5G จะส่งเสริมให้เทคโนโลยี Cloud Computing ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะ AI

กระทู้สนทนา
รู้จักเทคโนโลยี Cloud Computing
เทคโนโลยีในการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์กำลังจะเปลี่ยนไป เปลี่ยนจากการที่ผู้ใช้งานต้องเตรียมหรือติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์เพื่อตอบสนองการทำงานไว้ที่สำนักงานด้วยตัวเอง ไปเป็นการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ Cloud Computing

Cloud Computing ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่เสียทีเดียว ในขณะนี้ Cloud Computing เป็นเทคโนโลยีที่พร้อมให้บริการแล้ว แต่อาจจะยังไม่แพร่หลายนักเนื่องจากกลุ่มผู้ใช้งานจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักว่า Cloud Computing คืออะไร บ้างก็ยังไม่เข้าใจหรือยังมองไม่ออกว่า Cloud Computing จะให้ประโยชน์ต่อการดำเนินงานหรือธุรกิจขององค์กรได้อย่างไร เช่นนั้นมาทำความรู้จักกับเทคโนโลยี Cloud Computing กันสักหน่อย

Cloud Computing เป็นเสมือนคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่เราใช้งานกันอยู่คือมีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการประมวลผลและเก็บข้อมูล แต่ Cloud Computing เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่มากๆ รองรับการใช้งาน การประมวลผล ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลได้อย่างมหาศาล Cloud Computing สามารถจำแนกตามการใช้งานได้ 3 ประเภทคือ…

Infrastructure as a Service (IaaS) เป็นโครงสร้างพื้นฐานเหมือนกับระบบคอมพิวเตอร์คือ มีทั้งหน่วยประมวลผล ระบบเครือข่าย และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้ใช้งาน

Platform as a Service (PaaS) เป็นการใช้งานเกี่ยวกับแพลตฟอรม์ต่างๆ เช่น การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชั่นหรือโมบายแอปพลิเคชั่น เป็นต้น

Software as a Service (SaaS) เป็นการใช้งานทางด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งภายใต้ระบบหรือเทคโนโลยี Cloud Computing จะมีซอฟต์แวร์เฉพาะด้าน เช่น ซอฟต์แวร์ทางบัญชี ซอฟต์แวร์การบริหารจัดการโรงแรม และอื่นๆ ซึ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจประเภทต่างๆ ให้ใช้งาน สรุปก็คือ Cloud Computing เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่พร้อมรองรับการทำงานของผู้ใช้งานในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่าย การจัดเก็บข้อมูล การทดสอบระบบหรือติดตั้งฐานข้อมูล หรือการใช้งานซอฟต์เฉพาะด้านในธุรกิจต่างๆ โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องติดตั้งระบบทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไว้ที่สำนักงานให้ยุ่งยาก แต่สามารถใช้งานในสิ่งที่ต้องการได้ด้วยการเชื่อมต่อกับระบบ Cloud Computing ผ่านอินเทอร์เน็ต ในการเชื่อมต่อกับระบบหรือการใช้งานผ่าน Cloud นั้นแท้จริงไม่ใช่การทำงานผ่านก้อนเมฆหรืออากาศที่ไม่มีตัวตนแต่อย่างใด แต่เป็นการเชื่อมต่อกับศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือ Data Center ของผู้ให้บริการนั่นเอง ซึ่งศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์อยู่ภายใต้ระบบที่ีมีมาตรฐานและความปลอดภัยอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้น การที่สามารถเชื่อมต่อและใช้งานระบบได้ผ่านอินเทอร์เน็ตทำให้การทำงานไม่ถูกจำกัดอยู่ในสถานที่หนึ่งสถานที่ใดอีกต่อไป แต่สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งโน้ตบุ้ก สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ในภาพรวมอาจจะดูเหมือนว่า Cloud Computing เป็นระบบที่เหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ แต่จริงๆ แล้ว Cloud Computing เหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจทุกขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เพราะบริการต่างๆ ของ Cloud Computing นอกจากแยกตามประเภทการใช้งานแล้ว ยังมีการคิดค่าบริการตามขอบเขตที่ใช้งานจริงของแต่ละองค์กรด้วย เช่น บริการเกี่ยวกับ Cloud Computing ของ CS LOXINFO ในส่วนของซอฟต์แวร์อย่างแอปพลิเคชั่น More+ ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นค้าปลีก แม้จะเป็นร้านค้าขนาดเล็กอย่างร้าน Kios ก็สามารถใช้งานได้ โดยมีค่าบริการเพียงหลักร้อยบาทต่อเดือนเท่านั้น หรือบริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Cloud Storage) อย่าง WeCloud ซึ่งช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลขององค์กรมีความสะดวกและความปลอดภัยมากกว่าการเก็บไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ ผู้ใช้ก็สามารถเลือกใช้พื้นที่เท่าที่ต้องการและจ่ายค่าบริการตามที่ใช้งานจริง ซึ่งมีความคุ้มค่าอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับคุณสมบัติและประโยชน์ที่จะได้รับ Credit : CSL

Telemedicine วินิจฉัยโรคเบื้องต้นโดยไม่ต้องเดินทางไปเจอหมอ
นอกจากการวินิจฉัยโรคที่ซับซ้อนหรืออาการป่วยฉุกเฉินแล้ว AI ยังมีบทบาทในการดูแลเราในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งปัจจุบันมี Startup หลายรายพัฒนา Chatbot ที่คอยตอบคำถามเพื่อวินิจฉัยโรคในเบื้องต้นได้ ซึ่งมีความแม่นยำมากจากผสานเทคโนโลยี AI อย่างเช่น Babylon Health จากประเทศอังกฤษ และ Ada Health จากประเทศเยอรมนี ซึ่งสร้าง Platform วินิจฉัยโรคเบื้องต้นด้วย AI ผสานกับ Telemedicine ผู้ใช้สามารถจะได้รับคำสอบถามอาการเบื้องต้น จากนั้น AI ก็จะวิเคราะห์ว่าควรพบแพทย์หรือไม่ หากต้องพบก็สามารถ Video Call หาแพทย์ในเครือข่ายได้ทันที ระบบที่ออกแบบประกันสุขภาพให้เหมาะสมกับแต่ละคน ไม่เพียงแต่การดูแลสุขภาพโดยตรงเท่านั้น แต่ยังมี Startup ที่นำเทคโนโลยี AI ใช้จัดการระบบงานของการประกันสุขภาพด้วยเช่น Oscar บริษัท Startup จากสหรัฐอเมริกา ที่ใช้ AI วางแผนการประกันสุขภาพเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะการจับคู่แพทย์ให้เหมาะกับสุขภาพของผู้เอาประกัน ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้การรักษาได้ผล ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของทั้งระบบในระยะยาวด้วย จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี AI สามารถทำงานครอบคลุม HealthTech ครบทั้ง Ecosystem เลยทีเดียว ยิ่งในยุคที่ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างในปัจจุบัน AI จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วน HealthTech เองก็ทำให้เราได้รับการดูแลที่ดีขึ้น เป็นผลจากการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงเช่นกัน ข้อมูลและรูปภาพโดย cbinsights.com, techinasia.com, wareable.com, sigtuple.com, medgadget.com
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่