เวลา (Original 19-01-2008)
เวลา...สิ่งที่มนุษย์เฝ้าหาเหตุผลและทฤษฎีอันยุ่งยากซับซ้อนต่างๆ เพื่อที่จะมาพิสูจน์ถึงการมีอยู่และความเป็นไปของมัน
อันที่จริงแล้ว การที่มนุษย์เฝ้าแสวงหาคำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าเวลานี้ อาจจะเพียงเพราะมันเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงการดำรงอยู่ของเราก็เป็นได้
...เวลา...เป็นสิ่งที่มีเฉพาะสิ่งที่มีชีวิตเท่านั้นที่จะรู้สึกและรับรู้มันได้...
...ในบ้านไม้ยกใต้ถุนสูงเก่าแก่หลังหนึ่ง...หญิงชรานั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกไม้...สายตาฝ้าฟางจับจ้องนาฬิกาปลุกโบราณสภาพคร่ำคร่าที่เพิ่งหาพบจากการจัดข้าวของเมื่อวานที่ผ่านมา...
สนิมสีน้ำตาลแดงเกาะกินตัวเรือนเหล็กที่สีกระเทาะออกจนเกือบหมดแล้ว...กระจกหน้าปัทม์ขุ่นมัวและมีรอยร้าวเป็นทางยาว
หญิงชราลองหมุนลานที่อยู่ด้านหลังตัวเรือน...แต่...ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากเข็มทั้งสาม...มันยังคงหยุดนิ่งอยู่อย่างเช่นที่เคยเป็นมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ถูกทิ้งไว้
นางยังคงจำนาฬิกาเรือนนี้ได้ดี...นาฬิกาที่ช่วยปลุกนางทุกเช้ามาตั้งแต่เด็ก...สายตาจับจ้องเข็มนาฬิกาทั้งสาม...ความทรงจำในวันเวลาที่ผ่านมาพรั่งพรูออกมาจากสมองของนาง
...หากเปรียบเข็มทั้งสามชนิดนั้นกับชีวิตของนางแล้ว...
เข็มวินาที...
พื้นฐานเข็มอื่นๆ ทั้งหมด เข็มแรกที่ต้องเดินนำหน้าเข็มอื่นๆ เสมอ เข็มที่ชักนำให้เข็มอื่นๆ เดินตามเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน ในหนึ่งวันเข็มวินาทีต้องเดินด้วยระยะทางที่มากกว่าเข็มอื่นๆ หลายเท่าตัว
ชีวิตในวัยเด็กของหญิงชราก็เช่นกัน วัยที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทุกย่างก้าวรวดเร็วและเต็มไปด้วยความกระหายใคร่รู้ในสิ่งต่างๆ รอบตัว
ในหนึ่งวัน...หน่วยวินาทีมีจำนวนมากที่สุด ซึ่งนั่นหมายถึงชีวิตในวัยเด็กเป็นช่วงเวลาที่ประกอบด้วยรายละเอียดจำนวนมาก การสั่งสมประสบการณ์ในทุกอิริยาบถ การเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสักเพียงใดก็ตาม
หากปราศจากการเรียนรู้และการสั่งสมประสบการณ์ในวัยเด็กแล้วย่อมไม่อาจเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและดำรงอยู่ในโลกนี้ได้
...เช่นเดียวกับหากปราศจากวินาทีแล้ว ย่อมไม่อาจเกิดเป็นนาทีและชั่วโมงได้...
และแน่นอน...สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวัยเด็กย่อมส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกันไปในวัยอื่นๆ
...หากเข็มวินาทีเดินไม่ตรงแล้ว ย่อมส่งผลไปถึงเข็มนาทีและชั่วโมงเช่นกัน...
ในวัยเด็กนางยังคงจดจำความอบอุ่นและความรักของผู้เป็นบิดามารดาของนางได้เป็นอย่างดี บิดามารดาผู้เป็นเหมือนคนคอยไขลานและปรับตั้งเวลาของนางให้ตรงอยู่เสมอ
เข็มนาที...
