เราจะเล่าให้ฟังก่อนนะคะ
คือเราทำงานร้านอาหารอยู่ที่หนึ่ง ตำแหน่งบาร์เท็นเดอร์
เราจะเบรคแล้วเล่าพฤติกรรม ของผู้จัดการคนใหม่ให้ฟังก่อนนะคะ
1.เคยสอนให้เราคิดหัวคิวทางร้านจากราคาเนื้อวัวจากเจ้าที่เพื่อนเราขายให้ลดราคา เพระเราทำงานที่ร้านนี้
2.เคยจะจิ๊กไวน์ที่หลุดออกมาจากการสั่งซื้อ และไม่มีในรายชื่อไวน์ในสโตร์ แตาเรากับเพื่อนร่วมงาน(ที่เป็นบาร์เท็นเดอร์ด้วยกัน)พลิกเกมส์บอกว่า เพื่อนของเราซื้อไว้แล้วในราคาที่สั่งซื้อมา
พฤติกรรมแย่ๆอีกเยอะแยะค่ะนี่ยกตัวอย่างมาแค่ให้พอเข้ากับเนื้อหาของเรื่องนี้
หลังจากนั้นมีเหตุการเกิดขึ้นในระยะประชิดกัน
1. วันที่ 1 ของเรื่องราวคือกระเป๋าตังพี่แคชเชียร์หาย วางไว้ที่แคชเชียร์แต่มันหายไป ดูกล้องไม่ได้ เพราะตู้เก็บเอกสารสูงสามชั้น+ เครื่องปริ้นที่วางไว้บนสุดบังบริเวณโต๊ะแคชเชียร์มิด นอกนั้นเห็นแค่บริเวณรอบๆ ห้อง
2. หลังจากวันที่กระเป๋าตังหาย เย็นวันนั้น บริษัทไวน์มาส่ง แต่คนเช็คสต็อกหลักหยุด เหลือแต่เด็กเดินบาร์น้ำทำงานอยู่ที่บาร์น้ำ ผจก.เลยสั่งให้เด็กบาร์น้ำนับสต็อก ฟิลลิ่งเด็กคือ ไม่รู้เรื่องเรื่องไวน์หรือการนับสต็อกเลย วันๆ คือเดินส่งเครื่องดื่มให้ลูกค้าที่โต๊ะ เลยให้เราที่เป็นบาร์รู้เรื่องไวน์ไปช่วยเช็คให้หน่อย แต่ผจก.สั่งห้าม ให้เด็กนับเอง. หลังจากนั้นเด็กเลยไม่นับเพราะไม่รู้จักไวน์และการเช็คใดๆทั้งสิ้น (ผจก.ก็ไม่ยอมสอน) พอตกตอนกลางคืนมา ไวน์หาย 1 ขวด (ที่รู้ว่าไวน์หาย 1 ขวดเพราะเพื่อนเราที่เป็นบาร์เท็นเดอร์ต้องเช็คว่าไวน์ขายไปกี่ขวดแล้วเหลือในสโตร์เท่าไหร่)
3. วันที่ไวน์น้องหายเราได้เป็นแคชเชียร์แทนพี่ที่ทำประจำเพราะวันนั้นพี่เขาหยุด ปิดยอดเช็คยอดเงินแคชเชียร์หาย 1000฿
หลังจากนั้นพวกเราเริ่มสงสัย จึงตกลงกันว่า พรุ่งนี้มาเช็คดูกล้องกัน
ปรากฏภาพในกล้องว่า ...!
1. ผจก.เป็นคนไปเช็คไวน์เองและหยิบออกไป1ขวดแล้วเดินออกจากร้านไป
2. ผจก.คนนั้นไขตู้เก็บเงินที่แยกออกจากแคชเชียร์ไป 1000฿. (เงินยกยอดมาอีกวันของแคชเชียร์จะเก็บแยกใส่ตู้นั้น แล้วพอสรุปยอดของอีกวันจะเอาออกมารวมด้วย
น้องที่ร่วมงานที่เป็นคนเช็คสโตร์จึงถ่ายคลิปจากภาพกล้องวงจรปิด ไปปรึกษากับเจ้าของร้าน ทั้งพี้แคชเชียร์กับเราจึงแจ้งทางเจ้าของร้านพร้อมกับคลิปวีดีโอที่อัดไว้ ทางเจ้าของร้านจึงถามทางผจก.ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทางผจก.รู้เข้า จึงบอกไปว่าเรื่องไวน์ จงใจจะแกล้งเด็กเดินบาร์น้ำ ให้รู้ว่าถ้าของหายจะรับผิดชอบยังไง และเรื่องเงินในแคชเชียร์ แกปฏิเสธว่าไม่รู้
เราเลยให้พี่แคชเชียร์มาเช็คว่าเราคิดหรือทำตรงไหนพลาดเรื่องบิล เรายอมรับว่าเราคีย์ซ้ำของโต๊ะลูกค้าเลยทำให้ยอดมันเกิน แต่เรื่องไวน์ล่ะ ถ้าเรื่องไม่แดงเขาจะคืนไวน์ให้เด็กไหม
หลังจากเรื่องนี้แดงขึ้น
ทางผจก.บอกว่าจ้างทนายประจำบ้านแล้ว 10000฿ (อวดด้วยว่าจ่ายทนายของบ้านปีละ 800,000) ยื่นฟ้องพ.ร.บ คอมพิวเตอร์และข้อหาหมิ่นประมาท ถ้าพวกเรายอมมัน มันจะให้จ่ายค่าเสียเวลาทนายและค่าพาทนายไปกินข้าว ให้เรากับผู้ร่วมมือเรื่องนี้ (รวมไปถึงคนที่อยู่ตอนอัดคลิปในห้อง) ร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่าย. แต่พวกเราทำเพื่อประโยชน์ร้าน กับหาความจริงว่าหายไปได้ยังไง แบบนี้มันฟ้องได้จริงๆหรอคะ หรือขู่เอาตังเด็กๆ เราก็ไม่รู้เรื่องกฏหมายเท่าไหร่
ใครรู้เรื่องกฏหมายเชิญทางนี้หน่อยค่ะ
คือเราทำงานร้านอาหารอยู่ที่หนึ่ง ตำแหน่งบาร์เท็นเดอร์
เราจะเบรคแล้วเล่าพฤติกรรม ของผู้จัดการคนใหม่ให้ฟังก่อนนะคะ
1.เคยสอนให้เราคิดหัวคิวทางร้านจากราคาเนื้อวัวจากเจ้าที่เพื่อนเราขายให้ลดราคา เพระเราทำงานที่ร้านนี้
2.เคยจะจิ๊กไวน์ที่หลุดออกมาจากการสั่งซื้อ และไม่มีในรายชื่อไวน์ในสโตร์ แตาเรากับเพื่อนร่วมงาน(ที่เป็นบาร์เท็นเดอร์ด้วยกัน)พลิกเกมส์บอกว่า เพื่อนของเราซื้อไว้แล้วในราคาที่สั่งซื้อมา
พฤติกรรมแย่ๆอีกเยอะแยะค่ะนี่ยกตัวอย่างมาแค่ให้พอเข้ากับเนื้อหาของเรื่องนี้
หลังจากนั้นมีเหตุการเกิดขึ้นในระยะประชิดกัน
1. วันที่ 1 ของเรื่องราวคือกระเป๋าตังพี่แคชเชียร์หาย วางไว้ที่แคชเชียร์แต่มันหายไป ดูกล้องไม่ได้ เพราะตู้เก็บเอกสารสูงสามชั้น+ เครื่องปริ้นที่วางไว้บนสุดบังบริเวณโต๊ะแคชเชียร์มิด นอกนั้นเห็นแค่บริเวณรอบๆ ห้อง
2. หลังจากวันที่กระเป๋าตังหาย เย็นวันนั้น บริษัทไวน์มาส่ง แต่คนเช็คสต็อกหลักหยุด เหลือแต่เด็กเดินบาร์น้ำทำงานอยู่ที่บาร์น้ำ ผจก.เลยสั่งให้เด็กบาร์น้ำนับสต็อก ฟิลลิ่งเด็กคือ ไม่รู้เรื่องเรื่องไวน์หรือการนับสต็อกเลย วันๆ คือเดินส่งเครื่องดื่มให้ลูกค้าที่โต๊ะ เลยให้เราที่เป็นบาร์รู้เรื่องไวน์ไปช่วยเช็คให้หน่อย แต่ผจก.สั่งห้าม ให้เด็กนับเอง. หลังจากนั้นเด็กเลยไม่นับเพราะไม่รู้จักไวน์และการเช็คใดๆทั้งสิ้น (ผจก.ก็ไม่ยอมสอน) พอตกตอนกลางคืนมา ไวน์หาย 1 ขวด (ที่รู้ว่าไวน์หาย 1 ขวดเพราะเพื่อนเราที่เป็นบาร์เท็นเดอร์ต้องเช็คว่าไวน์ขายไปกี่ขวดแล้วเหลือในสโตร์เท่าไหร่)
3. วันที่ไวน์น้องหายเราได้เป็นแคชเชียร์แทนพี่ที่ทำประจำเพราะวันนั้นพี่เขาหยุด ปิดยอดเช็คยอดเงินแคชเชียร์หาย 1000฿
หลังจากนั้นพวกเราเริ่มสงสัย จึงตกลงกันว่า พรุ่งนี้มาเช็คดูกล้องกัน
ปรากฏภาพในกล้องว่า ...!
1. ผจก.เป็นคนไปเช็คไวน์เองและหยิบออกไป1ขวดแล้วเดินออกจากร้านไป
2. ผจก.คนนั้นไขตู้เก็บเงินที่แยกออกจากแคชเชียร์ไป 1000฿. (เงินยกยอดมาอีกวันของแคชเชียร์จะเก็บแยกใส่ตู้นั้น แล้วพอสรุปยอดของอีกวันจะเอาออกมารวมด้วย
น้องที่ร่วมงานที่เป็นคนเช็คสโตร์จึงถ่ายคลิปจากภาพกล้องวงจรปิด ไปปรึกษากับเจ้าของร้าน ทั้งพี้แคชเชียร์กับเราจึงแจ้งทางเจ้าของร้านพร้อมกับคลิปวีดีโอที่อัดไว้ ทางเจ้าของร้านจึงถามทางผจก.ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทางผจก.รู้เข้า จึงบอกไปว่าเรื่องไวน์ จงใจจะแกล้งเด็กเดินบาร์น้ำ ให้รู้ว่าถ้าของหายจะรับผิดชอบยังไง และเรื่องเงินในแคชเชียร์ แกปฏิเสธว่าไม่รู้
เราเลยให้พี่แคชเชียร์มาเช็คว่าเราคิดหรือทำตรงไหนพลาดเรื่องบิล เรายอมรับว่าเราคีย์ซ้ำของโต๊ะลูกค้าเลยทำให้ยอดมันเกิน แต่เรื่องไวน์ล่ะ ถ้าเรื่องไม่แดงเขาจะคืนไวน์ให้เด็กไหม
หลังจากเรื่องนี้แดงขึ้น
ทางผจก.บอกว่าจ้างทนายประจำบ้านแล้ว 10000฿ (อวดด้วยว่าจ่ายทนายของบ้านปีละ 800,000) ยื่นฟ้องพ.ร.บ คอมพิวเตอร์และข้อหาหมิ่นประมาท ถ้าพวกเรายอมมัน มันจะให้จ่ายค่าเสียเวลาทนายและค่าพาทนายไปกินข้าว ให้เรากับผู้ร่วมมือเรื่องนี้ (รวมไปถึงคนที่อยู่ตอนอัดคลิปในห้อง) ร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่าย. แต่พวกเราทำเพื่อประโยชน์ร้าน กับหาความจริงว่าหายไปได้ยังไง แบบนี้มันฟ้องได้จริงๆหรอคะ หรือขู่เอาตังเด็กๆ เราก็ไม่รู้เรื่องกฏหมายเท่าไหร่