แนะนำ 5 เทคนิคการจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูกผ่าน Google Flights

สวัสดีครับ หลายคนที่เป็นนักเดินทางตัวยงน่าจะเคยผ่านประสบการณ์จองตั๋วเครื่องบินด้วยตัวเองกันมาบ้างใช่ไหมครับ ถ้าเป็นสมัยก่อนเราก็คงต้องพึ่งพา Travel Agency ทั้งหลายในการจองตั๋วเครื่องบินกับสายการบินต่างๆ เพื่อให้ได้ราคาที่เราพอใจ แต่ปัจจุบันนี้การเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ทำได้ง่ายขึ้นมากๆ เราสามารถจองตั๋วเครื่องบินกับสายการบินที่เราต้องการได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย แถมยังมีโปรโมชันลดราคาให้เราอยู่เรื่อยๆ อีกต่างหาก

ซึ่งถ้าพูดถึง Platform ที่ผมคิดว่าเป็นแหล่งค้นหาตั๋วเครื่องบินอันดับต้นๆ ของโลกวันนี้คงต้องพูดถึง Google Flights ครับ ซึ่ง Google Flights คือเว็บไซต์ที่ได้รวบรวมเอาข้อมูลราคาตั๋วเครื่องบินจากสายการบินต่างๆ ทั่วโลกมาเปรียบเทียบให้เราดูอย่างง่าย (มีทั้งสายการบิน Low Cost และ Full Service) สามารถกดเข้าไปจองผ่านเว็บของสายการบินโดยตรงหรือจะจองผ่าน Online Travel Agency (OTA) ชื่อดังต่างๆ ก็ทำได้ เรียกได้ว่าเข้าเว็บเดียว ทำได้ตั้งแต่ค้นหาไปจนถึงจองตั๋วพร้อมบินเลยครับ

ล่าสุดเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2019 ที่ผ่านมา Google ก็ได้ประกาศเปิดให้บริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว วันนี้ผมเลยจะขอมาแนะนำ 5 เทคนิคในการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกผ่าน Google Flights มาฝากกันครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Disclosure] บทความนี้ผมเขียนจากประสบการณ์การใช้งาน Google Flights ด้วยตัวเองล้วนๆ ไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จาก Google เลยนะครับ

1. ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดีก็ใช้ Feature Explore ช่วยค้นหาได้
หลายคนอาจจะเคยมีปัญหาประมาณว่า “เฮ้ย ชั้นว่างช่วงวันหยุดนี้ ไปเที่ยวไหนดีแก”น่าจะต้องชอบ Feature Explore Map แน่นอนครับ ใน Google Flights เราสามารถค้นหาตั๋วเครื่องบินแบบไม่ระบุปลายทางได้ ซึ่ง Google จะทำการค้นหาเส้นทางการบินที่น่าสนใจมาให้เราเลือก สามารถเลือกวันเดินทางได้ทั้งแบบ Specific หรือ Flexible Date ก็ได้ครับ
วิธีการใช้ Explore Map
ไปที่ https://www.google.com/flights/ แล้วกดที่เมนูซ้ายมือ เลือก “Explore map”

เช่น ผมต้องการค้นหา Weekend Trip ในช่วงเดือนมิถุนายน ผมก็ใส่เฉพาะต้นทางเป็น Bangkok แต่ไม่ระบุปลายทาง แล้วเลือก Date เป็น “Weekend trip in June” หลังจากนั้น Google Flights ก็จะค้นหาเส้นทางที่น่าไปในช่วงนั้นมาให้ อย่างในตัวอย่างนี้ก็พบว่ามีเที่ยวบินไปกลับ Hong Kong ในราคาแค่ 4,038 บาทเท่านั้นแนะนำวันมาให้ด้วย ฉลาดสุดๆ ครับ

2. ไม่รู้ว่าไปลงที่เมืองไหนได้บ้าง ก็ค้นหาด้วยชื่อประเทศไปเลย
สำหรับใครที่ต้องการเดินทางไปประเทศที่มีหลายสนามบินให้เลือกไปลง ตัว Google Flights เองก็รองรับการค้นหาในลักษณะนี้ โดยเราสามารถระบุจุดหมายปลายทางเป็นชื่อประเทศได้เลย และทำการเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินของสายการบินที่ไปลงในแต่ละเมืองในประเทศนั้นให้เราดูได้อีกด้วย เจ๋งสุดๆ ไปเลยครับ

