[หนังโรงเรื่องที่ 257] Happy Death Day 2U : ผกก.ใช้กาวตัวไหน แบ่งผมบ้าง
คะแนนความชอบ : A+ (จากสเกล D-A)
(Christopher Landon, 2019)
by ตั๋วหนังมันแพง
เรื่องย่อ: หลังจากที่ “ทรี” หลุดพ้นจากวังวนเช้าวันที่ 18 ได้โดยการตามหาและจัดการฆาตกรหน้ากากเบบี้สำเร็จ ทุกๆ อย่างเหมือนว่าจะดี แต่แล้วเธอก็พบว่าตัวเองกลับมาติดลูปนรกวันที่ 18 อีกครั้ง โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ ครั้งนี้ฆาตกรมันเล็งเล่นงานคนรอบตัวเธอด้วย เธอจะสามารถเอาตัวรอดวังวนนี้ไปได้อีกครั้งพร้อมปกป้องคนอื่นไปด้วยได้หรือไม่ คงต้องติดตามชมกัน
.
.
ถ้าคุณประทับใจในเสน่ห์ของหนังภาคแรก ผมก็รับประกันได้เลยว่าคุณจะหลงรัก Happy Death Day 2U อย่างแน่นอน เพราะหนังยกเอาส่วนที่ดีทั้งหมดของตัวเองมายัดใส่ภาคสองได้อย่างจุใจ แถมยังต่อยอดของเดิมๆ ให้ไปไกลและยิ่งใหญ่กว่าเดิมอีก
.
ปกติหนังทำนองนี้เนี่ยเขาจะพยายามเลี่ยงการอธิบายต้นตอของการเกิดลูปกัน เพราะมันทำให้เวิร์กยาก แถให้ตายมันก็ไม่เมกเซนส์ แต่หนังเรื่องนี้มันบ้าบิ่นพอที่จะจับหัวข้อนี้มาอธิบายให้เราฟังแบบเป็นฉากๆ ซึ่งมันทำให้เรา ‘เรารู้สึกเคลียร์’ และอินกับตัวหนังได้ดี
.
สิ่งที่ผมประทับใจมาตั้งแต่ภาคแรกก็คือ ‘เซนส์’ ในการถ่ายทอดซีนอารมณ์ของหนังที่โคตรดี ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกเพลงประกอบหรือการเล่นภาพ ทุกอย่างมันลงตัวไปหมด และมันก็สอดรับกับแก่นของเรื่องที่ยังอยู่ในประเด็น “การก้าวข้ามพ้นวัย” (coming-of-age) อยู่
โจทย์ของทรีในภาคที่แล้วคือการที่เธอเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับคนรอบข้างและ appreciate กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต--มาในภาคนี้เธอก็ได้พบกับคำถามยากๆ ที่ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องชัดเจน อันเป็นสัญลักษณ์ของ ‘วัยผู้ใหญ่’ (adulthood) ซึ่งมันก็ถ่ายทอดออกมาลึกซึ้งและน่าจดจำ
.
แน่นอนว่า Jessica Rothe ก็ยังเป็นเดอะแบกด้วยการสื่ออารมณ์ที่เฉียบขาดและลูกบ้าที่มีไม่อั้นอยู่ แต่หนังก็ใส่บทบาทให้กับอดีตตัวประกอบจากภาคที่แล้วได้เฉียบแบบงงๆ และสามารถดึงเสน่ห์ของตัวละครนั้นๆ ออกมาได้
มันคือการรีไซเคิลที่ฉลาดโคตรๆ คือแทนที่จะสร้างตัวละครชุดใหม่ หนังก็หยิบเอาตัวละครและสถานที่เก่าๆ กลับมาใช้ได้อย่างคุ้มค่า นี่ยังไม่พูดถึงอารมณ์ขันอันบ้าบอเสียสติของหนังที่ยังมีมาให้เราฮาครืนได้อีกเป็นระยะๆ ในแง่ไอเดียถือว่าเวิร์กมาก
.
หากพูดถึงจุดอ่อนของหนังก็นับว่าคลับคล้ายกับภาคแรก ก็คือช่วงต้นชวนสับสน>ช่วงกลางถ่ายทอดอารมณ์จนพีคสุด>ตอนท้ายที่แผ่วปลาย จะเรียกว่าเป็นลายเซ็นผู้กำกับมันก็ตลกชอบกล
แต่ที่เห็นชัดๆ คือหนังมันไม่สามารถ deliver ความระทึกและความสะใจจากการคลี่คลายปมสุดท้ายให้ออกมาดีได้ แล้วยิ่งพอไปเทียบกับช่วงกลางตอนปลายที่พีคบ้านบึ้มแล้วมันยิ่งมีข้อเปรียบเทียบเข้าไปอีก
.
สรุป: Happy Death Day 2U ยังเป็นหนังภาคต่อคุณภาพดีที่ยกระดับตัวเองไปอีกขั้นจากภาคก่อน หนังสื่ออารมณ์ในฉากสำคัญได้ดีไร้ที่ติและน่าจดจำ อาจจะเสียความลุ้นระทึกในฐานะหนังฆาตกรไปบ้าง แต่ก็ยังนับว่าเป็นผลงานชั้นเลิศในสไตล์ของมันอยู่ดี น่าลองไปดูในโรงกันครับ
ป.ล. ฉากเอนด์เครดิตโคตรบ้าคลั่ง กาวมากจนผมประทับใจ คือถ้ามันหน้าด้านทำออกมาเป็นหนังฮีโร่ได้ ผมก็จะหน้าด้านไปดูในโรงแน่นอน
ป.ล.2 ถ้าอยากดูให้สนุกขึ้น 20% ขอแนะนำให้ย้อนไปดูภาคแรกทบทวนก่อน เพราะหนังแอบซ่อนมุกเล็กๆ น้อยๆ ที่ยกมาจากภาคแรกเยอะพอสมควร
#ตั๋วหนังมันแพง #HappyDeathDay #HappyDeathDay2U
[หนังโรงเรื่องที่ 257] Happy Death Day 2U : ผกก.ใช้กาวตัวไหน แบ่งผมบ้าง by ตั๋วหนังมันแพง