א...พันธ์มายา...א

א..พันธ์มายา..א
 
....     
  
                ป่าดงดิบ...ดินแดนอันเงียบสงบที่เร้นแฝงไปด้วยความงดงาม แสงที่ลอดผ่านช่องยอดไม้นานาพันธุ์มันให้สีสันที่พอดี ไม่จ้า..แต่ก็ไม่มืดจนเกินไป เงาจากด้านที่โดนแสงน้อยช่วยเพิ่มความคมชัดให้กับด้านที่ต้องแดด ทัศนียภาพช่างลงตัว แม้นจะไม่ยุติธรรมกับด้านเงาที่อับแสงอยู่หน่อยแต่ช่างมันประไร ทุกอย่างมันลงตัวก็พอ

..ผมชอบที่นี่..

ดูลำร่างของกะบากใหญ่นี่สิ...มีลายบากตลอดรอบต้นจนถึงยอดอันสูงชะลูดสลับกับสีเขียวของเฟิร์นที่ขึ้นแซมบนเปลือกไม้เป็นหย่อมๆ นั่นอีก..ทางโน้นมีแสงจ้าขึ้นมาหน่อยเผยให้เห็นต้นจำปาป่าใบมันแผลบยืนตระหง่านหราท้าแดด

ในช่อกลุ่มใบอันเรียวยาวมีดอกเรียวเหลืองชู่ช่อโชว์เรือนร่างอันบอบบางอยู่ มันถูกซุกซ่อนอย่างดีจากชั้นครื้มใบ ทว่ากลิ่นหอมละมุนที่กำจายไปไกลหลายเมตรนั้นจะฉาบปูนฝันดินยังไงก็ไม่มิด ทำเอาผมอดใจไม่ไหวต้องวนเวียนชื่นชมความแช่มช้อยอยู่นานสองนาน

แต่ทันใดนั้นเองมีร่างหนึ่งพุ่งฝุบเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็วจากบนยอดไม้ ผมไหวร่างหลบอย่างไวแต่เหมือนว่าจะไม่ทันการ มันเด็ดปีกหลังข้างขวาของผมไปหนึ่งข้าง

...เสียท่ามันจนได้...

ไอ้นกกระจิบ..มาขัดขวางช่วงเวลาอันละเมียด ดีหน่อยว่ามันทึ่มพอที่จะหลงกลเล็งวงปีกหลังที่เหมือนตา ทำให้ผมบินโซซัดโซเซพอเอาตัวรอดจากที่นั่นไปหลบในกอพุ่มได้

"ฮ่าๆ! ไอ้โง่เอ๊ย ข้ายังรอดโว้ย"

ใช่ผมยังรอดและบินได้ก็จริง แต่การกลายเป็นไอ้ปีกด้วนแบบนี้มันทำให้ผมควบคุมทิศทางได้ไม่ถนัดถี่ แล้วที่สำคัญกว่านั้นคือตัวเมียที่ไหนมันจะมาสนไอ้ปีกด้วนอย่างผมกัน

นึกได้เช่นนั้นพลันเสาอากาศบนหัวก็สัมผัสได้ถึงคลื่นกลิ่นอันหวานหวามโชยมา มันหอมหวนเสียยิ่งกว่าดอกจำปาเมื่อครู่หลายพันเท่านัก ผมกระสันตามต้นตอกลิ่นนั้นไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้..ไม่ได้เลยทั้งการเคลื่อนกายและคลายใจ

ในที่สุดต้นตอของกลิ่นนั้นก็แสดงร่างให้เห็น เธอคือนางผีเสื้อหางติ่งปีกดำ กำลังร่ายรำพร้อมส่งฟีโรโมนกระจายไปทั่ว ดูเหมือนจะมีแต่ผมที่ตกหลุมพรางนี้ของเธอเข้าให้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น รู้สึกตัวอีกทีก็เริงรำร่วมกับเธอตรงหน้านี่แล้ว

