การวางระบบแม่ข่าย หรือ เซิร์ฟเวอร์ (Server) ของบริษัทนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการประกอบธุรกิจต่าง ๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับ เครื่องเซิร์ฟเวอร์เก็บไฟล์ (Files Server) ที่ช่วยในการจัดเก็บเอกสารและข้อมูลสำคัญ ๆ ของบริษัทเอาไว้บน Server กลางที่ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลร่วมกันได้ อีกทั้งยังสามารถเสริมความปลอดภัยของข้อมูลไม่ให้รั่วไหลไปสู่ภายนอกได้อีกต่างหาก
ซึ่งการวางระบบ Server นั้นก็มีให้เลือกใช้งานด้วยกัน 2 รูปแบบใหญ่ ๆ ด้วยกัน ได้แก่ ระบบ Server แบบ On-Prem และระบบ Server แบบ On-Cloud โดยในยุคอดีตองค์กรส่วนใหญ่นิยมลงทุนระบบ IT แบบ On-Prem เพราะระบบ Cloud ยังไม่เป็นที่นิยม ทำให้องค์กรที่จะ มี Data Center หรือ ระบบ IT ที่มีประสิทธิภาพได้ จะต้องเป็นองค์กรขนาดใหญ่ เพราะการลงทุนด้านระบบ IT ไม่ใช่แค่การซื้อเครื่องมือ แต่รวมไปถึงการบริหารจัดการด้านบุคลากรอีกด้วย
จากนี้ไปเรามาดูความหมายเพื่อเปรียบเปรียบระบบแบบ On-Premise หรือ ระบบแบบ On-Cloud ว่าอย่างไหนดีกว่ากันแน่! ไปกันเลย
ความหมายของ On-Prem system vs On-Cloud sysytem
On-Prem system (ย่อมาจาก On-Premise) คือ การใช้ระบบ IT โดยระบบจะตั้งอยู่ในสถานที่ของเจ้าของระบบ และมีการดูแลรักษาระบบด้วยตัวเอง เป็นระบบ Server รูปแบบดั้งเดิมที่มีการติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ Server ไว้ในบริษัทที่ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่อยู่บนคอมพิวเตอร์ส่วนกลางได้ โดยทางบริษัทสามารถที่จะเลือกใช้งานและจัดสเปคของ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) และ ซอฟต์แวร์ (Software) ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ (Operating System), อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Storage Device), เครือข่ายภายใน (Intranet), ระบบ Virtual, เครื่องกลาง (Middleware), เวลาการใช้งานระบบ (Runtime), ข้อมูล (Data) และแอปพลิเคชัน หรือซอฟต์แวร์ (Application or Software) ภายในบริษัทเองก็สามารถออกแบบเองได้อย่างเต็มที่
ส่วน On-Cloud sysytem คือ การใช้ระบบ IT รูปแบบหนึ่ง ที่ระบบอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ให้บริการ (Cloud Provider) หรือ การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) เป็นบริการ Server ที่ให้บริการโดย "บริษัทอื่น" ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ เพราะทางบริษัทสามารถเช่าใช้งานเครื่อง Server ของผู้ให้บริการ Cloud ในการจัดเก็บและจัดการข้อมูลได้จากระยะไกล (Remote) แบบออนไลน์ ซึ่งผู้ใช้งานจะใช้งานผ่านทาง Network หรือ Internet ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จาก "ทุกที่ ทุกเวลา" ที่มี อินเทอร์เน็ต (Internet)
เปรียบเทียบ On-Prem system vs On-Cloud sysytem
สำหรับระบบแบบ On-Premises สามารถเปรียบเทียบกับ บริการ Server แบบ On-Cloud ที่มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งานทั้ง IaaS, PaaS และ SaaS ที่มีความแตกต่างกันออกไปตามรูปแบบการให้บริการ ดังต่อไปนี้
รูปที่2: เปรียบเทียบการใช้ระบบ Cloud รูปแบบต่างๆและ On-Premise ภาพจาก :
https://www.bmc.com/blogs/saas-vs-paas-vs-iaas-whats-the-difference-and-how-to-choose/
ข้อเปรียบเทียบระหว่าง on-Cloud กับ On-prem ในด้านต่างๆ มีดังนี้
1. การลงทุน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
