที่ระลึก กินๆ ของมีให้เลือกเยอะเลย
ไฮไลท์ของสวนสัตว์ที่นี่ก็คือพาเหรดเพนกวิน เราก็เลยรอดูอีกรอบ ตอน 14.30 น. เด็กอยากดูเดินทั่วสวนสัตว์จนหมดแรงไปแล้ว อยู่จนสวนสัตว์ปิดเลย ช่วงฤดูหนาว สวนสัตว์จะเปิดถึงเวลา 15.30 น.
เดินออกจากสวนสัตว์ไปรอรอบรถบัตรเดินทางกลับ ยกนาฬิกาขึ้นมาดู ยังพอมีเวลาก่อนรสบัสจะมา วิ้งไปซื้อ Hokkaido Milk Ice cream มาเติมพลัง สัก 1 แท่ง
เป็นพ่อ พาลูกเที่ยว ฮอกไกโด ( Asahikawa -Sapporo-Otaru-Chitose )
การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเดินทางไปได้เที่ยวจนครบทุกที่บนเกาะฮอกไกโด แต่ได้คุยกันกับคุณภรรยาว่า เราจะนึกถึงความสุขของลูกเป็นหลัก เพราะเป็นการเดินทางไปต่างประเทศของลูกครั้งแรก ทริปนี้ แค่ให้ลูกมีความสุขก็พอ บางที่ที่เราคิดว่าจะต้องไป หรือ บางที่ที่เราวางแผนว่าจะต้องไปกิน เราอาจจะไม่ได้ไป เพราะเราก็คงต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
เริ่มต้นทริปนี้หลังจากที่จองตั๋วล่วงหน้าสายการบินหางแดงมาเป็นเป็นเวลานาน ตอนที่จอง ก็ทำการจองที่นั่งไว้ เพราะเราอยากนั่งตรงที่ขึ้นลง สะดวก แต่พอใกล้ถึงเวลาจริงเราได้เข้าไปเช็ค บุคกิ้ง ปรากฏว่า ที่นั่งที่เราจองหายไปแล้ว เนื่องจากมีการเปลี่ยนเครื่องและ เปลี่ยนเวลาการบิน เหออๆๆๆ ปัญหาแรกที่เราต้องแก้ ก็คือ โทรหา call center และต้องจัดการจองที่นั่งใหม่ ให้เรียบร้อย เพราะเราไม่อยากไปเจอปัญหาตอนเชคอินแล้วต้องโดนนั่งแยกกัน แล้วถึงเวลานั้นเราคงทำอะไรไม่ได้ และถ้าอารมณ์เสีย ณ ตอนนั้น ทุกอย่างสำหรับทริปนี้มันคงไม่โอเค สำหรับลูกด้วย
เริ่มการเดินทางเราได้มองถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ระหว่างการเดินทาง ที่ต้องพาลูกเล็กไปด้วย และพยายามเตรียมรับมือไว้ให้ดีที่สุด
++เดินทางไฟลท์ดึก ซึ่งเป็นเวลานอนของลูก ( ต้องเตรียมนมให้พร้อม เพื่อไม่ให้ร้องรบกวนผู้โดยสารคนอื่น ) สำหรับเด็กเล็ก สามารถขออนุญาติให้นำนมของน้องขึ้นไปได้++
การเดินทางเริ่มขึ้น ณ สนามบินดอนเมือง เที่ยวบิน XJ 620 ออกเดินทาง สู่สนามบิน New chitose Airport
ทริปนี้เรา 3 คน พ่อแม่ลูกเดินทางกันเอง ทั้งหมด ไปพร้อมกระเป๋าเดินทางทั้งหมด 2 ใบใหญ่ และ 1 ใบเล็ก ให้ลูกสาววัย 4 ขวบ รับผิดชอบด้วยตัวเอง
บนเครื่องบิน ขนม นม ต้องพร้อม วาววาตื่นมาต้องไม่ร้อง
มาถึงสนาม New Chitose Japan เวลาโดยประมาณที่ญี่ปุ่น 10.50 น. ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย สิ่งแรกที่ทำคือ มุ่งตรงไปที่ information tourist เพื่อสอบถาม ที่ฝากกระเป๋า เดินทาง เพื่อเราจะฝากกระเป๋า เดินทาง 1 ใบใหญ่ไปที่โรงแรมที่เราจะไปพักในวันที่ 3 ที่เมืองซับโปโร ถ้าไม่ฝากไปก่อน เรา 3 คนคงจะลากกระเป๋ากันไปไม่ไหวแน่ บริษัทที่รับฝากกระเป๋า อยู่ติดกับ information เลย สัญลักษณ์ เป็นรูปแมวดำ ราคาค่าขนส่งก็ขึ้นอยู่กับขนาดกระเป๋า วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีสัมภาระ แต่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวแบบตัวเบา ก็ฝากเจ้าแมวดำส่งของให้ซะเลย
หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อย จุดหมายแรกของเราคือเมือง Asahikawa ซึ่งเราจะเดินทางไปโดยรถไฟ JR
Hokkaido Rail pass ที่ซื้อมาจากไทย เอาไปแลกเป็น Pass ตัวจริงที่ Ticket Counter
และให้ทำการจองที่นั่งเพื่อการเดินทางที่สะดวกขึ้นสำหรับลูก