แต่เหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่...ทำไมผีเสื้อสาวตัวนี้เธอสวมเสื้อกั๊กสีน้ำตาล ไม่สิมันเหมือนขนอะไรบางอย่าง ผมพิจารณาดูใกล้ๆ..เฮ้ย มันขยับได้ด้วย พอเห็นเช่นนั้นกองทัพหนอนเพลี้ยที่เกาะกลุ่มตัวเธอนับร้อยก็พุ่งเข้ามาเกาะผมแทนทั้งหมดพร้อมกับกลิ่นหอมหยุดที่หยุดทำงานและการร่ายรำที่หยุดลง นางผีเสื้อแสยะยิ้มก่อนที่จะบินจากไปอย่างไม่แยแส

" ..นังแพศยาเอ๊ย...ขอให้ไม่ตายดี !! "

แช่งยังไม่ทันขาดคำดี นางผีเสื้อหางติ่งนั่นก็โดนค้างคาวโฉบฝุบเข้าให้ต่อหน้าต่อตาทันที สมน้ำหน้า..อยากมาหลอกกัน แต่ในความสะใจก็นำพาความบรรลัยครั้งใหม่มาด้วย

ค้างคาว..ไอ้พวกนี้มันไวเหมือนผีแถมพรางตัวในความมืดอีก ฝันร้ายชัดๆที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางพวกนี้แถมยังมีพวกเพลี้ยคอยสูบเลือดสูบเนื้อรอบตัวไปหมดอีก

ต้องเลียนแบบคลื่นเสียงมันถึงจะรอด..ผมกระพือปีกหน้าเป็นจังหวะประหลาดเพื่อส่งคลื่นเสียงให้คล้ายกับของค้างคาวที่สัมผัสได้ทางเสาอากาศเพื่อทำให้มันสับสน แล้วค่อยๆบินไปจากที่นี่อย่างเงียบที่สุด ดูเหมือนจะได้ผลนะ

" ขวับ ! " ปีกหลังอีกข้างหนึ่งผมโดนค้างคาวโฉบไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมบินผล็อยไปตามเถาวัลย์รกอย่างระโหย ต้องรอด! ต้องรอด! ไอ้พวกเพลี้ยนี่ก็สูบเนื้อไม่หยุดหย่อน

ไม่ไหวอีกต่อไป...ผมบินไปเกาะใบไม้แห้งกรังหนึ่งที่ตกเรี่ยดิน หมดเรี่ยวแรงเหลือเกิน รู้สึกถึงทัศนวิสัยรอบข้างมันค่อยๆแคบลงเรื่อยๆ เหมือนตาจะปิด ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลง ใบไม้แห้งที่เกาะอยู่ก็โพล่งดวงตาขึ้นมาพร้อมอ้าปากกว้างพร้อมเขมือบเหยื่อที่ส่งตรงมาถึงที่

" เฮือก!!! "

ชายหนุ่มทะลึ่งพรวดตัวขึ้นมาจากเตียงจนแทบจะยืนหัวชนเพดาน เหงื่อตกกลีบเป็นสาย เขากระพริบตาสามสี่ทีก่อนที่จะนั่งลงประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อครู่ ก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาติดข้างฝาตรงหน้า เข็มชี้บอกเวลา 9:27

" มีอาการนั้นอีกแล้วหรอคะ นายท่าน? "

ชายหนุ่มสะดุ้งโหยงอีกรอบ ครั้งนี้สาเหตุจากเสียงระนาบราบเรียบที่ถามมาทางข้างเตียง

" RY-1!...เธอเข้าห้องมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงอีกแล้วนะ ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เคาะประตูก่อน เดี๋ยวคงได้ฤกษ์จับส่งศูนย์รีไซเคิลเหล็กแล้วมั้งเนี่ย !? " ผมบ่นใส่สิ่งที่เขาเรียกว่า RY-1 เป็นชุด

RY-1 เป็นหุ่นยนต์รับใช้รุ่นเก่า ขนาดรูปร่างเท่าตัวคนปกติ แต่ภายนอกดูเป็นโครงเหล็กไร้ซีลีโคนหุ้มให้เหมือนคนแบบหุ่นสมัยใหม่ รุ่นโคตรเก่าไดโนเสาร์เต่าล้านปี ระบบปฏิบัติการสมัยหุ่นยนต์เริ่มพัฒนาหรือราวสองพันปีที่แล้ว

..ไม่รู้ผมทนใช้เธอได้ไงจนถึงป่านนี้..

