*คำเตือน: นี่เป็นรีวิวหนังภาคแรก-เตรียมตัวเพื่อไปดูหนังภาคสอง
[หนังโรงเรื่องที่ 256] Happy Death Day: ตื่น-ตาย-วนเวียน
คะแนนความชอบ : A- (จากสเกล D-A)
(Christopher Landon, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
เรื่องย่อ: "ทรี" นักศึกษาสาวคนหนึ่งพบว่าตัวเองติดอยู่ในวังวนที่จะจบลงด้วยการที่เธอถูกฆ่าโดยฆาตกรสวมหน้ากาก และฟื้นขึ้นมาในเช้าวันเกิดของตัวเองเสมอ เธอจะต้องใช้เวลาอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ตามหาและหยุดฆาตกรตัวจริงให้ได้
เช่นเดียวกับหนังประเภท Loop เรื่องอื่น แกนหลักของเรื่องจริงๆ จะเป็นลักษณะ coming-of-age ที่แสดงให้เราเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของชีวิตตัวละครที่เกิดขึ้นได้เพียงเปลี่ยนแนวคิด ซึ่งนางเอกของเราแรกเริ่มก็เป็น mean girl ดีๆ นี่เอง คือด้วยปมส่วนตัวของนางทำให้นางไม่เอาโลก ไม่เอาใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อที่พยายามเข้าหาลูกสาวตลอด หรือแม้แต่เพื่อนที่แสนดีที่อุตส่าห์จำวันเกิดนางได้ ทุกคนล้วนไม่มีความหมายเพราะเธอเลือกที่จะไม่แคร์
แต่แล้วชีวิตของ "ทรี" ก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเธอต้องตายและฟื้นเป็นวังวนอยู่ในวันเดิมๆ อยู่หลายครั้ง เมื่อเธอปรับวิธีคิด และเริ่ม appreciate สิ่งสวยงามเล็กๆน้อยๆ ที่เข้ามาในชีวิต เพียงแค่คิดชีวิตก็เปลี่ยน ... แต่ชะตาเธอยังเหมือนเดิม เพราะท้ายที่สุดในยามค่ำคืนเจ้าฆาตกรสวมหน้ากากก็จะมาตามล่าเธออยู่ดี
ในส่วนของความระทึกขวัญต้องบอกเลยว่าหนังถ่ายทอดได้ค่อนข้างดี เรายังได้ความรู้สึก "ลุ้นจิกหมอน" อยู่เป็นระยะ เราจะได้ลุ้นว่าในลูปรอบนี้นางเอกจะเจอตัวคนร้ายหรือไม่ หรือถ้าเจอตัวแล้วเธอจะสู้กับคนร้ายอย่างไร นี่คือเสน่ห์ของหนังที่ใช้ Loop เป็นเครื่องมือ เพราะเราจะได้เห็นตัวละครที่เราเอาใจช่วยค่อยๆ พัฒนาแผนการที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งมันก็เป็นความรู้สึกที่โคตรสะใจเลย
ยิ่งไปกว่านั้นคือเทคนิคการหักมุมของหนังที่หักแล้วหักอีก มีหลายโมเม้นต์เลยที่ผมต้องเอ่ยปากออกมาว่า "เอ๊า เมื่อกี้รอดแล้วไม่ใช่เหรอวะ?" คือรู้เลยว่าหนังมันปั้นอารมณ์คนดูได้ดีมาก
ส่วนที่น่าผิดหวังนิดๆ ก็คือการคลี่คลายหักมุมอันสุดท้ายของเรื่องที่ค่อนข้าง "ด้อยกว่าอันอื่น" (underwhelming) พอสมควร พูดได้เลยว่าพาร์ทนั้นเป็นงานเผามาก ถ้าเทียบกับสิ่งที่หนังพยายามสร้างมาตลอดเรื่องแล้ว ตอนจบมันเทียบชั้นไม่ได้จริงๆ
โดยสรุป ผมคิดว่า Happy Death Day เป็นหนังที่มีคอนเซปต์น่าสนใจที่ผสมผสานความระทึกจากหนังแนวฆาตกรได้อย่างลงตัว มีนักแสดงนำที่มีเสน่ห์น่าจดจำ (Jessica Rothe ให้ความรู้สึกเหมือน Blake Lively มาก) ถึงแม้จะมีบางช่วงที่หนังสะดุดขาตัวเองไปบ้าง แต่ผมก็ยังสนุกกับการติดตามเนื้อเรื่องของมันอยู่ดี
ไม่แปลกใจที่หนังได้ไฟเขียวทำภาคต่อออกมาแล้ว ที่กำลังจะเข้าฉายในวันพฤหัสที่ 28 นี้ ผมก็ตั้งใจว่าจะไปดูนะ อยากรู้ว่าหนังมันจะดิ้นไปทางไหนได้อีก ถือว่าเป็นม้ามืดในเดือนที่วงการหนังโรงเงียบเหงาแล้วกันครับ
#ตั๋วหนังมันแพง #HappyDeathDay #HappyDeathDay2U
[หนังโรงเรื่องที่ 256] Happy Death Day: ตื่น-ตาย-วนเวียน by ตั๋วหนังมันแพง
เช่นเดียวกับหนังประเภท Loop เรื่องอื่น แกนหลักของเรื่องจริงๆ จะเป็นลักษณะ coming-of-age ที่แสดงให้เราเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของชีวิตตัวละครที่เกิดขึ้นได้เพียงเปลี่ยนแนวคิด ซึ่งนางเอกของเราแรกเริ่มก็เป็น mean girl ดีๆ นี่เอง คือด้วยปมส่วนตัวของนางทำให้นางไม่เอาโลก ไม่เอาใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อที่พยายามเข้าหาลูกสาวตลอด หรือแม้แต่เพื่อนที่แสนดีที่อุตส่าห์จำวันเกิดนางได้ ทุกคนล้วนไม่มีความหมายเพราะเธอเลือกที่จะไม่แคร์
แต่แล้วชีวิตของ "ทรี" ก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเธอต้องตายและฟื้นเป็นวังวนอยู่ในวันเดิมๆ อยู่หลายครั้ง เมื่อเธอปรับวิธีคิด และเริ่ม appreciate สิ่งสวยงามเล็กๆน้อยๆ ที่เข้ามาในชีวิต เพียงแค่คิดชีวิตก็เปลี่ยน ... แต่ชะตาเธอยังเหมือนเดิม เพราะท้ายที่สุดในยามค่ำคืนเจ้าฆาตกรสวมหน้ากากก็จะมาตามล่าเธออยู่ดี
ในส่วนของความระทึกขวัญต้องบอกเลยว่าหนังถ่ายทอดได้ค่อนข้างดี เรายังได้ความรู้สึก "ลุ้นจิกหมอน" อยู่เป็นระยะ เราจะได้ลุ้นว่าในลูปรอบนี้นางเอกจะเจอตัวคนร้ายหรือไม่ หรือถ้าเจอตัวแล้วเธอจะสู้กับคนร้ายอย่างไร นี่คือเสน่ห์ของหนังที่ใช้ Loop เป็นเครื่องมือ เพราะเราจะได้เห็นตัวละครที่เราเอาใจช่วยค่อยๆ พัฒนาแผนการที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งมันก็เป็นความรู้สึกที่โคตรสะใจเลย
ยิ่งไปกว่านั้นคือเทคนิคการหักมุมของหนังที่หักแล้วหักอีก มีหลายโมเม้นต์เลยที่ผมต้องเอ่ยปากออกมาว่า "เอ๊า เมื่อกี้รอดแล้วไม่ใช่เหรอวะ?" คือรู้เลยว่าหนังมันปั้นอารมณ์คนดูได้ดีมาก
ส่วนที่น่าผิดหวังนิดๆ ก็คือการคลี่คลายหักมุมอันสุดท้ายของเรื่องที่ค่อนข้าง "ด้อยกว่าอันอื่น" (underwhelming) พอสมควร พูดได้เลยว่าพาร์ทนั้นเป็นงานเผามาก ถ้าเทียบกับสิ่งที่หนังพยายามสร้างมาตลอดเรื่องแล้ว ตอนจบมันเทียบชั้นไม่ได้จริงๆ
โดยสรุป ผมคิดว่า Happy Death Day เป็นหนังที่มีคอนเซปต์น่าสนใจที่ผสมผสานความระทึกจากหนังแนวฆาตกรได้อย่างลงตัว มีนักแสดงนำที่มีเสน่ห์น่าจดจำ (Jessica Rothe ให้ความรู้สึกเหมือน Blake Lively มาก) ถึงแม้จะมีบางช่วงที่หนังสะดุดขาตัวเองไปบ้าง แต่ผมก็ยังสนุกกับการติดตามเนื้อเรื่องของมันอยู่ดี
ไม่แปลกใจที่หนังได้ไฟเขียวทำภาคต่อออกมาแล้ว ที่กำลังจะเข้าฉายในวันพฤหัสที่ 28 นี้ ผมก็ตั้งใจว่าจะไปดูนะ อยากรู้ว่าหนังมันจะดิ้นไปทางไหนได้อีก ถือว่าเป็นม้ามืดในเดือนที่วงการหนังโรงเงียบเหงาแล้วกันครับ
#ตั๋วหนังมันแพง #HappyDeathDay #HappyDeathDay2U