เข็มที่มีหน่วยใหญ่ขึ้นมาจากเข็มวินาที...หนึ่งนาทีประกอบด้วยเลขฐานหกสิบจากหน่วยวินาที มันเป็นเข็มที่เดินตามหลังเข็มวินาทีด้วยจังหวะการเดินที่ไม่เร็วแต่ก็ไม่ช้าจนเนิบนาบเกินไป
...และชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของนางก็คงจะเป็นเช่นเดียวกับเข็มนาที...
ช่วงเวลาที่ความรวดเร็ว ว่องไว กระฉับกระเฉง และความอยากรู้อยากเห็น ลดลงจากช่วงเวลาในวัยเด็กเล็กน้อย หากแต่พลังแห่งการดำเนินชีวิตและความมุ่งมั่นกลับเต็มเปี่ยมขึ้นมาแทน
ช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต
...จากหน่วยย่อยมาสู่หน่วยที่ใหญ่ขึ้น...
...จากสังคมบ้านมาสู่สังคมเมือง...
...แต่ที่สำคัญ...
ในช่วงเวลานี้...เป็นเวลาที่จะได้นำประสบการณ์ที่ได้จากการสั่งสมในช่วงเวลาเด็กมาปฏิบัติใช้จริง ซึ่งนั่นทำให้สามารถคิดและตรึกตรองสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น
...รากฐานที่มั่นคงจากแต่ละย่างก้าวที่วางลงเต็มเท้า ทำให้เกิดความมั่นใจ...
ถึงแม้จะไม่รวดเร็วเท่าการวิ่งเหมือนในสมัยเด็ก แต่ก็ยากที่ล้ม
หญิงชรานึกถึงวันเวลาที่พบรักกับชายหนุ่มซึ่งก็คือสามีของนางในเวลาต่อมา...วันเวลาที่นางและสามีเริ่มก่อร่างสร้างตัวและครอบครัวที่อบอุ่น เวลาที่นางสร้างรากฐานให้กับชีวิตและครอบครัว...ชีวิตที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและมองเห็นแต่อนาคต
เข็มชั่วโมง...
เข็มสุดท้ายบนหน้าปัทม์นาฬิกา ซึ่งประกอบด้วยเลขฐานหกสิบจากหน่วยนาที และเป็นหน่วยที่ใหญ่ที่สุดบนหน้าปัทม์นาฬิกาเช่นกัน
ในหนึ่งวัน...เข็มชั่วโมงเดินอย่างเชื่องช้าเป็นวงกลมเพียงแค่สองรอบเท่านั้น
และ...แน่นอนว่า...หากจะเปรียบเข็มชั่วโมงกับชีวิตแล้ว...
...ย่อมหมายถึง วัยที่หญิงชรากำลังเป็นอยู่ในขณะนี้...
...ช่วงเวลาที่จะได้รับผลพวงจากการกระทำในช่วงวัยผู้ใหญ่...ช่วงเวลาที่จะหยุดพักและใช้ชีวิตชดเชยช่วงเวลาที่ต้องตรากตรำจากช่วงชีวิตที่ผ่านมา...
ช่วงเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า...ช่วงเวลาที่สามารถมองย้อนกลับไปถึงช่วงชีวิตในวัยต่างๆ ได้อย่างสงบและไม่เร่งรีบอะไรอีกต่อไป
...และ...
เป็นเวลาที่หญิงชราจะได้เฝ้ามองเข็มวินาทีและเข็มนาทีรุ่นต่อๆ ไปเดินไปตามวัฎจักรเช่นเดียวกับที่นางเคยเดินมา
...หากนาฬิกาเริ่มอ่อนแรงหรือเวลาเริ่มเดินไม่ตรง...จะเป็นคราวของนางบ้างที่ต้องทำหน้าที่ยื่นมือเข้าไปช่วยปรับแต่งให้กลับเข้าสู่ช่วงเวลาปกติที่ควรจะเป็นและเดินไปได้พร้อมกับนาฬิกาเรือนอื่นๆ...
...เมื่อระยะเวลาอันสมควรมาถึง...
เมื่อเข็มทั้งสามเคลื่อนไปสู่ปลายทางพร้อมๆ กันที่หมายเลขสิบสองในช่วงเวลาค่ำคืน
...มันคือสิ่งที่บ่งบอกว่าเวลาได้ดำเนินมาจนครบรอบของวันหนึ่งวันแล้ว...
ถัดจากนี้ไป...มันคือช่วงเวลาของวันใหม่
...และ...เวลาแห่งความพลัดพราก...ได้มาถึงแล้ว...
...ในบ้านไม้ยกใต้ถุนสูงเก่าแก่หลังหนึ่ง...
รอยยิ้มสงบอย่างคนเข้าใจโลกปรากฏจางๆ ที่มุมปากอันเหี่ยวย่น...คนทุกคนย่อมหนีไม่พ้นวัฏจักรนี้...ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...และนางเองก็เช่นกัน...
...หากแต่ในยามที่เรายังอยู่...เราใช้เวลาที่มีอย่างคุ้มค่าและมีคุณค่าเพียงใด...
สำหรับหญิงชราแล้ว...ไม่มีวันใดที่นางรู้สึกเสียใจในสิ่งต่างๆ ที่ได้ดำเนินไป...ไม่มีคำว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ นางจะกลับไปแก้ไขสิ่งนั้นสิ่งนี้...ไม่มีคำว่ากังวลกับเรื่องราวในอนาคต...เพราะนางได้ทำวันทุกวันอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว...
...เสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงครางหึ่งๆ ของเครื่องจากรถยนต์...
หญิงชราชะโงกหน้ามองผ่านช่องหน้าต่างด้วยแววตาและรอยยิ้มแห่งความอารี ก่อนที่จะวางนาฬิกาลงบนชั้นและลุกขึ้นจากเก้าอี้โยกไม้
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้วครับ”
“แม่ขา หนูกลับมาแล้วค่ะ”
“ยายจ๋า หิวจังเลยมีอะไรกินบ้างจ๊ะ”
หญิงชราเดินเข้าไปโอบกอดและลูบหัวเจ้าของเสียงอย่างรักใคร่เอ็นดู บรรยากาศแห่งความสุขที่เกิดขึ้นทุกๆ เย็น ในบ้านไม้เก่าแก่ซึ่งความอบอุ่นไม่เคยจางหายหรือลดลงเลยแม้เพียงวันเดียว
...เพียงวันนี้ยังสุขใจ...แล้วยังต้องกังวลเรื่องอื่นใดอีก...
เวลา (Original 19-01-2008)
เวลา...สิ่งที่มนุษย์เฝ้าหาเหตุผลและทฤษฎีอันยุ่งยากซับซ้อนต่างๆ เพื่อที่จะมาพิสูจน์ถึงการมีอยู่และความเป็นไปของมัน
อันที่จริงแล้ว การที่มนุษย์เฝ้าแสวงหาคำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าเวลานี้ อาจจะเพียงเพราะมันเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงการดำรงอยู่ของเราก็เป็นได้
...เวลา...เป็นสิ่งที่มีเฉพาะสิ่งที่มีชีวิตเท่านั้นที่จะรู้สึกและรับรู้มันได้...
...ในบ้านไม้ยกใต้ถุนสูงเก่าแก่หลังหนึ่ง...หญิงชรานั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกไม้...สายตาฝ้าฟางจับจ้องนาฬิกาปลุกโบราณสภาพคร่ำคร่าที่เพิ่งหาพบจากการจัดข้าวของเมื่อวานที่ผ่านมา...
สนิมสีน้ำตาลแดงเกาะกินตัวเรือนเหล็กที่สีกระเทาะออกจนเกือบหมดแล้ว...กระจกหน้าปัทม์ขุ่นมัวและมีรอยร้าวเป็นทางยาว
หญิงชราลองหมุนลานที่อยู่ด้านหลังตัวเรือน...แต่...ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากเข็มทั้งสาม...มันยังคงหยุดนิ่งอยู่อย่างเช่นที่เคยเป็นมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ถูกทิ้งไว้
นางยังคงจำนาฬิกาเรือนนี้ได้ดี...นาฬิกาที่ช่วยปลุกนางทุกเช้ามาตั้งแต่เด็ก...สายตาจับจ้องเข็มนาฬิกาทั้งสาม...ความทรงจำในวันเวลาที่ผ่านมาพรั่งพรูออกมาจากสมองของนาง
...หากเปรียบเข็มทั้งสามชนิดนั้นกับชีวิตของนางแล้ว...
เข็มวินาที...