" ความดันเลือด 155/90, TBW% 32.8%, WBCs = 4,200 cells/mcL, RBCs = 4.1m cells/mcL, Hgb = 14.8 gm/dL ฯ... "

RY-1 รายงานผลตรวจร่างกายผมเป็นคุ้งเป็นแคว ประเด็นคือ..เธอตรวจผมไปตั้งแต่ตอนไหนผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย? อ้อ..คงเป็นช่วงที่ผมกำลังนึกเรื่องที่จะเอาเธอไปทิ้งขยะเมื่อครู่ มันยิ่งสำทับให้ผมเห็นควรกับความคิดที่ว่านั่นมากขึ้น

" ความดันโลหิตสูง โลหิตจาง แถมร่างกายขาดน้ำ กินข้าวเสร็จแล้วกินยาชุดนี้พร้อมกินน้ำตามเยอะๆด้วยนะคะ " RY-1 กำชับด้วยเสียงแบบหุ่นยนต์

" เธอไปเถอะ " ผมพูดพลางสะบัดมือให้เธอออกไปจากห้อง หรือจะไปไหนก็ได้ที่มันพ้นหูพ้นตา

" บ่ายนี้คุณมีนัดที่ศูนย์ซ่อมบำรุง อาบน้ำเตรียมตัวให้พร้อมนะคะนายท่าน " เธอยังคงรายงานเรื่องที่ผมรู้อยู่แล้วให้ฟัง

ผมสะบัดมือให้เธอไปแรงขึ้น ไร้เสียงสนทนา เดชะบุญที่ RY-1เดินออกไปจากห้องตามคำสั่งไม่งั้นผมคงจับเธอทุ่มลงบนจานกับข้าวอันน่าเบื่อนี่ ข้าวต้ม ไข่ขยีและผักบุ้งสด.. เหอะ!! ผมจ้วงกินมันอย่างไม่แยแสจนเกลี้ยง เสร็จแล้วก็คว้ากลุ่มยา 5 เม็ดที่วางบนจานข้างๆเข้าใส่ปาก มืออีกข้างหยิบแกลลอนน้ำหนึ่งลิตรกระดกตามไปเสียจนหมดแกลลอน ชีวิตเส็งเคร็ง

ใช่ วันนี้ผมมีนัดกับทางศูนย์ซ่อมบำรุง จริงๆมันก็คือโรงพยาบาลนั่นแหละ แต่เดี๋ยวนี้ใครๆก็เป็นกึ่งมนุษย์กึ่งจักรกลกันหมดแล้ว พวกหมอก็ต้องกลายเป็นกึ่งช่างยนต์ไปหมด ผมนึกพลางยกมือขวาขึ้นมาทบทวน

..รวมถึงผมด้วย..

แขนและขาผมได้รับการโมดิฟายให้ทำงานด้วยระบบดิจิตอล ภายใต้เนื้อหนังมังสาเป็นอัลลอยและสายประสาทระโยงระยาง ที่รู้อย่างนี้เพราะผมต้องซ่อมมันประจำจากการทำหักทำพังโดยไปไล่เตะไล่ต่อยพวกเศษเหล็กน่ารำคาญเป็นประจำ ไม่มันก็ผมนี่แหละที่ต้องหักไปข้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผมเองที่หัก...

ส่วนของลำตัวและศีรษะนั้นยังเป็นร่างเนื้อแบบเดิม ซึ่งคงมีแต่ผมคนเดียวในเมืองแล้วกระมังที่เหลือชิ้นส่วนแบบมนุษย์ดั้งเดิมอยู่ เพราะแบบนี้เลยนัดหมอยากหน่อย

สาเหตุที่ต้องไปตรวจก็ไม่พ้นไอ้อาการฝันประหลาดนี่แหละ มันชักหนักข้อขึ้นทุกวันทุกวัน

ภาพ กลิ่น รส เสียง ทุกอย่างในฝันมันชัดเจนเสียจนทำให้ผมชักแยกไม่ออกแล้วว่าฉากไหนคือเรื่องจริง ฉากไหนคือความฝัน บางทีความจริงผมอาจจะเป็นผีเสื้อก็ได้ ส่วนไอ้ไซบอร์กตัวนี้ต่างหากที่เป็นความฝัน

แต่ปัญหาที่มันมากกว่าเรื่องภาพนี่สิ...ผมเอื้อมมือไปจับหลัง มันยังคงปวดแปล๊บราวกับมีอะไรหักไปจากด้านหลังทั้งสองข้างนี้จริงๆ และอาการหน่วงๆที่รอบคอที่เหมือนโดนดูด ซึ่งมันก็พอจะทุเลาลงบ้างแล้ว ขอบคุณพระเ...า ที่ยังเมตตากันบ้าง แต่ปล่อยไว้ยิ่งนานคงไม่ดีแน่

ชายหนุ่มคว้าผ้าเช็ดตัวเดินโทงเทงเข้าไปยังห้องอาบน้ำ ด้วยเทคโนโลยีรุ่นใหม่--ในห้องนี้จะมีแปรงมาขัดให้แทนที่เราจะต้องถูตัวด้วยตัวเอง มันก็สะดวกสบายดีอยู่หรอกทว่าด้วยความที่ว่าลำตัวผมยังเป็นร่างเนื้ออยู่มันก็จะจักจี้อยู่หน่อยเวลาโดนแปรงนุ่มๆขัดตัว

น้ำบริสุทธิ์กระเซ็นเป็นสายลงมาจากฝักบัวเพื่อคอยชำระร่าง จู่ๆก็เปลี่ยนน้ำสีเหลืองกลิ่นคาวข้นไหลทะลักออกมาอย่างรวดเร็วในปริมาณมหาศาล พร้อมกันนั้นยังมีกองทัพหนอนตัวสีเขียวเข้มไหลมาพร้อมกันด้วยจนท่วมห้อง

ทุกอย่างมันรวดเร็วมาก ผมไม่ทันตั้งตัวดีพอที่หนีออกมาจากห้อง

ผมจมอยู่ในน้ำสีเหลืองเหนียวพร้อมกับหนอนที่ไต่ยั๊วะเยี๊ยะทั่วร่าง มัน อึดอัด..หายใจไม่ออก เหนอะหนะ ทั้งอึดอัดทั้งขยะแขยงทุกอย่างรอบข้างอื้ออึง มันสับสนไปหมด

แล้วภาพก็ตัดมาตอนที่ผมกำลังยืนสวมเสื้ออยู่หน้ากระจก ผมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ หน้าตาผมดูตื่นตระหนก เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมจู่ๆผมมายืนใส่เสื้ออยู่ที่ห้องตัวเองได้ ทั้งที่ๆเมื่อกี้กำลังอาบน้ำ..ไม่สิกำลังโดนน้ำสีดำท่วมอยู่ในห้องอาบน้ำ

ผมวิ่งกลับเข้าไปดูที่ห้องซักฟอกร่างกาย ที่พื้นแห้งสนิท สัมผัสได้ถึงละอองน้ำลอยตัวอยู่ในอากาศบ้างอันเป็นสัญญาณว่ามีคนพึ่งใช้ห้องน้ำไปหมาดๆ แต่มันไม่มีร่องรอยหนอนซักตัวหรือคราบน้ำเหลืองอยู่เลย

..แล้วเมื่อกี้มันอะไร..!? ยังไม่ทันหลับเลย ?

..อาการนี้มันไม่เคยเป็นในช่วงที่ตื่นนี่หว่า ?..

เมื่อผมใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ในหัวก็กำลังงุนงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ขณะที่กำลังเดินทอดน่องลงมาจากบันไดไม้เก่าๆมายังชั้นล่าง " เอี้ยด..อ้าด..เอี้ยด.. " เสียงดังแต่ละครั้งสอดรับกับจังหวะย่างก้าว แค่ฟังจากเสียงคงการันตีได้ถึงความคร่ำครึคร่ำคร่าของมัน

" อาหารเที่ยงเสร็จเรียบร้อยและถูกวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวแล้วค่ะนายท่าน " RY-1 เงยหน้ามาพูดกับผมตรงหัวบันได ก่อนที่เธอจะก้มลงกวาดพื้นต่อ

ตลกสิ้นดี สมัยนี้ถ้าบอกใครว่าหุ่นยนต์รับใช้เอาไม้กวาดและที่โกยผงทำความสะอาดบ้านรับรองได้อายไปสามบ้านแปดบ้านแน่ ซึ่งผมไม่ยอมเป็นขี้ปากคนอื่นแบบนั้นแน่นอน

