ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรค เนื่องจากการรเสนอพระนามพระราชวงศ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ถือการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตัดสิทธิลงสมัครเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค 10 ปี และห้ามมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตั้งพรรคใหม่ภายในระยะเวลา 10 ปี
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 15.00 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ จากกรณีเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเข้าข่ายการกระทำผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
สำหรับคดีดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา และเปิดโอกาสให้พรรคไทยรักษาชาติ ทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษร โดยมีการแก้ข้อกล่าวหาว่า การเสนอบัญชีนายกฯของพรรคเป็นไปโดยสุจริตตามข้อกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และได้รับคำยินยอมจากบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ ไม่ได้มีการแอบอ้าง เมื่อมีพระราชโองการพรรคก็น้อมรับ อีกทั้งเห็นว่ามติ กกต.เป็นไปไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่มีการตั้งกรรมการไต่สวน และไม่เปิดโอกาสให้พรรคไทยรักษาชาติได้ชี้แจง โดยศาลรัฐธรรมนูญยังได้นำหลักฐานของนายรุ่งเรือง พิทยศิริ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ ที่ยืนยันว่า ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการเสนอบัญชีนายกฯ ดังกล่าวไว้รวมในสำนวนด้วย และในวันนี้ก็แจ้งให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาฟังคำวินิจฉัย
ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคไทยรักษาชาติ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมแกนนำพรรคได้เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเอง โดยได้ขอร้องมวลชนให้รอฟังผลอยู่ที่บ้าน แทนที่จะเดินทางมาศาลรัฐธรรมนูญ
สำหรับกรอบการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญประเด็นแรก ได้แก่ มีเหตุอันควรที่จะยุบพรรคไทยรักษาชาติ หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า หลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญทุกฉบับบัญญัติให้พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปอยู่นอกเหนือจากวงการเมือง เป็นเจตนารมณ์ของการสถาปนาระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมาแต่แรก การกระทำของพรรคไทยรักษาชาติที่เสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดีเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เป็นการนำพระราชวงศ์ชั้นสูงมาเป็นฝักฝ่ายทางการเมือง มุ่งหวังถึงผลประโยชน์ทางการเมืองโดยไม่มองถึงผลกระทบ เข้าลักษณะเป็นการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผิดมาตรา 92 วรรคหนึ่ง วงเล็บ 2 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง
โดยให้เพิกถอนสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 8 ก.พ.62 เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนุญมีคำสั่งยุบพรรค และห้ามมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ในระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนุญมีคำสั่งยุบพรรค
Live! ยุบ ทษช.! ชี้เสนอพระนามนำสถาบันโยงการเมือง เป็นปฏิปักษ์ระบอบปกครอง ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี
สำหรับคดีดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา และเปิดโอกาสให้พรรคไทยรักษาชาติ ทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษร โดยมีการแก้ข้อกล่าวหาว่า การเสนอบัญชีนายกฯของพรรคเป็นไปโดยสุจริตตามข้อกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และได้รับคำยินยอมจากบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ ไม่ได้มีการแอบอ้าง เมื่อมีพระราชโองการพรรคก็น้อมรับ อีกทั้งเห็นว่ามติ กกต.เป็นไปไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่มีการตั้งกรรมการไต่สวน และไม่เปิดโอกาสให้พรรคไทยรักษาชาติได้ชี้แจง โดยศาลรัฐธรรมนูญยังได้นำหลักฐานของนายรุ่งเรือง พิทยศิริ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ ที่ยืนยันว่า ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการเสนอบัญชีนายกฯ ดังกล่าวไว้รวมในสำนวนด้วย และในวันนี้ก็แจ้งให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาฟังคำวินิจฉัย
ทั้งนี้ ในส่วนของพรรคไทยรักษาชาติ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมแกนนำพรรคได้เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเอง โดยได้ขอร้องมวลชนให้รอฟังผลอยู่ที่บ้าน แทนที่จะเดินทางมาศาลรัฐธรรมนูญ
สำหรับกรอบการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญประเด็นแรก ได้แก่ มีเหตุอันควรที่จะยุบพรรคไทยรักษาชาติ หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า หลักการสำคัญของรัฐธรรมนูญทุกฉบับบัญญัติให้พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปอยู่นอกเหนือจากวงการเมือง เป็นเจตนารมณ์ของการสถาปนาระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมาแต่แรก การกระทำของพรรคไทยรักษาชาติที่เสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดีเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เป็นการนำพระราชวงศ์ชั้นสูงมาเป็นฝักฝ่ายทางการเมือง มุ่งหวังถึงผลประโยชน์ทางการเมืองโดยไม่มองถึงผลกระทบ เข้าลักษณะเป็นการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผิดมาตรา 92 วรรคหนึ่ง วงเล็บ 2 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง
โดยให้เพิกถอนสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 8 ก.พ.62 เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนุญมีคำสั่งยุบพรรค และห้ามมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ในระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนุญมีคำสั่งยุบพรรค