พื้นฐานเข็มอื่นๆ ทั้งหมด เข็มแรกที่ต้องเดินนำหน้าเข็มอื่นๆ เสมอ เข็มที่ชักนำให้เข็มอื่นๆ เดินตามเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน ในหนึ่งวันเข็มวินาทีต้องเดินด้วยระยะทางที่มากกว่าเข็มอื่นๆ หลายเท่าตัว
ชีวิตในวัยเด็กของหญิงชราก็เช่นกัน วัยที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทุกย่างก้าวรวดเร็วและเต็มไปด้วยความกระหายใคร่รู้ในสิ่งต่างๆ รอบตัว
ในหนึ่งวัน...หน่วยวินาทีมีจำนวนมากที่สุด ซึ่งนั่นหมายถึงชีวิตในวัยเด็กเป็นช่วงเวลาที่ประกอบด้วยรายละเอียดจำนวนมาก การสั่งสมประสบการณ์ในทุกอิริยาบถ การเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสักเพียงใดก็ตาม
หากปราศจากการเรียนรู้และการสั่งสมประสบการณ์ในวัยเด็กแล้วย่อมไม่อาจเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและดำรงอยู่ในโลกนี้ได้
...เช่นเดียวกับหากปราศจากวินาทีแล้ว ย่อมไม่อาจเกิดเป็นนาทีและชั่วโมงได้...
และแน่นอน...สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวัยเด็กย่อมส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกันไปในวัยอื่นๆ
...หากเข็มวินาทีเดินไม่ตรงแล้ว ย่อมส่งผลไปถึงเข็มนาทีและชั่วโมงเช่นกัน...
ในวัยเด็กนางยังคงจดจำความอบอุ่นและความรักของผู้เป็นบิดามารดาของนางได้เป็นอย่างดี บิดามารดาผู้เป็นเหมือนคนคอยไขลานและปรับตั้งเวลาของนางให้ตรงอยู่เสมอ
เข็มนาที...
เข็มที่มีหน่วยใหญ่ขึ้นมาจากเข็มวินาที...หนึ่งนาทีประกอบด้วยเลขฐานหกสิบจากหน่วยวินาที มันเป็นเข็มที่เดินตามหลังเข็มวินาทีด้วยจังหวะการเดินที่ไม่เร็วแต่ก็ไม่ช้าจนเนิบนาบเกินไป
...และชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของนางก็คงจะเป็นเช่นเดียวกับเข็มนาที...
ช่วงเวลาที่ความรวดเร็ว ว่องไว กระฉับกระเฉง และความอยากรู้อยากเห็น ลดลงจากช่วงเวลาในวัยเด็กเล็กน้อย หากแต่พลังแห่งการดำเนินชีวิตและความมุ่งมั่นกลับเต็มเปี่ยมขึ้นมาแทน
ช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต
...จากหน่วยย่อยมาสู่หน่วยที่ใหญ่ขึ้น...
...จากสังคมบ้านมาสู่สังคมเมือง...
...แต่ที่สำคัญ...
ในช่วงเวลานี้...เป็นเวลาที่จะได้นำประสบการณ์ที่ได้จากการสั่งสมในช่วงเวลาเด็กมาปฏิบัติใช้จริง ซึ่งนั่นทำให้สามารถคิดและตรึกตรองสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น
...รากฐานที่มั่นคงจากแต่ละย่างก้าวที่วางลงเต็มเท้า ทำให้เกิดความมั่นใจ...
ถึงแม้จะไม่รวดเร็วเท่าการวิ่งเหมือนในสมัยเด็ก แต่ก็ยากที่ล้ม
หญิงชรานึกถึงวันเวลาที่พบรักกับชายหนุ่มซึ่งก็คือสามีของนางในเวลาต่อมา...วันเวลาที่นางและสามีเริ่มก่อร่างสร้างตัวและครอบครัวที่อบอุ่น เวลาที่นางสร้างรากฐานให้กับชีวิตและครอบครัว...ชีวิตที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและมองเห็นแต่อนาคต
เข็มชั่วโมง...
