มุสลิมส่วนมากเข้าใจผิดว่า ท่านนบีมูฮัมมัดเป็นตัวแทนของอัลลอฮ์บนโลกมนุษย์ ท่านนบีไม่ใช่ตัวแทนของอัลอฮ์ หรือของพระเจ้าบนโลกมนุษย์
อย่างเช่นที่ชาวคริสเตียนแต่งตั้งพระเยซูให้เป็นลูกชายพระเจ้า และเป็นตัวแทนของพระเจ้า ซึ่งในทัศนของอิสลาม ถ้ามุสลิมกระทำเช่นนั้น จะถือ
ว่าเป็นการทำชิริก หรือการสร้างภาคีที่ใหญ่หลวง
ในปัจจุบันมุสลิมกำลังทำเช่นเดียวกับคริสเตียน ยังมีมุสลิมจำนวนมากที่เข้าใจว่าท่านนบีเป็นตัวแทนของอัลลอฮ์ เราควรจะต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า
ท่านนบีเป็นเพียงฑูตทางศาสนา ท่านเป็นเพียงผู้รับอัลกุรอาน หรือเรียกให้ถูกต้องก็คือ ท่านรอซูลมูฮัมมัดคือ"ผู้นำข่าวสารจาก อัลลอฮ์(อัลกุรอาน)
มาสู่ปวงมนุษยชาติเท่านั้น ท่านเป็นคนธรรมดาที่ได้รับเกียรติอันสูงส่งให้เป็นผู้รับข่าวสารทางศาสนาจาก อัลลอฮ์เท่านั้น ท่านไม่ใช่ตัวแทนของอัล
ลอฮ์บนโลกมนุษย์ อย่างเช่นพระเยซูในคริสตศาสนา ท่านนบีไม่มีพลอำนาจเท่าเทียมอัลลอฮ์ท่านถ่ายบาปหรือยกโทษบุญบาปให้ผู้ใดไม่ได้ อัล
กุรอานบอกไว้อย่างชัดเจนว่า ท่านนบีนั้นเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีอำนาจที่จะแสดงปาฎิหารย์ ใดๆ ท่านไม่อาจจะล่วงรู้อนาคต หรือทำนายเหตุ
การณ์ในอนาคตได้
..ท่านนบีไม่มีอำนาจในการตั้งกฏบังคับห้ามในสิ่งที่อัลลอฮ์ไม่ห้าม หรือ อนุมัติในสิ่งที่อัลลอฮ์ ห้ามไว้ ท่านนบีมีหน้าที่รับอัลกุรอานและนำวิทยปัญญา
จากอัลกุร อานมาสอนมนุษย์เท่านั้น ดังนั้นอัลกุรอานจึงมีบัญญัติให้มุสลิมเชื่อฟังท่านนบี ตามแนวทางของอัลลกุรอาน
16. ซูเราะฮฺอันนะหฺลิ (บท ผี้ง) وَلَا تَقُولُوا لِمَا تَصِفُ أَلْسِنَتُكُمُ الْكَذِبَ هَٰذَا حَلَالٌ وَهَٰذَا حَرَامٌ لِتَفْتَرُوا عَلَى اللَّهِ الْكَذِبَ ۚ إِنَّ الَّذِينَ يَفْتَرُونَ عَلَى اللَّهِ الْكَذِبَ لَا يُفْلِحُونَ {116} "Do not say falsely, 'this is lawful (halal) and that is prohibited (haram)', inventing a lie about Allah. Those who invent lies about Allah do not prosper." (Qur'an 16:116)
{16:116} และพวกเธออย่ากล่าวตามที่ลิ้นของพวกเธอกล่าวเท็จขึ้นว่า นี่เป็นที่อนุมัติและนี่เป็นที่ต้องห้าม เพื่อที่พวกเธอจะกล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ แท้จริง บรรดาผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺนั้น พวกเขาจะไม่ได้รับความสำเร็จ
ดังนั้นฮาดีษใดๆที่อ้างว่าท่านนบีห้ามสิ่งนั้นสิ่งนี้ ที่อัลลอฮ์ไม่ได้ห้าม หรืออนุมัติให้กระทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ที่อัลลอฮ์ ทรงห้ามไว้, จึงเป็นฮาดีษที่เท็จ
ตัวอย่าง เช่นฮาดีษที่ห้ามกินอาหารด้วยมือซ้าย ซึ่งอัลลออ์ไม่ได้ห้าม หรือฮาดีษที่ให้ จูบลูบคลำหินดำ หรือฮาดีษที่ ให้ฆ่ากระเทย หรือฮาดีษ
ที่ให้ทำ การรอยัม หรือขว้างด้วยหินจนตาย ต่อผู้ผิดประเวณี ฯลฯ จึงเป็นฮาดีษที่เหลวไหล รวมทั้งฮาดีษที่ ห้ามสตรีที่มีประจำเดือนจับต้องอัล
กุรอาน, การห้ามหญิงมีประจำเดือนทำละหมาด,การห้ามหญิงมีประจำเดือนถือศีลอด จึงเป็นสิ่งที่ขัดกับอัลกุรอานเพราะว่าสิ่งเหลานี้อัลลอฮ์ไม่
ได้ห้าม การห้ามที่กล่าวมานี้จึงเป็นบิดอะห์ เป็นนวัตกรรม เราต้องเข้าใจว่ากฎใด ๆ ที่บอกเราว่าจะไม่ให้เราทำละหมาด หรือนมัสการพระเจ้าที่
อยู่ภายใต้สิ่งนี้(การมีประจำเดือน) หรือจากเหตุการณ์อื่น ๆ จะต้องมาจากซาตานไม่ใช่จากอัลลอฮ์ นอกเสียจากที่อัลลอฮ์จะกำหนดข้อยกเว้น
ไว้เท่านั้น
อัลกุรอานไม่ได้บังคับให้สตรีมุสลิมคลุมหน้าคลุมตา หรือสวมกระโจมเมื่อออกนอกบ้าน แต่ผู้รู้หรือฮาดีษมีคำสั้งให้กระทำ จึงขัดกับอัลกุรอาน
และเป็นการฝ่าฝืนบัญญัติของอัลลอฮ์ (Qur'an 16:116) เราจะเห็นว่าการที่มุสลิมส่วนมากปฏิบัตินั้นเป็นการหลงผิด จำไว้ว่าการกระทำของคน
ส่วนมากที่ทำกันมาเป็นเวลานาน นั้นไม่จำเป็นจะต้องถูกต้องตามหลักการของอิสลามเสมอไป
ท่านนบีมูฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมคือผู้ที่นำข่าวสารจากอัลลอฮ์มายังมวลมนุษยชาติ
อย่างเช่นที่ชาวคริสเตียนแต่งตั้งพระเยซูให้เป็นลูกชายพระเจ้า และเป็นตัวแทนของพระเจ้า ซึ่งในทัศนของอิสลาม ถ้ามุสลิมกระทำเช่นนั้น จะถือ
ว่าเป็นการทำชิริก หรือการสร้างภาคีที่ใหญ่หลวง
ในปัจจุบันมุสลิมกำลังทำเช่นเดียวกับคริสเตียน ยังมีมุสลิมจำนวนมากที่เข้าใจว่าท่านนบีเป็นตัวแทนของอัลลอฮ์ เราควรจะต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่า
ท่านนบีเป็นเพียงฑูตทางศาสนา ท่านเป็นเพียงผู้รับอัลกุรอาน หรือเรียกให้ถูกต้องก็คือ ท่านรอซูลมูฮัมมัดคือ"ผู้นำข่าวสารจาก อัลลอฮ์(อัลกุรอาน)
มาสู่ปวงมนุษยชาติเท่านั้น ท่านเป็นคนธรรมดาที่ได้รับเกียรติอันสูงส่งให้เป็นผู้รับข่าวสารทางศาสนาจาก อัลลอฮ์เท่านั้น ท่านไม่ใช่ตัวแทนของอัล
ลอฮ์บนโลกมนุษย์ อย่างเช่นพระเยซูในคริสตศาสนา ท่านนบีไม่มีพลอำนาจเท่าเทียมอัลลอฮ์ท่านถ่ายบาปหรือยกโทษบุญบาปให้ผู้ใดไม่ได้ อัล
กุรอานบอกไว้อย่างชัดเจนว่า ท่านนบีนั้นเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีอำนาจที่จะแสดงปาฎิหารย์ ใดๆ ท่านไม่อาจจะล่วงรู้อนาคต หรือทำนายเหตุ
การณ์ในอนาคตได้
..ท่านนบีไม่มีอำนาจในการตั้งกฏบังคับห้ามในสิ่งที่อัลลอฮ์ไม่ห้าม หรือ อนุมัติในสิ่งที่อัลลอฮ์ ห้ามไว้ ท่านนบีมีหน้าที่รับอัลกุรอานและนำวิทยปัญญา
จากอัลกุร อานมาสอนมนุษย์เท่านั้น ดังนั้นอัลกุรอานจึงมีบัญญัติให้มุสลิมเชื่อฟังท่านนบี ตามแนวทางของอัลลกุรอาน
16. ซูเราะฮฺอันนะหฺลิ (บท ผี้ง) وَلَا تَقُولُوا لِمَا تَصِفُ أَلْسِنَتُكُمُ الْكَذِبَ هَٰذَا حَلَالٌ وَهَٰذَا حَرَامٌ لِتَفْتَرُوا عَلَى اللَّهِ الْكَذِبَ ۚ إِنَّ الَّذِينَ يَفْتَرُونَ عَلَى اللَّهِ الْكَذِبَ لَا يُفْلِحُونَ {116} "Do not say falsely, 'this is lawful (halal) and that is prohibited (haram)', inventing a lie about Allah. Those who invent lies about Allah do not prosper." (Qur'an 16:116)
{16:116} และพวกเธออย่ากล่าวตามที่ลิ้นของพวกเธอกล่าวเท็จขึ้นว่า นี่เป็นที่อนุมัติและนี่เป็นที่ต้องห้าม เพื่อที่พวกเธอจะกล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ แท้จริง บรรดาผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺนั้น พวกเขาจะไม่ได้รับความสำเร็จ
ดังนั้นฮาดีษใดๆที่อ้างว่าท่านนบีห้ามสิ่งนั้นสิ่งนี้ ที่อัลลอฮ์ไม่ได้ห้าม หรืออนุมัติให้กระทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ที่อัลลอฮ์ ทรงห้ามไว้, จึงเป็นฮาดีษที่เท็จ
ตัวอย่าง เช่นฮาดีษที่ห้ามกินอาหารด้วยมือซ้าย ซึ่งอัลลออ์ไม่ได้ห้าม หรือฮาดีษที่ให้ จูบลูบคลำหินดำ หรือฮาดีษที่ ให้ฆ่ากระเทย หรือฮาดีษ
ที่ให้ทำ การรอยัม หรือขว้างด้วยหินจนตาย ต่อผู้ผิดประเวณี ฯลฯ จึงเป็นฮาดีษที่เหลวไหล รวมทั้งฮาดีษที่ ห้ามสตรีที่มีประจำเดือนจับต้องอัล
กุรอาน, การห้ามหญิงมีประจำเดือนทำละหมาด,การห้ามหญิงมีประจำเดือนถือศีลอด จึงเป็นสิ่งที่ขัดกับอัลกุรอานเพราะว่าสิ่งเหลานี้อัลลอฮ์ไม่
ได้ห้าม การห้ามที่กล่าวมานี้จึงเป็นบิดอะห์ เป็นนวัตกรรม เราต้องเข้าใจว่ากฎใด ๆ ที่บอกเราว่าจะไม่ให้เราทำละหมาด หรือนมัสการพระเจ้าที่
อยู่ภายใต้สิ่งนี้(การมีประจำเดือน) หรือจากเหตุการณ์อื่น ๆ จะต้องมาจากซาตานไม่ใช่จากอัลลอฮ์ นอกเสียจากที่อัลลอฮ์จะกำหนดข้อยกเว้น
ไว้เท่านั้น
อัลกุรอานไม่ได้บังคับให้สตรีมุสลิมคลุมหน้าคลุมตา หรือสวมกระโจมเมื่อออกนอกบ้าน แต่ผู้รู้หรือฮาดีษมีคำสั้งให้กระทำ จึงขัดกับอัลกุรอาน
และเป็นการฝ่าฝืนบัญญัติของอัลลอฮ์ (Qur'an 16:116) เราจะเห็นว่าการที่มุสลิมส่วนมากปฏิบัตินั้นเป็นการหลงผิด จำไว้ว่าการกระทำของคน
ส่วนมากที่ทำกันมาเป็นเวลานาน นั้นไม่จำเป็นจะต้องถูกต้องตามหลักการของอิสลามเสมอไป