- ในระบบแบบ On-Premise จะต้องติดตั้งทั้ง Software และ Hardware ซึ่งการประเมิน Spec จะคำนึงถึงการใช้งานระยะยาว ทำให้เงินลงทุน เป็นเงินก้อนใหญ่
- การใช้ระบบแบบ On-Prem จะมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งแต่ดูแลระบบ เช่น ไฟฟ้า และ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
- การลงทุนในระบบแบบ Cloud จะมีลักษณะเป็นการจ่ายเท่าที่ใช้ ทั้ง Software และ Hardware ที่มีให้เลือกใช้เป็นรายครั้ง และมีค่าใช้จ่ายเป็นรายครั้ง
2. บุคลากรในการดูแลระบบ
- ระบบแบบ On-Premise จำเป็นต้องมีบุคลากรในแต่ละด้าน และต้องการทักษะในแต่ละด้านที่เฉพาะด้าน เพราะการติดตั้ง หรือดูแลรักษาเป็นหน้าที่ของบุคลากรที่รับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ โดยตรง
- ระบบแบบ Cloud ไม่จำเป็นต้องมีบุคลากรจำนวนมาก เพราะระบบ Cloud จะมีการ Monitor และแจ้งเตือนอย่างอัตโนมัติ การติดตั้งใดๆ ก็สามารถทำได้โดยง่าย เพียงแต่บุคลากรที่รับผิดชอบในการดูแลรักษาระบบ Cloud จะต้องอัพเดตเครื่องมือใหม่ๆ ตลอดเวลา และจะต้องมีความเข้าใจในสถาปัตยกรรม โดยรวมทั้งหมด
3.เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
- ระบบแบบ On-Premise จะสามารถใช้เทคโนโลยีเป็นไปตามลิขสิทธิ์ และ Version ตามที่ได้จัดซื้อ ณ ตอนต้นเท่านั้น
ระบบแบบ Cloud มีเครื่องมือให้เลือกใช้ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด จึงสามารถปรับเปลี่ยน และเลือกใช้เทคโนโลยีที่ใหม่ล่าสุดได้อย่างสะดวกสบาย
4.การบำรุงรักษาระบบ
- ระบบแบบ On-Premise จะมีต้นทุนค่าบำรุงรักษาเป็นไปตามรอบ และสัญญา เช่น ทุก 5 ปี โดยที่ค่าบำรุงรักษา จะเป็นสัญญานอกเหนือจากขอบเขตการติดตั้งในปีแรก
- ระบบแบบ Cloud ไม่ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษา เนื่องจากค่าใช้จ่ายจะครบคุมไปถึงการบำรุงรักษาเอาไว้แล้ว
5.การเข้าถึงระบบ
- ระบบแบบ On-Premise เข้าถึงได้ตามรูปแบบที่ตั้งค่าเอาไว้
- ระบบแบบ Cloud เข้าถึงได้จากทุกแห่ง เพียง Log-in ตามสิทธิในการเข้าถึง
6.การบริหารความปลอดภัย
- ระบบแบบ On-Premise มีการบริหารความปลอดภัยเป็นไปตามการออกแบบของบุคลากรผู้ดูแลระบบ และใช้เทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยที่ได้จัดซื้อไว้ ณ ตอนต้น
- ระบบแบบ Cloud มีเครื่องมือช่วยในการบริหารความปลอดภัยอย่างอัตโนมัติ และมีการแจ้งเตือนหากพบสิ่งผิดปกติ โดยเครื่องมือนี้ เป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดด้านความปลอดภัย
7.ความยืดหยุ่น
- ระบบแบบ On-Premise จะต้องใช้ระบบตาม Spec หรือ ลิขสิทธิ์ที่จัดซื้อไว้ ณ ตอนต้น
- ระบบแบบ Cloud สามารถปรับเปลี่ยนระบบได้ตลอด ตั้งแต่ขนาดของถังข้อมูล Spec ของอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ใช้
สรุป
จะเห็นได้ว่าการวางระบบ Server แบบ On-Premise นั้น ทางบริษัทจะต้องเป็นผู้จัดการดูแล "ทุกอย่าง" ด้วยตนเอง จึงทำให้การวางระบบในรูปแบบนี้มีค่าใช้จ่ายโดยรวมค่อนข้างสูง เพราะทางบริษัทจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งการดูแลอัปเกรดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์, การลงระบบซอฟต์แวร์ และการดูแลความปลอดภัยของข้อมูลในระบบ อีกทั้งยังต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาดูแลระบบทั้งหมด