เข็มสุดท้ายบนหน้าปัทม์นาฬิกา ซึ่งประกอบด้วยเลขฐานหกสิบจากหน่วยนาที และเป็นหน่วยที่ใหญ่ที่สุดบนหน้าปัทม์นาฬิกาเช่นกัน
ในหนึ่งวัน...เข็มชั่วโมงเดินอย่างเชื่องช้าเป็นวงกลมเพียงแค่สองรอบเท่านั้น
และ...แน่นอนว่า...หากจะเปรียบเข็มชั่วโมงกับชีวิตแล้ว...
...ย่อมหมายถึง วัยที่หญิงชรากำลังเป็นอยู่ในขณะนี้...
...ช่วงเวลาที่จะได้รับผลพวงจากการกระทำในช่วงวัยผู้ใหญ่...ช่วงเวลาที่จะหยุดพักและใช้ชีวิตชดเชยช่วงเวลาที่ต้องตรากตรำจากช่วงชีวิตที่ผ่านมา...
ช่วงเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า...ช่วงเวลาที่สามารถมองย้อนกลับไปถึงช่วงชีวิตในวัยต่างๆ ได้อย่างสงบและไม่เร่งรีบอะไรอีกต่อไป
...และ...
เป็นเวลาที่หญิงชราจะได้เฝ้ามองเข็มวินาทีและเข็มนาทีรุ่นต่อๆ ไปเดินไปตามวัฎจักรเช่นเดียวกับที่นางเคยเดินมา
...หากนาฬิกาเริ่มอ่อนแรงหรือเวลาเริ่มเดินไม่ตรง...จะเป็นคราวของนางบ้างที่ต้องทำหน้าที่ยื่นมือเข้าไปช่วยปรับแต่งให้กลับเข้าสู่ช่วงเวลาปกติที่ควรจะเป็นและเดินไปได้พร้อมกับนาฬิกาเรือนอื่นๆ...
...เมื่อระยะเวลาอันสมควรมาถึง...
เมื่อเข็มทั้งสามเคลื่อนไปสู่ปลายทางพร้อมๆ กันที่หมายเลขสิบสองในช่วงเวลาค่ำคืน
...มันคือสิ่งที่บ่งบอกว่าเวลาได้ดำเนินมาจนครบรอบของวันหนึ่งวันแล้ว...
ถัดจากนี้ไป...มันคือช่วงเวลาของวันใหม่
...และ...เวลาแห่งความพลัดพราก...ได้มาถึงแล้ว...
...ในบ้านไม้ยกใต้ถุนสูงเก่าแก่หลังหนึ่ง...
รอยยิ้มสงบอย่างคนเข้าใจโลกปรากฏจางๆ ที่มุมปากอันเหี่ยวย่น...คนทุกคนย่อมหนีไม่พ้นวัฏจักรนี้...ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...และนางเองก็เช่นกัน...
...หากแต่ในยามที่เรายังอยู่...เราใช้เวลาที่มีอย่างคุ้มค่าและมีคุณค่าเพียงใด...
สำหรับหญิงชราแล้ว...ไม่มีวันใดที่นางรู้สึกเสียใจในสิ่งต่างๆ ที่ได้ดำเนินไป...ไม่มีคำว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ นางจะกลับไปแก้ไขสิ่งนั้นสิ่งนี้...ไม่มีคำว่ากังวลกับเรื่องราวในอนาคต...เพราะนางได้ทำวันทุกวันอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว...
...เสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงครางหึ่งๆ ของเครื่องจากรถยนต์...
หญิงชราชะโงกหน้ามองผ่านช่องหน้าต่างด้วยแววตาและรอยยิ้มแห่งความอารี ก่อนที่จะวางนาฬิกาลงบนชั้นและลุกขึ้นจากเก้าอี้โยกไม้
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้วครับ”
“แม่ขา หนูกลับมาแล้วค่ะ”
“ยายจ๋า หิวจังเลยมีอะไรกินบ้างจ๊ะ”
หญิงชราเดินเข้าไปโอบกอดและลูบหัวเจ้าของเสียงอย่างรักใคร่เอ็นดู บรรยากาศแห่งความสุขที่เกิดขึ้นทุกๆ เย็น ในบ้านไม้เก่าแก่ซึ่งความอบอุ่นไม่เคยจางหายหรือลดลงเลยแม้เพียงวันเดียว
...เพียงวันนี้ยังสุขใจ...แล้วยังต้องกังวลเรื่องอื่นใดอีก...