กราบสวัสดีทุกกคนที่ผ่านเข้ามาอ่านค่า นี้เป็นกระทู้แรกในเว็บของเราเลย เราอยากจะมารีวิวชีวิตในรั้วมหาลัยภาคอินเตอร์ในประเทศญี่ปุ่นค่ะ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆคนที่สนใจและกำลังคิดตัดสินใจจะเดินทางมาเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ
มาเริ่มกันเลยค่ะ!
เรื่องทั้งหมดเริ่มจากที่เราบังเอิญได้ทุนจากโรงเรียนที่ไทย เพื่อมาศึกษาต่อปริญญาตรีในประเทศญี่ปุ่น โดยมหาลัยที่ให้ทุน มีชื่อว่า Tokyo International University (หรือ TIU) ตั้งอยู่บริเวณจังหวัดไซตามะ ตอนแรกเราก็รู้สึกว่าแบบมหาลัยอะไรเนี่ยย ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย รู้จักแต่ APU ที่มีพี่พิมฐาที่สวยๆอยู่อะ 5555 เราก็เลยทำการค้นหาข้อมูลโดยการถามพี่ที่ดูแลออฟฟิศที่ไทยว่าเป็นมหาลัยแบบไหน คนไทยเยอะมั้ย ก็ได้คำตอบมาว่าคนไทยยังไม่เยอะมาก เพราะเป็นมหาลัยที่เพิ่งเปิดภาคอินเตอร์ใหม่แรงค์ติดอันดับต้นๆของมหาลัยภาคอินเตอร์ที่ญี่ปุ่นเลย มันก็เป็นแรงจูงใจทำให้เราตัดสินเลือกที่นี่เพื่อศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยค่ะ และเราต้องขอออกตัวก่อนว่าเราไปโดยที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย ไม่สักกะนิด ตอนแรกก็กังวลว่าจะอยู่ในสังคมรอดมั้ย เพราะคนญี่ปุ่นก็ขึ้นชื่อว่าพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้กัน เราก็กังวล ที่บ้านก็กังวล แต่ก็ฮึบ แล้วได้แต่สวดมนต์วอนขอให้เจอเพื่อนคนไทยพูดญี่ปุ่นได้เถิด จะเกาะมันตลอดสี่ปีเลยยยย 55555 เราก็ได้แต่ภาวนาอยู่ประมาณสองอาทิตย์จนถึงวันออกเดินทาง..
จำได้เลยว่าเราออกเดินทางด้วยความตื่นเต้น ตื่นเต้นมากแม้จะบินไปญี่ปุ่นมาหลายครั้งแล้วก็ตาม มันเหมือนเป็นความท้าทายแบบใหม่ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน การจะต้องไปใช้ชีวิตที่คล้ายจะเรียกว่าชีวิตจริงๆเลยก็ได้ เป็นช่วงเวลาที่เราจะโตขึ้นและเรียนรู้ความหมายของคำว่าเป็นผู้ใหญ่ การมีความรับผิดชอบ การดูแลตัวเองไม่ให้เสียคน เรารู้สึกว่าการตัดสินใจมาเรียนต่อครั้งนี้เป็นอะไรที่จะทำให้เราโตขึ้นมากๆแน่ๆ
วันแรกที่ไปถึงเราได้เจอกับเพื่อนอีกสี่คนที่มาเรียนเหมือนกับเรา ได้พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนออกเดินทางไปยังเมืองคาวาโกเอะ จังหวัดไซตามะ เพื่อไปยังหอของมหาลัยค่ะ ก่อนจะไปถึงหอก็จะมีรุ่นพี่ที่เป็นคนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้ หรือ คนต่างชาติที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้มาช่วยเหลือเราในการไปหอค่ะ หอของมหาลัยนั้นจำกัดให้นักศึกษาอยู่ได้เต็มที่ 1 ปีก่อนออกไปหาหอนอกหรือ shared house เพื่ออยู่ต่ออีกสามปีค่ะ หอของมหาลัยแบ่งออกเป็น 6 แบบในสมัยรุ่นเราค่ะ โดย 6 แบบแบ่งชาย-หญิงชัดเจนค่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเลย โดยทางมหาลัยจะให้นักศึกษาเลือกว่าอยากอยู่แบบไหนค่ะ โดยจะมีทั้งห้องเดี่ยว ห้องคู่ ห้องสามคน และหอรวมเป็นแชร์ห้องน้ำและห้องครัวค่ะ โดยเรทราคาก็จะต่างกันไป ส่วนตัวเราเลือกแบบห้องเดียวค่ะ ตอนไปถึงย้ายของเข้าห้องลำบากมากค่ะ เพราะห้องเล็กมากกกกกกก ห้องขนาดแค่ 17 ตรม.เองค่ะ เล็กมากจริงๆ แต่เป็นห้องที่ครบทั้งห้องครัว ห้องน้ำนะคะ แถมๆๆๆห้องอาบน้ำมีอ่างอาบน้ำด้วยค่ะ แต่บอกเลยว่าอยู่ๆไปเรื่อยๆก็ชินค่ะ ปรับตัวเองกลายเป็นคนเก็บของเก่งมาก 55555
พอย้ายของเสร็จเราก็เข้าเมืองเพื่อไปซื้อของใช้ในหอค่ะ พวกกะทะ หม้อ จานชาม และจิปาถะอีกมากมาย วันนั้นทำให้เราได้เจอเพื่อนเพิ่มอีกเยอะแยะเลยค่ะ แต่ยังไม่ได้คุยกันแบบจริงจังนะคะ ให้ฟิลแบบเดินผ่านกันแล้วมองกันมากกว่า 5555 แต่มารู้จักกันจริงๆก็วันปฐมนิเทศค่ะ
วันปฐมนิเทศ เป็นวันสำคัญวันนึงที่เราได้พบกับแก๊งค์คนไทยรุ่นเราที่รู้สึกว่าถ้าไม่มีพวกนี้ชีวิตในรั้วมหาลัยคงไม่มีสีสันเลยค่ะ!!!
Study in JAPAN รีวิวชีวิตเด็กไทยในมหาลัยภาคอินเตอร์ที่ญี่ปุ่น
มาเริ่มกันเลยค่ะ!
เรื่องทั้งหมดเริ่มจากที่เราบังเอิญได้ทุนจากโรงเรียนที่ไทย เพื่อมาศึกษาต่อปริญญาตรีในประเทศญี่ปุ่น โดยมหาลัยที่ให้ทุน มีชื่อว่า Tokyo International University (หรือ TIU) ตั้งอยู่บริเวณจังหวัดไซตามะ ตอนแรกเราก็รู้สึกว่าแบบมหาลัยอะไรเนี่ยย ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย รู้จักแต่ APU ที่มีพี่พิมฐาที่สวยๆอยู่อะ 5555 เราก็เลยทำการค้นหาข้อมูลโดยการถามพี่ที่ดูแลออฟฟิศที่ไทยว่าเป็นมหาลัยแบบไหน คนไทยเยอะมั้ย ก็ได้คำตอบมาว่าคนไทยยังไม่เยอะมาก เพราะเป็นมหาลัยที่เพิ่งเปิดภาคอินเตอร์ใหม่แรงค์ติดอันดับต้นๆของมหาลัยภาคอินเตอร์ที่ญี่ปุ่นเลย มันก็เป็นแรงจูงใจทำให้เราตัดสินเลือกที่นี่เพื่อศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยค่ะ และเราต้องขอออกตัวก่อนว่าเราไปโดยที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย ไม่สักกะนิด ตอนแรกก็กังวลว่าจะอยู่ในสังคมรอดมั้ย เพราะคนญี่ปุ่นก็ขึ้นชื่อว่าพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้กัน เราก็กังวล ที่บ้านก็กังวล แต่ก็ฮึบ แล้วได้แต่สวดมนต์วอนขอให้เจอเพื่อนคนไทยพูดญี่ปุ่นได้เถิด จะเกาะมันตลอดสี่ปีเลยยยย 55555 เราก็ได้แต่ภาวนาอยู่ประมาณสองอาทิตย์จนถึงวันออกเดินทาง..
