ใกล้คืบเข้ามาทุกทีแล้วกับ "การเลือกตั้ง ส.ส." งานช้างที่ประชาชนคนไทยต้องไปเลือกกัน รักใคร ชอบใคร เชื่อใคร อยู่ที่การตัดสินใจของคุณเองเท่านั้น
หลังจากประกาศผลคะแนนเสร็จจนถึงการจัดตั้งรัฐบาลและได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คงจะเห็นการเปลี่ยนประเทศให้ดูแจ่มใสและแข็งแกร่งกว่าเดิม
เช่นเดียวกับ "อุตสาหกรรมหนังไทย" ที่กำลังอยู่ในอาการน่าเป็นห่วงอย่างหนัก เกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ยากที่ผู้ใดจะเข้ามาเหลียวแลและแก้ไขสถานการณ์ให้เอาอยู่
ทั้งที่บริษัทผู้สร้างและผู้ประกอบการหนังไทยทุก ๆ รายต่างพยายามแข่งขันสร้างผลงานให้มีคุณภาพที่ดี และมีความหลากหลาย ความเป็นพิษเป็นภัยจะน้อยลงจนแทบไม่เห็น
หวังว่าทางรัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือคนทำหนังอย่างเต็มที่ อาจมีนโยบายใหม่ ๆ ออกมาเรียกความสนใจของคอหนังทุกสารทิศให้เข้าถึงยิ่งกว่าที่เคยเป็น
อย่างเช่น...จะให้เกิดโรงหนัง 24 ชั่วโมง โรงหนังที่ฉายเฉพาะหนังไทยด้วยระบบที่ทันสมัย การปรับราคาตั๋วหนังอย่างเหมาะสม การคุมเข้มผู้เข้าชม หรือจะเป็นการเชิญดาราฮอลลีวูดมาเล่นหนังไทย แม้กระทั่งบรรดาค่ายหนังทั้งหลายแหล่ที่จะมาแลกเปลี่ยนในการทำงานร่วมกันเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของชาติ
ก็ไม่แน่ว่าในเร็ว ๆ นี้ (จะก่อนหรือหลังเลือกตั้งก็แล้วแต่) เราอาจได้เห็นตัวแทนบริษัทผู้สร้างหนังชั้นนำของไทยมาร่วม "ดีเบต" เพื่อชี้ทิศทางอนาคตของอุตสาหกรรมหนังไทย
แทนที่จะเห็นแต่พรรคการเมืองมาดีเบตดูเป็นเรื่องธรรมดา มาลองฟังเสียงจากพรรค เอ๊ย...ค่ายหนังบ้าง มันน่าสะใจกว่าสำหรับฉัน
โดยเฉพาะค่ายหนังชั้นนำ ทั้ง "จีดีเอช-สหมงคลฟิล์ม-เอ็ม พิคเจอร์ส-ไฟว์สตาร์-ที โมเมนต์" จะกล้ามาดีเบตกับเราไหม เพื่อเรียกฐานเสียงจากสังคมคอหนัง
...สมมติว่าคุณสวมวิญญาณให้เป็นผู้บริหารค่ายหนัง คุณจะพูดเรื่องอะไร หรือชูนโยบายอะไรล่ะ สวัสดี.
ถ้าเกิดหัวเรือใหญ่ค่ายหนังไทยชั้นนำทั้ง 5 มาดีเบต คุณอยากให้เขาพูดเรื่องใดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมหนังไทย?
หลังจากประกาศผลคะแนนเสร็จจนถึงการจัดตั้งรัฐบาลและได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คงจะเห็นการเปลี่ยนประเทศให้ดูแจ่มใสและแข็งแกร่งกว่าเดิม
เช่นเดียวกับ "อุตสาหกรรมหนังไทย" ที่กำลังอยู่ในอาการน่าเป็นห่วงอย่างหนัก เกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ยากที่ผู้ใดจะเข้ามาเหลียวแลและแก้ไขสถานการณ์ให้เอาอยู่
ทั้งที่บริษัทผู้สร้างและผู้ประกอบการหนังไทยทุก ๆ รายต่างพยายามแข่งขันสร้างผลงานให้มีคุณภาพที่ดี และมีความหลากหลาย ความเป็นพิษเป็นภัยจะน้อยลงจนแทบไม่เห็น
หวังว่าทางรัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือคนทำหนังอย่างเต็มที่ อาจมีนโยบายใหม่ ๆ ออกมาเรียกความสนใจของคอหนังทุกสารทิศให้เข้าถึงยิ่งกว่าที่เคยเป็น
อย่างเช่น...จะให้เกิดโรงหนัง 24 ชั่วโมง โรงหนังที่ฉายเฉพาะหนังไทยด้วยระบบที่ทันสมัย การปรับราคาตั๋วหนังอย่างเหมาะสม การคุมเข้มผู้เข้าชม หรือจะเป็นการเชิญดาราฮอลลีวูดมาเล่นหนังไทย แม้กระทั่งบรรดาค่ายหนังทั้งหลายแหล่ที่จะมาแลกเปลี่ยนในการทำงานร่วมกันเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของชาติ
ก็ไม่แน่ว่าในเร็ว ๆ นี้ (จะก่อนหรือหลังเลือกตั้งก็แล้วแต่) เราอาจได้เห็นตัวแทนบริษัทผู้สร้างหนังชั้นนำของไทยมาร่วม "ดีเบต" เพื่อชี้ทิศทางอนาคตของอุตสาหกรรมหนังไทย
แทนที่จะเห็นแต่พรรคการเมืองมาดีเบตดูเป็นเรื่องธรรมดา มาลองฟังเสียงจากพรรค เอ๊ย...ค่ายหนังบ้าง มันน่าสะใจกว่าสำหรับฉัน
โดยเฉพาะค่ายหนังชั้นนำ ทั้ง "จีดีเอช-สหมงคลฟิล์ม-เอ็ม พิคเจอร์ส-ไฟว์สตาร์-ที โมเมนต์" จะกล้ามาดีเบตกับเราไหม เพื่อเรียกฐานเสียงจากสังคมคอหนัง
...สมมติว่าคุณสวมวิญญาณให้เป็นผู้บริหารค่ายหนัง คุณจะพูดเรื่องอะไร หรือชูนโยบายอะไรล่ะ สวัสดี.