ยกตัวอย่างเช่น ผมอยากรู้ว่าจากกรุงเทพฯ ไปอเมริกาไปลงที่เมืองไหนได้บ้าง และราคาแตกต่างกันขนาดไหนในวันเดินทางเดียวกัน ผมก็ใส่ปลายทางเป็นชื่อประเทศ “United States of America” ได้เลย หลังจากนั้น Google Flights ก็จะแสดงผลการค้นหาออกมาเป็นในลักษณะแผนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและเปรียบเทียบราคาให้เราดูของแต่ละเมืองได้เลย
และเมื่อเรากดปุ่ม Zoom เข้าไป Google Flights ก็จะทำการ Update ผลการค้นหาให้ละเอียดมากขึ้น เปรียบเทียบราคาของสายการบินที่ไปลงในสนามบินหรือเมืองที่อยู่ใกล้ๆ กัน ยกตัวอย่างเช่นในรูปนี้ถ้าบินจากกรุงเทพฯไปอเมริกาฝั่ง East Coast ก็ควรจะไปลงที่ New York City เพราะราคาจะถูกกว่าไปลงที่ Boston หรือ Philadelphia เยอะพอสมควรเลยครับ

3. เดินทางแบบ Flexible Date โดยใช้มุมมองแบบ Dates และ Price Graph ช่วยหาตั๋วราคาถูก
สำหรับใครที่สามารถเลือกวันเดินทางแบบยืดหยุ่นได้ (Flexible Date) ผมขอแนะนำให้เปรียบเทียบราคาโดยใช้มุมมองแบบ Dates ควบคู่กับการดู Price Graph ก็จะช่วยให้เราสามารถหาตั๋วราคาถูกในวันที่ใกล้เคียงได้เช่นกันครับ


ยกตัวอย่างในรูปนี้เส้นทางกรุงเทพฯ ไปเกาหลีช่วงสงกรานต์นี้ ช่วงวันเดินทางที่ราคาถูกที่สุดจะเป็นช่วงวันที่ 9–18 เมษายน 2562 แต่สังเกตนะครับว่าถ้าเลือกขากลับเร็วขึ้น 1 วันคือวันที่ 17 เมษายน ราคาจะแพงกว่าถึงประมาณ 3,600 บาท! เพราะฉะนั้นการใช้มุมมองแบบ Dates รวมถึง Price Graph จะช่วยให้เราสามารถหาตั๋วราคาดีที่สุดในช่วงที่เราต้องการเดินทางได้ครับ

4. Track Prices รับการแจ้งเตือนเมื่อราคามีการเปลี่ยนแปลง
อีกหนึ่ง Feature ของ Google Flights ก็คือเราสามารถทำการติดตามราคาตั๋วเครื่องบินในเส้นทางการบินในวันที่เรากำหนดไว้ได้ เช่นสมมติผมมีแพลนจะเดินทางในช่วงสงกรานต์ไปเมือง Melbourne, Australia ผมก็ทำการค้นหาตั๋วเครื่องบินในเส้นทางนี้ในวันเวลาที่ผมต้องการเดินทางไว้ หลังจากนั้นก็กดปุ่ม “Track Prices” เพื่อทำการติดตามราคาตั๋วเครื่องบิน เมื่อราคามีการเปลี่ยนแปลง (ทั้งสูงขึ้นและต่ำลง) Google Flights จะทำการส่งอีเมลล์แจ้งเตือนเราให้ครับ


เมื่อราคามีการเปลี่ยนแปลง Google Flights ก็จะส่งเมลล์มาแจ้งเตือนแบบนี้ครับ เมื่อราคาลดถึงจุดที่เราพอใจก็สามารถกดลิ้งค์เข้าไปเพื่อจองตั๋วได้เลยครับ ดีงามสุดๆ


เราสามารถดูเส้นทางบินที่เราได้ทำการ Track Prices ไว้ทั้งหมดได้โดยการคลิกที่เมนูซ้ายมือ เลือก “Track Prices” ระบบก็จะลิสเส้นทางที่เราได้ทำการ Track Prices ออกมาให้ดูทั้งหมดครับ


5. จองตั๋วแบบบินแวะพักอาจได้บินฟูลเซอร์วิสราคาถูกกว่าบินตรงกับสายการบินโลวคอส
ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของบ้านเรา เช่นวันสงกรานต์ ปีใหม่ จะมีความต้องการเดินทางสูงกว่าปกติ ทำให้ตั๋วเครื่องบินก็จะราคาสูงตามไปด้วย ซึ่งบางครั้งสายการบินโลวคอสก็อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดในแง่ของราคาในการเดินทางช่วงเทศกาลแบบนี้ครับ เพราะปัจจุบันนี้สายการบินฟูลเซอร์วิสหลายๆ เจ้าก็ลงมาทำตลาดแข่งกับสายการบินโลวคอสด้วย ในบางครั้งเราอาจจะเห็นราคาตั๋วเครื่องบินสายการบินฟูลเซอร์วิสราคาถูกกว่าสายการบินโลวคอสด้วยซ้ำ แถมผู้โดยสารไม่ต้องเสียเงินเพิ่มในการซื้อน้ำหนักกระเป๋าหรืออาหารบนเครื่องด้วย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเวลาการเดินทางที่จะยาวนานขึ้นครับ เพราะต้องแวะเปลี่ยนเครื่องในสนามบินที่เป็น Hub ของสายการบินนั้นๆ ซึ่ง Google Flight ก็สามารถแนะนำการเดินทางแบบบินแวะพักเปรียบเทียบให้เราได้ด้วยครับ


ผมยกตัวอย่างเส้นทางกรุงเทพฯ-ปูซาน เกาหลีใต้ บินตรงในช่วงสงกรานต์ ราคาจะอยู่ราวๆ 11,000 บาทขึ้นไป แต่ถ้าเราเลื่อนลงมาด้านล่างเราจะเจอสายการบินฟูลเซอร์วิส ซึ่งในที่นี้คือ Vietnam Airlines ในราคาที่ถูกกว่า ซึ่งต้องเสียเวลาเปลี่ยนเครื่องประมาณ 3 ชม. ครึ่งที่ Hanoi แต่ไม่ต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มแถมได้ทานอาหารและจองที่นั่งบนเครื่องฟรีด้วยครับ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคอย่างเราๆ ว่าจะเลือกเวลาหรือเลือกการบริการบนเครื่องรวมถึงที่นั่งที่สบายกว่าครับ


ของแถม
มีสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่า Google Flights ทำได้ดีนอกจากเรื่องการค้นหาเที่ยวบินและเปรียบเทียบราคาครับ นั่นก็คือการให้ข้อมูลเที่ยวบินนั้นๆ อย่างละเอียดว่าถ้าเราเลือกบินกับเที่ยวบินนั้นแล้ว เราจะได้รับบริการอะไรบ้าง
เช่นข้อมูลของเที่ยวบินด้านบนก็จะบอกเราว่าเป็นเที่ยวบินแบบข้ามคืน ใช้เครื่องบินรุ่น Boeing 737 และมักจะมีการดีเลย์ 30 นาทีอย่างต่ำ รวมถึงขนาดความกว้างที่นั่งแคบกว่าค่ามาตรฐาน แต่มี In-Flight Entertainment ให้บริการโดยการดูผ่านมือถือได้นั่นเองครับ ซึ่งถือว่าละเอียดดีมากๆ ครับ เป็นตัวช่วยให้เราตัดสินใจเลือกเที่ยวบินได้ดีเลยครับ

สรุป
สุดท้ายแล้ว เรื่องราคาก็อาจจะไม่ใช่ปัจจัยสูงสุดในการเลือกจองตั๋วเครื่องบินก็ได้นะครับ เพราะยังมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ผลต่อการเดินทางของเราเช่น ระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทาง (Flight Duration), เวลาออกเดินทาง (Departure/Arrival Time), ที่นั่ง (Seat Pitch, Leg room), การบริการบนเครื่องบิน (In-Flight Service), น้ำหนักกระเป๋า (Baggage Allowance) รวมถึงสายการบิน (Airlines) ต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีผลต่อการเดินทางทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับผู้โดยสารอย่างเราว่าจะเลือกให้น้ำหนักกับสิ่งไหนมากกว่ากันครับ
หวังว่าจะได้ลองใช้ Google Flights ค้นหาเที่ยวบินสำหรับการเดินทางครั้งต่อไปของทุกคนนะครับ ไว้มีโอกาสจะหาเรื่องราวน่าสนใจมาเขียนให้อ่านกันอีกครับ สวัสดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่