ส่วน ระบบ Server แบบ On-Cloud หรือ การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) เป็นบริการ Server ที่ให้บริการโดย "บริษัทอื่น" ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ เพราะทางบริษัทสามารถเช่าใช้งานเครื่อง Server ของผู้ให้บริการ Cloud ในการจัดเก็บและจัดการข้อมูลได้จากระยะไกล (Remote) แบบออนไลน์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จาก "ทุกที่ ทุกเวลา" ที่มี อินเทอร์เน็ต (Internet)
ซึ่งเมื่องปัจจุบันเมื่อเข้าสู่ยุค Big Data ที่มีข้อมูลเกิดขึ้นปริมาณจำนวนมาก และมีอัตราการขยายตัวเป็นเท่าตัวอยู่ตลอดเวลา ทำให้การเพิ่ม-ลด ขนาดของระบบ IT จะต้องดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การลงทุนแบบ On-Prem มักจะมีการคำนวณสเปค แบบหลวมๆ มีบัฟเฟอร์เอาไว้เพื่อสำรองการใช้งาน ซึ่งก่อให้เกิดเป็นค่าใช้จ่ายที่มากเกินความเป็นจริง หลายองค์กรจึงเปลี่ยนแปลงมาลงทุนในรูปแบบของ Cloud และมีอัตราการใช้ Cloud มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่องค์กรใหญ่ๆ แต่องค์กรขนาดเล็กเอง ก็สามารถเข้าถึงบริการของ Cloud และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่ทันสมัยได้ เลือกได้ตามสเปคที่ต้องการ และปรับ-ลด ได้ตลอดเวลา
ดังนั้นการใช้งาน Server รูปแบบ on-cloud จึงได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน เพราะหากเทียบกับการใช้งานระบบ On-Premise ที่ต้องดูแลทุกอย่างด้วยตนเองแล้ว การทำงานของระบบ Cloud นั้นช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ระบบแบบ On-Premise หรือ ระบบแบบ On-Cloud อย่างไหนดีกว่ากันแน่!
ความหมายของ On-Prem system vs On-Cloud sysytem
On-Prem system (ย่อมาจาก On-Premise) คือ การใช้ระบบ IT โดยระบบจะตั้งอยู่ในสถานที่ของเจ้าของระบบ และมีการดูแลรักษาระบบด้วยตัวเอง เป็นระบบ Server รูปแบบดั้งเดิมที่มีการติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ Server ไว้ในบริษัทที่ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่อยู่บนคอมพิวเตอร์ส่วนกลางได้ โดยทางบริษัทสามารถที่จะเลือกใช้งานและจัดสเปคของ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) และ ซอฟต์แวร์ (Software) ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ (Operating System), อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Storage Device), เครือข่ายภายใน (Intranet), ระบบ Virtual, เครื่องกลาง (Middleware), เวลาการใช้งานระบบ (Runtime), ข้อมูล (Data) และแอปพลิเคชัน หรือซอฟต์แวร์ (Application or Software) ภายในบริษัทเองก็สามารถออกแบบเองได้อย่างเต็มที่
ส่วน On-Cloud sysytem คือ การใช้ระบบ IT รูปแบบหนึ่ง ที่ระบบอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ให้บริการ (Cloud Provider) หรือ การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) เป็นบริการ Server ที่ให้บริการโดย "บริษัทอื่น" ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ เพราะทางบริษัทสามารถเช่าใช้งานเครื่อง Server ของผู้ให้บริการ Cloud ในการจัดเก็บและจัดการข้อมูลได้จากระยะไกล (Remote) แบบออนไลน์ ซึ่งผู้ใช้งานจะใช้งานผ่านทาง Network หรือ Internet ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จาก "ทุกที่ ทุกเวลา" ที่มี อินเทอร์เน็ต (Internet)
เปรียบเทียบ On-Prem system vs On-Cloud sysytem
สำหรับระบบแบบ On-Premises สามารถเปรียบเทียบกับ บริการ Server แบบ On-Cloud ที่มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งานทั้ง IaaS, PaaS และ SaaS ที่มีความแตกต่างกันออกไปตามรูปแบบการให้บริการ ดังต่อไปนี้