จำได้เลยว่าเราออกเดินทางด้วยความตื่นเต้น ตื่นเต้นมากแม้จะบินไปญี่ปุ่นมาหลายครั้งแล้วก็ตาม มันเหมือนเป็นความท้าทายแบบใหม่ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน การจะต้องไปใช้ชีวิตที่คล้ายจะเรียกว่าชีวิตจริงๆเลยก็ได้ เป็นช่วงเวลาที่เราจะโตขึ้นและเรียนรู้ความหมายของคำว่าเป็นผู้ใหญ่ การมีความรับผิดชอบ การดูแลตัวเองไม่ให้เสียคน เรารู้สึกว่าการตัดสินใจมาเรียนต่อครั้งนี้เป็นอะไรที่จะทำให้เราโตขึ้นมากๆแน่ๆ
วันแรกที่ไปถึงเราได้เจอกับเพื่อนอีกสี่คนที่มาเรียนเหมือนกับเรา ได้พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนออกเดินทางไปยังเมืองคาวาโกเอะ จังหวัดไซตามะ เพื่อไปยังหอของมหาลัยค่ะ ก่อนจะไปถึงหอก็จะมีรุ่นพี่ที่เป็นคนญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษได้ หรือ คนต่างชาติที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้มาช่วยเหลือเราในการไปหอค่ะ หอของมหาลัยนั้นจำกัดให้นักศึกษาอยู่ได้เต็มที่ 1 ปีก่อนออกไปหาหอนอกหรือ shared house เพื่ออยู่ต่ออีกสามปีค่ะ หอของมหาลัยแบ่งออกเป็น 6 แบบในสมัยรุ่นเราค่ะ โดย 6 แบบแบ่งชาย-หญิงชัดเจนค่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเลย โดยทางมหาลัยจะให้นักศึกษาเลือกว่าอยากอยู่แบบไหนค่ะ โดยจะมีทั้งห้องเดี่ยว ห้องคู่ ห้องสามคน และหอรวมเป็นแชร์ห้องน้ำและห้องครัวค่ะ โดยเรทราคาก็จะต่างกันไป ส่วนตัวเราเลือกแบบห้องเดียวค่ะ ตอนไปถึงย้ายของเข้าห้องลำบากมากค่ะ เพราะห้องเล็กมากกกกกกก ห้องขนาดแค่ 17 ตรม.เองค่ะ เล็กมากจริงๆ แต่เป็นห้องที่ครบทั้งห้องครัว ห้องน้ำนะคะ แถมๆๆๆห้องอาบน้ำมีอ่างอาบน้ำด้วยค่ะ แต่บอกเลยว่าอยู่ๆไปเรื่อยๆก็ชินค่ะ ปรับตัวเองกลายเป็นคนเก็บของเก่งมาก 55555
พอย้ายของเสร็จเราก็เข้าเมืองเพื่อไปซื้อของใช้ในหอค่ะ พวกกะทะ หม้อ จานชาม และจิปาถะอีกมากมาย วันนั้นทำให้เราได้เจอเพื่อนเพิ่มอีกเยอะแยะเลยค่ะ แต่ยังไม่ได้คุยกันแบบจริงจังนะคะ ให้ฟิลแบบเดินผ่านกันแล้วมองกันมากกว่า 5555 แต่มารู้จักกันจริงๆก็วันปฐมนิเทศค่ะ
วันปฐมนิเทศ เป็นวันสำคัญวันนึงที่เราได้พบกับแก๊งค์คนไทยรุ่นเราที่รู้สึกว่าถ้าไม่มีพวกนี้ชีวิตในรั้วมหาลัยคงไม่มีสีสันเลยค่ะ!!!