Happy Death Day 2U (Christopher Landon, 2019) คะแนน C+
"สุขสันต์วันตายซ้ำตายซ้อน" จากภาคแรกที่ตัวหนังทำกำไรจากทุนสร้างเพียงน้อยนิด กับแนวทางของหนังแนววนลูปเดจาวูทริลเลอร์ ทำให้ภาคสอง Happy Death Day 2U ได้ลองปรับเปลี่ยนเหตุและผลจนกลายเป็นหนังไซไฟวิทยาศาสตร์วนลูปที่ยังคงทริลเลอร์ตายซ้ำตายซ้อนอยู่ ซึ่งก็ต้องชื่นชมผู้กำกับ 'คริสโตเฟอร์ แลนดอน' ที่เล่นประเด็นใหม่ในพล็อตเรื่องเดิม เลือกใช้สาเหตุอิงกับวิทยาศาสตร์โลกคู่ขนานหรือมิติซ้อนทับของเวลาเข้ามาเชื่อมโยงให้ตัวหนังมีอรรถรสที่แตกต่างจากภาคเดิม ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือหนังมีลูกเล่นอะไรใหม่ ๆ และสร้างสีสันพาให้เราร่วมสนุก แต่ข้อเสียคือความเป็นทริลเลอร์ลุ้นระทึกของหนังลดน้อยลง รวมไปถึงความสงสัยว่าใครกันคือฆาตกรภายใต้หน้ากากเบบี้ ทำให้อารมณ์ในส่วนนี้ของหนังจางหายลงไปเมื่อเทียบกับภาคแรก ทั้งหมดจึงเป็นเพียงการตามแก้ไข้ปัญหาของตัวละครนำกับผองเพื่อน และข้อคิดของการใช้ชีวิตดราม่าเล็ก ๆ ระหว่างความสัมพันธ์
แน่นอนว่า หนังยังคงเปิดเรื่องราวได้น่าสนใจ และชวนตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งยังมีอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ หรือตัวละครที่กลับกลายเป็นคนดี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยให้งานภาคนี้ดูน่าสนใจ น่าติดตามในช่วงต้นเรื่อง เพียงแต่เมื่อหนังเล่าเรื่องไปได้สักพัก ความน่าสนใจต่าง ๆ ของหนังกลับถูกลดถอนลงไปด้วยภารกิจต่าง ๆ ของการก้าวพ้นปัญหาวนลูป ซึ่งทำได้เพียงความสนุกที่ไม่ชวนดึงดูดเท่าไหร่ และด้วยการโน้มเอียงของเนื้อเรื่องที่แตกต่างจากภาคแรกที่ไม่ได้ตามหาฆาตกรตัวจริงอย่างเข้มข้น แต่เป็นการตามหาคำตอบเพื่อใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์นำตัวละครกลับไปในมิติของตัวเอง หนังจึงมีพื้นที่ให้เล่นกับมุกตลกมากขึ้น และเรียกเสียงหัวเราะได้มากกว่าภาคแรกเท่าตัว นักแสดงนำ เจสสิกา รอธ ยังคงมีเสน่ห์และชวนขำเหมือนเดิม
ท้ายสุด Happy Death Day 2U เป็นงานภาคต่อที่ให้อารมณ์ที่แตกต่างจากงานภาคแรก อาศัยพล็อตเรื่องที่มีอยู่แล้ว มาต่อเติมต่อยอดคอนเซ็ปท์ออกไป โดยรวมแล้ว เป็นผลงานที่รับชมได้สบาย ๆ และไม่ต้องคาดหวังอะไรเยอะ ก็น่าจะได้รับข้อคิดที่หนังเลือกนำเสนอต่อคนดูกลับมาได้หลังดูหนังจบ แต่ถ้าใครคาดหวังอยากให้เป็นหนังแนวทริลเลอร์ลุ้นระทึกตามหาคนร้ายที่หนักขึ้นกว่าภาคแรก ก็ต้องทำใจว่างานนี้มีน้ำหนักค่อนข้างเบาบางพอสมควร อย่างไรก็ตาม ด้วยทุนสร้างแค่ 9 ล้านเหรียญ หนังคงจะทำเงินได้อีกเช่นเดิม และคงจะได้ดูภาคต่อตามแบบฉบับหนังทุนต่ำแต่ทำกำไรได้เยอะ...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
Review: Happy Death Day 2U (Christopher Landon, 2019) รีวิวโดย Form Corleone
"สุขสันต์วันตายซ้ำตายซ้อน" จากภาคแรกที่ตัวหนังทำกำไรจากทุนสร้างเพียงน้อยนิด กับแนวทางของหนังแนววนลูปเดจาวูทริลเลอร์ ทำให้ภาคสอง Happy Death Day 2U ได้ลองปรับเปลี่ยนเหตุและผลจนกลายเป็นหนังไซไฟวิทยาศาสตร์วนลูปที่ยังคงทริลเลอร์ตายซ้ำตายซ้อนอยู่ ซึ่งก็ต้องชื่นชมผู้กำกับ 'คริสโตเฟอร์ แลนดอน' ที่เล่นประเด็นใหม่ในพล็อตเรื่องเดิม เลือกใช้สาเหตุอิงกับวิทยาศาสตร์โลกคู่ขนานหรือมิติซ้อนทับของเวลาเข้ามาเชื่อมโยงให้ตัวหนังมีอรรถรสที่แตกต่างจากภาคเดิม ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือหนังมีลูกเล่นอะไรใหม่ ๆ และสร้างสีสันพาให้เราร่วมสนุก แต่ข้อเสียคือความเป็นทริลเลอร์ลุ้นระทึกของหนังลดน้อยลง รวมไปถึงความสงสัยว่าใครกันคือฆาตกรภายใต้หน้ากากเบบี้ ทำให้อารมณ์ในส่วนนี้ของหนังจางหายลงไปเมื่อเทียบกับภาคแรก ทั้งหมดจึงเป็นเพียงการตามแก้ไข้ปัญหาของตัวละครนำกับผองเพื่อน และข้อคิดของการใช้ชีวิตดราม่าเล็ก ๆ ระหว่างความสัมพันธ์
แน่นอนว่า หนังยังคงเปิดเรื่องราวได้น่าสนใจ และชวนตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งยังมีอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ หรือตัวละครที่กลับกลายเป็นคนดี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยให้งานภาคนี้ดูน่าสนใจ น่าติดตามในช่วงต้นเรื่อง เพียงแต่เมื่อหนังเล่าเรื่องไปได้สักพัก ความน่าสนใจต่าง ๆ ของหนังกลับถูกลดถอนลงไปด้วยภารกิจต่าง ๆ ของการก้าวพ้นปัญหาวนลูป ซึ่งทำได้เพียงความสนุกที่ไม่ชวนดึงดูดเท่าไหร่ และด้วยการโน้มเอียงของเนื้อเรื่องที่แตกต่างจากภาคแรกที่ไม่ได้ตามหาฆาตกรตัวจริงอย่างเข้มข้น แต่เป็นการตามหาคำตอบเพื่อใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์นำตัวละครกลับไปในมิติของตัวเอง หนังจึงมีพื้นที่ให้เล่นกับมุกตลกมากขึ้น และเรียกเสียงหัวเราะได้มากกว่าภาคแรกเท่าตัว นักแสดงนำ เจสสิกา รอธ ยังคงมีเสน่ห์และชวนขำเหมือนเดิม
ท้ายสุด Happy Death Day 2U เป็นงานภาคต่อที่ให้อารมณ์ที่แตกต่างจากงานภาคแรก อาศัยพล็อตเรื่องที่มีอยู่แล้ว มาต่อเติมต่อยอดคอนเซ็ปท์ออกไป โดยรวมแล้ว เป็นผลงานที่รับชมได้สบาย ๆ และไม่ต้องคาดหวังอะไรเยอะ ก็น่าจะได้รับข้อคิดที่หนังเลือกนำเสนอต่อคนดูกลับมาได้หลังดูหนังจบ แต่ถ้าใครคาดหวังอยากให้เป็นหนังแนวทริลเลอร์ลุ้นระทึกตามหาคนร้ายที่หนักขึ้นกว่าภาคแรก ก็ต้องทำใจว่างานนี้มีน้ำหนักค่อนข้างเบาบางพอสมควร อย่างไรก็ตาม ด้วยทุนสร้างแค่ 9 ล้านเหรียญ หนังคงจะทำเงินได้อีกเช่นเดิม และคงจะได้ดูภาคต่อตามแบบฉบับหนังทุนต่ำแต่ทำกำไรได้เยอะ...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง