ได้ระบุว่าในเฮตินั้นมีปัญหาขาดแคลนปัจจัยในการดำรงชีพ อาหารที่ต้องนำเข้ามีราคาสูงขึ้นจากราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้น ผู้หญิงชาวเฮติจึงให้กำเนิดอุตสาหกรรมเค้กโคลน (mud cake หรือ mud cookie) ที่เป็นการนำดินเหลืองมาทำเป็นแผ่นวงกลมแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง แม้จะมีการปรุงรสด้วยเกลือและผัก แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้รสชาติดีขึ้น ถึงอย่างนั้นก็เป็นสิ่งที่เพียงพอต่อการประทังชีวิตไปได้บ้าง

ตากกันโต้ง ๆ แบบนี้ บนลานบาสเกตบอล ข้าง ๆ เป็นท่อระบายน้ำที่มีน้ำขังและสกปรก

การผสมดินทำเค้กที่สาว ๆ มาช่วยกันเป็นอุตสาหกรรมเล็ก ๆ คุณแม่ คุณยาย และลูกหลานผู้หญิง

ก่อนหน้านี้เค้กโคลนหรือคุกกี้โคลนเป็นอาหารที่ชาวเฮติกินเพื่อเป็นสารลดกรดและเสริมแคลเซียมสำหรับเด็กและสตรีมีครรภ์ เพราะเชื่อว่ามีแร่ธาตุที่ดี แต่ในเมืองเล็ก ๆ อย่าง Cite Soleil มันกลายเป็นอาหารหลักสามมื้อไปแล้ว

คุณแม่อุ้มลูกมานั่งตากแดดทำเค้กเพื่อเป็นอาหารประทังชีวิต ราคาเค้กโคลนต่อชิ้นคือ 5 เซนต์ ในขณะที่ข้าว 2 ถ้วยมีราคา 60 เซนต์

แม้ไม่ถูกหลักสุขอนามัย แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำกินกันอย่างเลือกไม่ได้ เพราะราคาเค้กโคลนถูกกว่าอาหารทั่วไป 10 เท่า ถ้าเลือกได้พวกเขาก็คงไม่กินมันทุกวันหน้าตาของเค้กโคลนที่ขึ้นรูปใหม่ ๆ ยังไม่แห้งดี ตากรวมกันบนผ้าบาง ๆ ที่ปูบนพื้น เรียกได้ว่าเอาดินมาวางตากบนดินอีกที

เมื่อตากแดดจนแห้งแล้วก็เก็บใส่กาละมังไปแบ่งกันกินหรือขายในตลาดและร้านริมทางแผ่นดินกลม ๆ ที่แห้งแล้ว รูปร่างคล้ายคุกกี้แผ่นใหญ่ เด็ก ๆ บอกว่ารสชาติของมันคล้ายเนยและเกลือ หากลองชิมดูจะพบว่ามันแห้งผากจนดูดความชื้นภายในปากไปได้แม้แค่ลิ้นแตะ

ความหิวโหยกัดกินพวกเขา และเค้กโคลนพวกนี้ได้ช่วยเติมท้องของพวกเขาให้เต็ม จนกว่าที่พวกเขาจะมีเงินพอซื้ออาหารดี ๆ กินกัน อย่างไรก็ดี มีข้อมูลบางที่ระบุว่าเค้กโคลนเป็นอาหารเสริม ที่กินเพื่อเป็นยาตามภูมิปัญญาท้องถิ่นเท่านั้น

ขอบคุณที่มาจาก ข่าว NBCNEWS.com กับ World Food Programmeด้วยครับ