รูปที่2: เปรียบเทียบการใช้ระบบ Cloud รูปแบบต่างๆและ On-Premise ภาพจาก : https://www.bmc.com/blogs/saas-vs-paas-vs-iaas-whats-the-difference-and-how-to-choose/
ข้อเปรียบเทียบระหว่าง on-Cloud กับ On-prem ในด้านต่างๆ มีดังนี้
1. การลงทุน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
- ในระบบแบบ On-Premise จะต้องติดตั้งทั้ง Software และ Hardware ซึ่งการประเมิน Spec จะคำนึงถึงการใช้งานระยะยาว ทำให้เงินลงทุน เป็นเงินก้อนใหญ่
- การใช้ระบบแบบ On-Prem จะมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งแต่ดูแลระบบ เช่น ไฟฟ้า และ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
- การลงทุนในระบบแบบ Cloud จะมีลักษณะเป็นการจ่ายเท่าที่ใช้ ทั้ง Software และ Hardware ที่มีให้เลือกใช้เป็นรายครั้ง และมีค่าใช้จ่ายเป็นรายครั้ง
2. บุคลากรในการดูแลระบบ
- ระบบแบบ On-Premise จำเป็นต้องมีบุคลากรในแต่ละด้าน และต้องการทักษะในแต่ละด้านที่เฉพาะด้าน เพราะการติดตั้ง หรือดูแลรักษาเป็นหน้าที่ของบุคลากรที่รับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ โดยตรง
- ระบบแบบ Cloud ไม่จำเป็นต้องมีบุคลากรจำนวนมาก เพราะระบบ Cloud จะมีการ Monitor และแจ้งเตือนอย่างอัตโนมัติ การติดตั้งใดๆ ก็สามารถทำได้โดยง่าย เพียงแต่บุคลากรที่รับผิดชอบในการดูแลรักษาระบบ Cloud จะต้องอัพเดตเครื่องมือใหม่ๆ ตลอดเวลา และจะต้องมีความเข้าใจในสถาปัตยกรรม โดยรวมทั้งหมด
3.เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
- ระบบแบบ On-Premise จะสามารถใช้เทคโนโลยีเป็นไปตามลิขสิทธิ์ และ Version ตามที่ได้จัดซื้อ ณ ตอนต้นเท่านั้น
ระบบแบบ Cloud มีเครื่องมือให้เลือกใช้ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด จึงสามารถปรับเปลี่ยน และเลือกใช้เทคโนโลยีที่ใหม่ล่าสุดได้อย่างสะดวกสบาย
4.การบำรุงรักษาระบบ
- ระบบแบบ On-Premise จะมีต้นทุนค่าบำรุงรักษาเป็นไปตามรอบ และสัญญา เช่น ทุก 5 ปี โดยที่ค่าบำรุงรักษา จะเป็นสัญญานอกเหนือจากขอบเขตการติดตั้งในปีแรก
- ระบบแบบ Cloud ไม่ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษา เนื่องจากค่าใช้จ่ายจะครบคุมไปถึงการบำรุงรักษาเอาไว้แล้ว
5.การเข้าถึงระบบ
- ระบบแบบ On-Premise เข้าถึงได้ตามรูปแบบที่ตั้งค่าเอาไว้
- ระบบแบบ Cloud เข้าถึงได้จากทุกแห่ง เพียง Log-in ตามสิทธิในการเข้าถึง
6.การบริหารความปลอดภัย
- ระบบแบบ On-Premise มีการบริหารความปลอดภัยเป็นไปตามการออกแบบของบุคลากรผู้ดูแลระบบ และใช้เทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยที่ได้จัดซื้อไว้ ณ ตอนต้น
- ระบบแบบ Cloud มีเครื่องมือช่วยในการบริหารความปลอดภัยอย่างอัตโนมัติ และมีการแจ้งเตือนหากพบสิ่งผิดปกติ โดยเครื่องมือนี้ เป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดด้านความปลอดภัย
7.ความยืดหยุ่น
- ระบบแบบ On-Premise จะต้องใช้ระบบตาม Spec หรือ ลิขสิทธิ์ที่จัดซื้อไว้ ณ ตอนต้น
- ระบบแบบ Cloud สามารถปรับเปลี่ยนระบบได้ตลอด ตั้งแต่ขนาดของถังข้อมูล Spec ของอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ใช้
ดังนั้นการใช้งาน Server รูปแบบ on-cloud จึงได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน เพราะหากเทียบกับการใช้งานระบบ On-Premise ที่ต้องดูแลทุกอย่างด้วยตนเองแล้ว การทำงานของระบบ Cloud นั้นช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว