สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่นเลย แนะนำตัวก่อนนะคะ พี่อายุ 32 ทำงานมารวมๆ 9 ปีค่ะ
วันนี้ครึ้มอกครึ้มใจอยากคุยกับน้องๆ ที่อยู่ในวัยเรียน หรือวัยเริ่มต้นทำงาน ไม่ใช่อะไรหรอกนะ
พี่รู้สึกว่า ชีวิตพี่ล้มเหลวแบบ พี่ทำตัวพี่เอง เลยอยากมาเล่าเรื่องให้อ่านกัน
ตั้งแต่เรียน พี่เป็นคนเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจเรียนมาก แต่ก็ไม่ได้เกเร ไม่ขวนขวาย ไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ
เค้าทำอะไรกันก็ทำไป เช่น ไปเรียนพิเศษที่สยาม ไปติวที่นู่นที่นี่ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็สอบติดมหาวิทยาลัยรัฐบาลที่นึง
ถามว่าดีใจไม๊ดีใจนะ แต่คณะที่ติด เลือกไปก็เพราะคะแนนมันได้ (รุ่นพี่เป็นรุ่นที่เอนทรานซ์ 2 รอบ แล้วเลือกคะแนนรอบที่ดีที่สุดได้)
ตอนเรียนก็เหมือนเดิม เรียนไปเรื่อยๆ แค่รู้สึกว่าต้องเรียนให้จบ ไม่ได้ขวนขวายหาความรู้นอกตำรา ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไร
ไม่มีความชอบอะไรเป็นพิเศษที่จะหาโน่นนี่มาเสริมประสบการณ์
พอเรียนจบ พี่ก็เริ่มเข้าสู่วังวนของการเป็นมนุษย์เงินเดือน การเป็นมนุษย์ออฟฟิศซึ่งสมัครงานอะไรได้ พี่ก็ทำไป เพราะสาขาวิชาที่พี่จบมา
ควรจะเป็นมัคคุเทศน์ (ซึ่งมารู้ตัวตอนหลังว่าไม่ชอบ) และเป็นอาจารย์ (ซึ่งนี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน)
ดังนั้นถามว่าเลือกงานได้ไม๊ ไม่ได้จ้ะ ดังนั้นงานของพี่ที่ทำมาก็จะหลากหลาย ตั้งแต่ Call Center / พนง.ขายคอร์สเรียน /
เซลล์ขายสินค้าความงาม / จัดซื้อ / จนมางานปัจจุบันนี้ที่เป็นเซลล์งานอุตสาหกรรม
ประเด็นที่อยากแชร์คืออะไรล่ะ
"เพื่อน" ที่เราคบมาต้งแต่มัธยม เพื่อนที่เราเคยนั่งเรียนด้วยกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนที่ใช้ชีวิตเฮฮามาด้วยกัน
วันนี้หลายๆ คนได้ดีอย่างที่เราไม่อาจเป็นได้ บอกตรงๆ เลยว่า พอพี่รู้ข่าวคราว รู้ความก้าวหน้า รู้เรื่องฐานะการเงิน
มันคือความรู้สึกอิจฉาที่ถาโถมมาอย่างหยุดไม่ได้ ในหัวมีแต่คำว่า "ทำไม ทำไม ทำไม" แล้วพี่ก็ได้แต่มาย้อนดูเวลา
10 กว่าปีที่ผ่านมา มันเกิดอะไรขึ้น เราพลาดอะไรไป เรียนมาห้องเดียวกัน ทำอะไรๆ ด้วยกัน ทำไมล่ะ ทำไมเค้าทำได้ แล้วทำไมเราอยู่ตรงนี้
อยู่ตรงที่เราว่าเราทำดีแล้ว แต่เงินก็ยังเดือนชนเดือน บางเดือนต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นด้วยซ้ำ เป็นคนธรรมดาที่ยังอยู่ในวัฐจักร
เดือนชนเดือน ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีหลักประกัน เอาง่ายๆ อนาคตที่มีก็คือเงินเดือนที่จะออกตอนสิ้นเดือนเท่านั้นแหล่ะ
ใช่ ทั้งหมดนี้พี่ทำตัวพี่เอง ไอเวลาที่ผ่านมาที่มัวแต่เอิงเอย ลอยไปลอยมาวันๆ เรียนบ้างหลับบ้าง ทำงานแบบทำๆ ไปเหอะ
ชอปปิ้งไปสิ เครื่องสำอางค์ซื้อเข้าไป อาหารญี่ปุ่น อิตาลี กินไปดิ่ เดี๋ยวเงินเดือนก็ออก มันทำให้ชีวิตพี่ในวัย 32 ที่เพิ่งมาคิดออก
มันช้าไปแล้ว มาคิดออกเอาวันที่คนอื่นเค้าได้ดีไปหมด แล้วเหมือนเราโดนทิ้งไว้ข้างหลัง ทิ้งไว้ไกล จนวิ่งตามยังไงก็ไม่ทัน
เพราะอะไร เพราะเพื่อนคนอื่นเค้าพยายามกันมาตั้งนานแล้ว เค้าขวนขวายทำอะไรที่มากกว่าเรียนไปวันๆ ทำในสิ่ง
ที่เราคิดว่า "ไม่จำเป็น" ในนั้นวันนั้นของเรา เก็บเงินเก็บทองที่เราคิดว่าเดี๋ยวเงินก็ออก เดี๋ยวค่อยเก็บ
ความรู้สึกของพี่ในวันนี้คือ เรามันแย่ เรามันเห่ย เรามันทำไม่ได้ เรามันไม่ได้เรื่อง แล้วพอมาคิดย้อนไป ในหัวก็จะมีแต่คำว่า
"ถ้าตอนนั้นเราขยันกว่านี้" "ถ้าตอนนั้นเราเริ่มเก็บเงิน" "ถ้าตอนนั้นเรากล้าลงทุน"
ถ้า ถ้า ถ้า มีแต่คำนี้เต็มไปหมด
วันนี้ของพี่ก็เลยทำได้แค่ ตั้งสติ คิดใหม่ ทำใหม่ พยายามใช้ชีวิตเพื่อที่ว่า อีก 10 ปีข้างหน้า พี่มองย้อนชีวิตตัวเองกลับมา จะไม่เสียใจเหมือนวันนี้
ก็เลยอยากฝากถึงน้องๆ ทั้งวัยเรียน วัยทำงาน อะไรที่เราชอบ อะไรที่เราอยากทำ อะไรที่มีโอกาสได้ลอง (ในเรื่องดีๆนะ) ทำไปเหอะค่ะ
ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นประสบการณ์ เราไม่มีทางรู้ อีก 2 ปี 5 ปี 10 ปี เราจะเจอใคร เราจะเจอสังคมแบบไหน อย่าใช้ชีวิตวันๆ แบบพี่
เพราะสุดท้ายแล้ว "เราคือคนสร้างโอกาสให้ตัวเราเอง" มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก ที่ได้รู้ว่าเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา เราน่าจะได้สร้างความ
เปลี่ยนแปลงอะไรที่ดีกว่านี้ แต่เรากลับย่ำอยู่ตรงนี้ ตรงที่ทุกคนเค้าไปไกลแล้ว
เลยอยากฝากเอาไว้ เผื่อประสบการณ์ ข้อคิดชีวิตพี่ เผื่อจะทำให้น้องๆ ไม่ต้องมาเป็นแบบพี่ในอนาคต ที่มองอดีตที่แก้ไขไม่ได้ตัวเอง
แล้วได้แต่คร่ำครวญว่าเราทำไม ไม่ทำให้ดีกว่านี้ ไม่ต้องมาคิดแต่คำว่า "ถ้า" ที่มันไม่สามารถเกิดได้ในชีวิตจริง
ยาวหน่อย แต่หวังจะได้ประโยชน์กันไปบ้างนะคะ
((เป็นไปได้งดมาม่านะคะ ตอนนี้ชีวิตตัวเองก็กินมาม่าเยอะพอแล้ว รู้ตัวแล้วว่าทำตัวเอง อย่าซ้ำเติมกันเลยนะคะ))
อยากฝากถึงน้องๆ วัยเรียน วันทำงาน จากใจพี่อายุ 32 ค่ะ
ก่อนอื่นเลย แนะนำตัวก่อนนะคะ พี่อายุ 32 ทำงานมารวมๆ 9 ปีค่ะ
วันนี้ครึ้มอกครึ้มใจอยากคุยกับน้องๆ ที่อยู่ในวัยเรียน หรือวัยเริ่มต้นทำงาน ไม่ใช่อะไรหรอกนะ
พี่รู้สึกว่า ชีวิตพี่ล้มเหลวแบบ พี่ทำตัวพี่เอง เลยอยากมาเล่าเรื่องให้อ่านกัน
ตั้งแต่เรียน พี่เป็นคนเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจเรียนมาก แต่ก็ไม่ได้เกเร ไม่ขวนขวาย ไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ
เค้าทำอะไรกันก็ทำไป เช่น ไปเรียนพิเศษที่สยาม ไปติวที่นู่นที่นี่ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็สอบติดมหาวิทยาลัยรัฐบาลที่นึง
ถามว่าดีใจไม๊ดีใจนะ แต่คณะที่ติด เลือกไปก็เพราะคะแนนมันได้ (รุ่นพี่เป็นรุ่นที่เอนทรานซ์ 2 รอบ แล้วเลือกคะแนนรอบที่ดีที่สุดได้)
ตอนเรียนก็เหมือนเดิม เรียนไปเรื่อยๆ แค่รู้สึกว่าต้องเรียนให้จบ ไม่ได้ขวนขวายหาความรู้นอกตำรา ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไร
ไม่มีความชอบอะไรเป็นพิเศษที่จะหาโน่นนี่มาเสริมประสบการณ์
พอเรียนจบ พี่ก็เริ่มเข้าสู่วังวนของการเป็นมนุษย์เงินเดือน การเป็นมนุษย์ออฟฟิศซึ่งสมัครงานอะไรได้ พี่ก็ทำไป เพราะสาขาวิชาที่พี่จบมา
ควรจะเป็นมัคคุเทศน์ (ซึ่งมารู้ตัวตอนหลังว่าไม่ชอบ) และเป็นอาจารย์ (ซึ่งนี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน)
ดังนั้นถามว่าเลือกงานได้ไม๊ ไม่ได้จ้ะ ดังนั้นงานของพี่ที่ทำมาก็จะหลากหลาย ตั้งแต่ Call Center / พนง.ขายคอร์สเรียน /
เซลล์ขายสินค้าความงาม / จัดซื้อ / จนมางานปัจจุบันนี้ที่เป็นเซลล์งานอุตสาหกรรม
ประเด็นที่อยากแชร์คืออะไรล่ะ
"เพื่อน" ที่เราคบมาต้งแต่มัธยม เพื่อนที่เราเคยนั่งเรียนด้วยกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนที่ใช้ชีวิตเฮฮามาด้วยกัน
วันนี้หลายๆ คนได้ดีอย่างที่เราไม่อาจเป็นได้ บอกตรงๆ เลยว่า พอพี่รู้ข่าวคราว รู้ความก้าวหน้า รู้เรื่องฐานะการเงิน
มันคือความรู้สึกอิจฉาที่ถาโถมมาอย่างหยุดไม่ได้ ในหัวมีแต่คำว่า "ทำไม ทำไม ทำไม" แล้วพี่ก็ได้แต่มาย้อนดูเวลา
10 กว่าปีที่ผ่านมา มันเกิดอะไรขึ้น เราพลาดอะไรไป เรียนมาห้องเดียวกัน ทำอะไรๆ ด้วยกัน ทำไมล่ะ ทำไมเค้าทำได้ แล้วทำไมเราอยู่ตรงนี้
อยู่ตรงที่เราว่าเราทำดีแล้ว แต่เงินก็ยังเดือนชนเดือน บางเดือนต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นด้วยซ้ำ เป็นคนธรรมดาที่ยังอยู่ในวัฐจักร
เดือนชนเดือน ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีหลักประกัน เอาง่ายๆ อนาคตที่มีก็คือเงินเดือนที่จะออกตอนสิ้นเดือนเท่านั้นแหล่ะ
ใช่ ทั้งหมดนี้พี่ทำตัวพี่เอง ไอเวลาที่ผ่านมาที่มัวแต่เอิงเอย ลอยไปลอยมาวันๆ เรียนบ้างหลับบ้าง ทำงานแบบทำๆ ไปเหอะ
ชอปปิ้งไปสิ เครื่องสำอางค์ซื้อเข้าไป อาหารญี่ปุ่น อิตาลี กินไปดิ่ เดี๋ยวเงินเดือนก็ออก มันทำให้ชีวิตพี่ในวัย 32 ที่เพิ่งมาคิดออก
มันช้าไปแล้ว มาคิดออกเอาวันที่คนอื่นเค้าได้ดีไปหมด แล้วเหมือนเราโดนทิ้งไว้ข้างหลัง ทิ้งไว้ไกล จนวิ่งตามยังไงก็ไม่ทัน
เพราะอะไร เพราะเพื่อนคนอื่นเค้าพยายามกันมาตั้งนานแล้ว เค้าขวนขวายทำอะไรที่มากกว่าเรียนไปวันๆ ทำในสิ่ง
ที่เราคิดว่า "ไม่จำเป็น" ในนั้นวันนั้นของเรา เก็บเงินเก็บทองที่เราคิดว่าเดี๋ยวเงินก็ออก เดี๋ยวค่อยเก็บ
ความรู้สึกของพี่ในวันนี้คือ เรามันแย่ เรามันเห่ย เรามันทำไม่ได้ เรามันไม่ได้เรื่อง แล้วพอมาคิดย้อนไป ในหัวก็จะมีแต่คำว่า
"ถ้าตอนนั้นเราขยันกว่านี้" "ถ้าตอนนั้นเราเริ่มเก็บเงิน" "ถ้าตอนนั้นเรากล้าลงทุน"
ถ้า ถ้า ถ้า มีแต่คำนี้เต็มไปหมด
วันนี้ของพี่ก็เลยทำได้แค่ ตั้งสติ คิดใหม่ ทำใหม่ พยายามใช้ชีวิตเพื่อที่ว่า อีก 10 ปีข้างหน้า พี่มองย้อนชีวิตตัวเองกลับมา จะไม่เสียใจเหมือนวันนี้
ก็เลยอยากฝากถึงน้องๆ ทั้งวัยเรียน วัยทำงาน อะไรที่เราชอบ อะไรที่เราอยากทำ อะไรที่มีโอกาสได้ลอง (ในเรื่องดีๆนะ) ทำไปเหอะค่ะ
ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นประสบการณ์ เราไม่มีทางรู้ อีก 2 ปี 5 ปี 10 ปี เราจะเจอใคร เราจะเจอสังคมแบบไหน อย่าใช้ชีวิตวันๆ แบบพี่
เพราะสุดท้ายแล้ว "เราคือคนสร้างโอกาสให้ตัวเราเอง" มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก ที่ได้รู้ว่าเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา เราน่าจะได้สร้างความ
เปลี่ยนแปลงอะไรที่ดีกว่านี้ แต่เรากลับย่ำอยู่ตรงนี้ ตรงที่ทุกคนเค้าไปไกลแล้ว
เลยอยากฝากเอาไว้ เผื่อประสบการณ์ ข้อคิดชีวิตพี่ เผื่อจะทำให้น้องๆ ไม่ต้องมาเป็นแบบพี่ในอนาคต ที่มองอดีตที่แก้ไขไม่ได้ตัวเอง
แล้วได้แต่คร่ำครวญว่าเราทำไม ไม่ทำให้ดีกว่านี้ ไม่ต้องมาคิดแต่คำว่า "ถ้า" ที่มันไม่สามารถเกิดได้ในชีวิตจริง
ยาวหน่อย แต่หวังจะได้ประโยชน์กันไปบ้างนะคะ
((เป็นไปได้งดมาม่านะคะ ตอนนี้ชีวิตตัวเองก็กินมาม่าเยอะพอแล้ว รู้ตัวแล้วว่าทำตัวเอง อย่าซ้ำเติมกันเลยนะคะ))