5 ทักษะสำคัญที่คนรุ่นใหม่ควรมี

ปัจจุบันต้องยอมรับว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก ยกตัวอย่างง่ายๆอยากให้ทุกคนลองมองย้อนกลับไปดูว่าเมื่อสิบปีที่แล้วโทรศัพท์มือถือที่เราใช้ตอนนั้นทำอะไรได้บ้าง แล้วลองมาเปรียบเทียบกับมือถือที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน เชื่อว่าทุกคนน่าจะมองเห็นการพัฒนาของฟังก์ชันการใช้งานของโทรศัพท์มือถือ ที่ปัจจุบันไม่ได้มีไว้ใช้ติดต่อสื่อสารกับคนอื่นแล้วเท่านั้น แต่ยังสามารถจดบันทึก เตือนความจำ ค้นหาข้อมูล บันทึกภาพ ตกแต่งภาพ และอื่นๆอีกมากมาย จากตัวอย่างที่ว่ามานี้แสดงให้เห็นว่าแม้แต่วัตถุสิ่งของเองยังต้องมีการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ในแต่ละยุค ดังนั้นเราเองที่เป็นมนุษย์ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาตัวเองให้เท่าทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน

------------------------------------------------------

โพสนี้จึงขอสรุป 5 ทักษะสำคัญที่คนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตอลนี้ควรมี ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1. ความสามารถในการค้นหา/วิเคราะห์ข้อมูล

ในโลกยุคดิจิตอลนี้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆเราสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แหล่งค้นหาข้อมูลออนไลน์มีมากมาย มีทั้งที่น่าเชื่อถือได้และไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นคนรุ่นใหม่จึงควรมีทักษะที่สามารถแยกแยะได้ว่าข้อมูลจากแหล่งไหนเชื่อถือได้หรือไม่ได้ และก็ควรรู้วิธีการตรวจสอบด้วย เช่น หากกำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาลดความอ้วน ก็ควรเลือกอ่านในเว็บไซต์ของหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องยาโดยตรง อาทิเช่น ค้นหาจากเว็บของ อย. หรือโรงพยาบาลต่างๆ ไม่ใช่ไปอ่านจากเว็บร้านขายยาลดความอ้วนทางออนไลน์ เป็นต้น

นอกจากนี้อย่าลืมว่าแหล่งข้อมูลไม่ได้มีแต่ในโลกออนไลน์เท่านั้นนะคะ การไปค้นหาข้อมูลในห้องสมุด หรือการไปสอบถามกับบุคคลที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้เราหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ อย่าปล่อยให้เทคโนโลยีมาจำกัดการเข้าถึงข้อมูลของเราเพียงเพราะว่ามันสะดวกและรวดเร็วกว่า การใช้ความพยายามในการค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ร่วมกับการรู้จักคิด/วิเคราะห์/แยกแยะเพื่อพิจารณาว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นเชื่อถือได้หรือไม่ จึงเป็นทักษะที่เด็กในยุคดิจิตอลนี้ควรมี

2. ความสามารถในการสื่อสารได้หลายภาษา

ปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่าใครที่สามารถสื่อสารได้มากกว่าหนึ่งภาษาก็จะยิ่งได้เปรียบกว่าคนอื่น เพราะเราจะมีโอกาสเข้าถึงแหล่งข้อมูลอื่นที่ไม่ใช่ภาษาไทยได้ก่อน โดยไม่ต้องรอให้มีคนมาแปลให้ถึงจะทราบข้อมูลนั้นได้ นอกจากนี้การที่เรารู้มากกว่าหนึ่งภาษาก็จะยังช่วยให้เราสามารถสื่อสาร/ประชาสัมพันธ์สิ่งต่างๆให้กับชาวต่างชาติได้ด้วยไม่ใช่แค่เฉพาะกับคนไทยเท่านั้น 

และเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าภาษาที่สองมีความสำคัญมากแค่ไหน อยากให้ทุกคนลองจินตนาการดูนะคะ ว่าถ้าในอนาคตเรามีหน้าที่การงานที่เจริญก้าวหน้าไปจนถึงจุดที่มีต่างชาติติดต่อ/เสนอให้ไปทำงานร่วมกัน หรือขยายธุรกิจส่งออกไปต่างประเทศ แต่เราพูดภาษาอื่นไม่ได้เลยนอกจากภาษาไทย หรือแม้แต่ภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาสากลก็สื่อสารไม่ได้ ลองคิดดูว่าเราจะเสียโอกาสไปมากเท่าไหร่ ดังนั้นเด็กรุ่นใหม่จึงเก่งอย่างเดียวไม่พอค่ะ ต้องมีความสามารถในการสื่อสารกับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติได้ด้วย

3. ความสามารถในการปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่

เนื่องจากการทำงานในปัจจุบันต้องทำงานกันเป็นทีม ดังนั้นทักษะต่อมาที่สำคัญคือความสามารถในการปรับตัว เพื่อให้เราสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ ยิ่งถ้าเราเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ อาจยิ่งต้องมีการปรับตัวมากหน่อย เพราะสภาพแวดล้อมต่างๆที่เปลี่ยนไปจากตอนเรียนมาก สมัยเรียนถ้าเราทำผิดเราอาจแค่ถูกหักคะแนนของเราคนเดียว แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงถ้าเราทำงานพลาด เช่น ทำบัญชีผิด อาจทำให้เกิดความเดือดร้อนทั้งต่อเพื่อนร่วมงานและบริษัทได้ด้วย ดังนั้นช่วงที่เริ่มทำงานใหม่ เราจึงต้องศึกษา/ทำความเข้าใจรายละเอียดของงานเราให้ดี แถมยังต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานใหม่ๆ ที่มีทั้งเด็กหรือแก่กว่าเราอีก การปรับตัวจึงเป็นทักษะหนึ่งที่สำคัญตอนออกไปทำงาน

นอกจากนี้เมื่อเวลาผ่านไปความรู้/เทคโนโลยีต่างๆก็มีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาขึ้น เราเองจึงต้องรู้จักปรับตัวให้พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ เพื่อพัฒนาตัวเองให้ทำงานสำเร็จได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่ว่าแต่ก่อนเคยทำงานอย่างไรก็จะทำแบบนั้นไปตลอดไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ยิ่งในยุคดิจิตอลที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆออกมาช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย เราจึงต้องเป็นคนที่พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา ใครที่เรียนรู้ได้เร็วก็ยิ่งพัฒนาทั้งตัวเองและงานได้ก่อนคนอื่น

4. ความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่

ความคิดสร้างสรรค์เป็นอีกทักษะหนึ่งที่คนรุ่นใหม่ควรมีเพราะจะทำให้เรามีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ และแตกต่างจากคนอื่นได้ การที่จะมีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมาได้นั้น อาจไม่สามารถทำได้ภายในชั่วพริบตา แต่อาจเกิดจากการใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์ต่างๆที่พบเจอมา บวกกับความช่างสังเกตจนเกิดเป็นความสงสัย ที่สุดท้ายนำพาเราให้ลงมือสร้างสรรค์สิ่งใหม่เพื่อแก้ปัญหาบางอย่างที่เราพบเจอได้ด้วยตัวเอง 

ดังนั้นการมีความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นมาจากมันสมองของเราเอง จะช่วยให้เราทำอะไรออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำกับคนอื่น ยกตัวอย่างถ้าเราเป็นคนทำธุรกิจ การมีความคิดสร้างสรรค์ของเราจะช่วยทำให้เราคิดสินค้าใหม่/ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ออกมาไม่ซ้ำกับที่มีอยู่ตามท้องตลาด หรือยกตัวอย่างการทำงานทางออนไลน์ เช่น การเป็น YouTuber ที่ตอนนี้ใครๆก็สามารถทำได้ เพียงแค่มีกล้องกับโปรแกรมตัดต่อ เราก็สามารถผลิตรายการของตัวเองลงช่องใน YouTube ได้เลย หรือบางคนอาจมี Facebook page เป็นของตัวเอง เป็นต้น ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนมาสนใจช่อง/เพจที่เราทำนั้นก็อยู่ที่เนื้อหา ที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองนั่นเอง ซึ่งการจะทำได้นั้นไม่ง่ายเลย เราจึงอยากให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของทักษะนี้ด้วย

5. ความสามารถในการสร้างเครือข่าย

ประโยชน์ของการสร้างเครือข่ายนั้น นอกจากเพื่อให้เราเป็นที่รู้จักในวงการที่เราทำงานอยู่แล้ว ยังช่วยให้เราสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล/บุคลากรระหว่างหน่วยงานที่เราทำงานอยู่กับเครือข่ายได้อีกด้วย บางคนอาจจะคิดว่าถ้าเราเจ๋งจริง เดี๋ยวก็มีคนเข้ามาขอสร้างเครือข่ายกับเราเอง แต่อยากให้ลองคิดดูอีกมุมว่า แล้วจะดีกว่าหรือไม่ ถ้าเราเริ่มต้นออกไปสร้างเครือข่ายกับคนอื่นโดยไม่รอให้คนอื่นเข้ามาหาเราก่อน ลองคิดดูว่าเราจะเสียเวลารอไปเพื่ออะไร ถ้ามีเหตุผลที่คิดว่าสำคัญก็รอก่อนได้ แต่ถ้าคิดไม่ออกว่ารออะไรอยู่ แนะนำว่าให้เริ่มออกไปสร้างเครือข่ายเลย 

โดยในการสร้างเครือข่ายนั้นไม่จำเป็นต้องรอให้เรียนจบก่อนถึงเริ่มได้ เราสามารถเริ่มฝึกได้เลยตั้งแต่ตอนที่ยังเรียนอยู่ เริ่มต้นแนะนำว่าให้เริ่มจากการออกไปทำกิจกรรมในชมรมต่างๆ ออกไปทำความรู้จักกับคนนอกคณะฯด้วย ฝึกการเข้าสังคมตั้งแต่เนิ่นๆ เรียนรู้วิธีการเข้าหา/ทำความรู้จักคนอื่น บางคนเป็นคนเก็บตัว เราก็ต้องใช้วิธีการเข้าหาที่แตกต่างจากคนที่อัธยาศัยดีอยู่แล้ว เป็นต้น หรือถ้าเราทำงานแล้ว ก็อาจเริ่มสร้างเครือข่ายด้วยการไปเข้าร่วมงานประชุม/สัมมนาต่างๆ กล้าเข้าไปพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูล/ความคิดเห็นกับคนอื่น แต่ในการเข้าไปพูดคุยเพื่อสร้างเครือข่ายนั้น แนะนำว่าอย่าเข้าไปเพราะคิดว่าเราอยากได้อะไรจากเค้า เพราะนั่นไม่ใช่วิธีการสร้างเครือข่ายที่ดี แนะนำว่าเราอาจเข้าไปพูดคุยว่าเรามีอะไร/อีกฝ่ายมีอะไรที่สามารถแลกเปลี่ยนกันได้จะดีกว่า และถ้าเราทำให้เกิดสถานการณ์ที่ว่า win-win ทั้งสองฝ่ายได้ก็จะดีที่สุด ดังนั้นถ้าใครมีทักษะความสามารถในการสร้างเครือข่าย ก็จะช่วยให้ทำงานได้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแน่นอน

------------------------------------------------------
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/allaboutstudents/photos/a.1482370718453752/2377456872278461/?type=3&theater
https://www.weforum.org/agenda/2017/09/skills-children-need-work-future/
------------------------------------------------------
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่