ผมเดินผ่านเธอไป ที่ด้านขวาเป็นผนังห้องมีกรอบรูปหนึ่งขนาด 12×12 นิ้ว แขวนอยู่ มันคือรูปของบ้านที่ผมออกแบบเอง บ้านไม้สามชั้น ชั้นล่างเป็นใต้ถุนยกสูง มีโอ่งใบหนึ่งวางข้างเสากลางบ้าน ชั้นสองเป็นห้องเบ็ดเตล็ดทั่วไปและชั้นสามเป็นห้องนอนและห้องน้ำ หลังคามีหน้าจั่วปลายฐานโค้งสลักลวดลายกนกที่ไม่สมมาตรกันเท่าไหร่ มันเอียงมาทางซ้ายอยู่หน่อย และถ้าสังเกตให้ดีบ้านทั้งหลังจะเทไปทางซ้าย 27 องศา แต่ไม่ต้องห่วงว่ามันจะถล่มง่ายๆหรอกนะ เพราะแม้ภาพจะดูเอนเอียงแต่ในทางทฤษฎีตัวบ้านถูกถ่ายเทน้ำหนักให้สมดุลกับความดึงดูดของโลก ที่ด้านหน้าบ้านมีชายหญิงคู่หนึ่งยิ้มกอดกัน

มันเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของผม สถาปนิกที่ออกแบบบ้านทรงนี้ในดินแดนใต้พิภพหาได้มีที่อื่นอีก...ความเป็นอัตลักษณ์...ผมอดยิ้มภูมิใจกับมันไม่ได้เลย

" คุณต่อยมันทำไมคะ ? " RY-1 ถามผม ผมหันกลับไปหาเธอแล้วถาม แววตาของเจ้าหุ่นนี่ช่างเลื่อนลอยไร้ชีวิตชีวาเหลือเกิน

" เธอพูดอะไรของเธอ ? "

RY-1 ชี้ให้ดูที่ข้างล่างเท้าผม มันคือรูปบ้านที่ติดผนังเมื่อครู่นี้ในสภาพยับเยินกรอบร้าว และตอนนี้มันอยู่ใต้เท้าผม...ได้ยังไงกัน...

" นี่มันอะไรเนี่ย เมื่อกี้ผมแค่ยืนดูรูปอยู่... "

" แต่ฉันเห็นคุณต่อยรูปจนกระจกแตก ก่อนที่จะจับมันเขวี้ยงลงกับพื้นและกระทื.. "

" เฮอะ!! ก็แค่รูปบ้านสับปะรังเค ผลงานชิ้นโบว์ดำ เธอเก็บมันไปทิ้งด้วยผมจะกินข้าวแล้ว " ผมพูดเสร็จก็กระทืบมันซ้ำอีกทีหนึ่งก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะอาหารที่มีกับข้าววางไว้รอสองสามอย่าง

" มีจดหมายมาถึงผมบ้างมั้ยวันนี้ ? " ผมถาม RY-1 ขณะที่เคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก

" เหมือนเดิมค่ะ "

หึ.. ก็กะไว้อยู่แล้ว การออกแบบยุคนี้มีแต่ต้องทำให้ตรงตามสูตรที่พวกคณะกรรมการ AI กำหนด ต้องสมมาตรสอดคล้องกับเหตุผลทางคณิตศาสตร์และอ้างอิง ไอเดียห้ามผิดแผกโครงสร้างอาคารต้องเป็นแบบเฉพาะที่พวกนั้นกำหนดเท่านั้น

ถ้าลองนอกกรอบเรอะ เหอะๆ ก็ไร้คนจ้างงานมาห้าปีอย่างผมนี่ไง ต้องใช้ชีวิตจำกัดจำเขี่ยกินแพมดแดงย่างประทังชีวิตไปวันๆแบบตอนนี้ ว่าแล้วก็สวาปามมันให้หมดๆไป รสชาติเลวแสนเฝื่อนลิ้น

" ..ผมควรไปจากที่นี่เสียที.. "

...

____ต่อ____(1/9)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่