จากสนามบินเราต้องเดินทางไปที่ซัปโปโรก่อน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 37 นาที แล้ว ไปเปลี่ยนสายรถไฟอีกขบวน เพื่อไป อะซาฮิกาว่า ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาทีบรรยากาศเต็มไปด้วยหิมะโปรยปราย ระหว่างการเดินทางไปอะซาฮิกาวา ในวันที่ 14 มีนาคม 2562
มาถึงแล้วเมืองอะซาฮิกาวา ณ สถานี รถไฟเจอาร์ JR Station ASAHIKAWA
เราพักเหนื่อยจากการเดินทางกันที่ JR INN ASAHIKAWA เดินมาใกล้กับสถานีรถไฟมากๆๆๆๆ สะดวกสุดๆ
น้องวาววาขอเติมพลังก่อน หลังจากเดินทางมาเหนื่อย กระโดดขึ้นเตียง นอนพักเพิ่มแรงก่อน
หลังจากตื่นนอนมา แต่งตัวเตรียมพร้อมลุยหิมะ กระโดดเล่นหิมะกันใหญ่
ไปหาราเมนของโปรดกินกัน เป้าหมายของเราคืนนี้ คือ ราเมนของโปรดน้องวาววา
ตั้งใจไปทานกันที่ ร้าน Ichikura Ramen ราเมนต้นหอม เส้นเหนียวนุ่ม น้ำซุปมีให้เลือก 3 แบบ น้ำซุปเกลือ น้ำซุปมิโซะ น้ำซุปโชยุ เลือกกันได้แล้วแต่ชอบเลยยย
ราเมนต้นหอมมาแล้วหิวๆๆๆๆๆๆ หลบหนาวมาซดราเมนร้อนๆๆๆ น้ำซุปเข้มข้น ทานคู่เกี๊ยวซ่า น้องวาววาชอบสุดๆๆ
หลังจากท้องอิ่ม เดินฝ่าหิมะกลับมาพักผ่อน พรุ่งนี้เป้าหมายตามล่าหาเพนกวิน ที่สวนสัตว์กันต่อ รีบนอนๆกันครับ
เช้าวันที่ 15 มีนาคม 2562 ตื่นนอนทานอาหารเช้า เรียบร้อยเตรียมตัวออกเดินทาง วันนี้เป้าหมายของเราคือ สวนสัตว์ อะซาฮิกาวา zoo ไฮไลทืก็คือพาเหรดเพนกวิน ที่สาวน้อยวาววาเฝ้ารออยากมาดูมากๆๆ เราเดินทางกันด้วยรถบัส มารอที่ป้ายรถบัสหมายเลข 6 ที่หน้าสถานีรถไฟเจอาร์ตามเวลาการเดินรถ ขึ้นสาย 41 รถมา 9.40 น.
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที มาถึงสวนสัตว์ยังไม่เปิด มารอซื้อบัตรเข้าสวนสัตว์กัน
หิมะโปรยปราย สาวน้อยชอบใหญ่เล่นหิมะใหญ่เลย
สวนสัตว์เปิดให้บริการ 10.30 น. สวนสัตว์นี้มีโบชัวร์แนะนำเป็นภาษไทยด้วยนะ
ราคาค่าเข้าคนละ 820 เยน เด็กต่ำกว่า 6 ปี เข้าฟรี
ในแต่ละวันจะมีพาเหรดเพนกวิน 2 รอบ
มารอดู พาเหรดเพนกวินรอบแรก 11.00 น.
รอบที่ 2 ประมาณ 14.30 น.
มาแล้วเพนกวิน
มาแล้วเพนกวิน เพนกวิน ตัวเล็กนำหน้ามาก่อนเลย ค่อยตามมาเป็นฝูง น่ารักจริงๆ มีเจ้าหน้าที่คอยเดินตาม และบอกให้คนที่ยืนรอดูไม่ล้ำเข้าไปใกล้เพนกวินมาก ไม่ใช้แฟลชถ่ายรูป
น้องวาววายิ้มน้อนยิ้มใหญ่ได้ดูเพนกวินสมใจ
ในสวนสัตว์นี้ ยังมีสัตว์อื่นที่น่าสนใจให้ไปดูอีกเยอะเลย
Seal Museum พิพิธภัณฑ์แมวน้ำ ได้ดูแมวน้ำแบบใกล้ชิด น้องวาววาหัวเราะชอบใจใหญ่เลย
ที่นี่เค้ามีการจัดการให้ข้อมูลได้ดีมากๆเลย เดินดูไม่เบื่อเลย ภาพประกอบต่างๆน่ารักมากๆ เด็กๆสนใจ ได้ความรู้เรื่องสัตว์
ระหว่างจะออกไปปะปนกับนักเรียนอนุบาลเด็กญี่ปุ่น ที่โรงงานพามาเที่ยวสวนสัตว์ ใส่ชุดเหลือง เข้ากับหมวกเด็กๆ 55
POlar Beer จะมีดชว์ให้อาหารเวลาประมาณ 13.30 น.
สัตว์อื่น ก็เช่น ยีราฟ //หมู// นกกระจอกเทศ //กวางเรนเดียร์ //snowy owl
หิวแล้วเติมพลังด้วยไส้กรอกกันก่อน มีร้านอาหารในสวนสัตว์ อยู่ใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์แมวน้ำ และร้านขายของที่ระลึก กินๆ ของมีให้เลือกเยอะเลย
ไฮไลท์ของสวนสัตว์ที่นี่ก็คือพาเหรดเพนกวิน เราก็เลยรอดูอีกรอบ ตอน 14.30 น. เด็กอยากดูเดินทั่วสวนสัตว์จนหมดแรงไปแล้ว อยู่จนสวนสัตว์ปิดเลย ช่วงฤดูหนาว สวนสัตว์จะเปิดถึงเวลา 15.30 น.
เดินออกจากสวนสัตว์ไปรอรอบรถบัตรเดินทางกลับ ยกนาฬิกาขึ้นมาดู ยังพอมีเวลาก่อนรสบัสจะมา วิ้งไปซื้อ Hokkaido Milk Ice cream มาเติมพลัง สัก 1 แท่ง