“Driving in the UK 🇬🇧 “ ความเหมือน ความแตกต่างในการขับรถที่ UK กับเมืองไทย ที่ตัวเองสังเกตเห็น




“Driving in the UK 🇬🇧 “

Part 2 : ความเหมือน ความแตกต่างในการขับรถที่ UK กับเมืองไทย ที่ตัวเองสังเกตเห็น

เอ้าpart 1 อยู่ไหน ??
อยู่นี่ค่า

What’s congestion charge?

https://www.facebook.com/371155426352941/posts/1493956964072776?sfns=mo

••••

ตอนอยู่เมืองไทย เรียนจบใหม่ๆ
นี่เคยทำงานเป็นเซลล์ขายสารเคมีตามโรงงานใหญ่ๆ ต้องขับรถไปทั่ว ทุกวัน

แม่ตัวเองไม่อยากให้ทำเลย เพราะกลัวอันตรายในระหว่างขับรถ แต่ส่วนตัว เมื่อยังเด็กไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายใดๆ

แต่ทำงานได้แค่ครึ่งปี ก็ลาออกเพื่อเตรียมตัวจะมาอังกฤษ

พอมาอังกฤษแล้ว กว่าจะได้สอบใบขับขี่ และได้ขับรถเองจริงๆจังๆ ก็ ปี 2011 (7 ปี หลังจากที่ได้มาอยู่อังกฤษแล้ว) เพราะย้ายบ้านจากลอนดอนออกมาอยู่ต่างจังหวัด บ้านนอกมากๆ ระบบการขนส่งสาธารณะไม่ดี ต้องขับรถเอง ก่อนหน้านี้อยู่ลอนดอน ไม่มีความจำเป็นในการใช้รถเลย เพราะระบบขนส่งสาธารณะดีอยู่แล้ว

พอมาขับรถที่อังกฤษ แล้วกลับไปขับรถเมืองไทย
ถึงได้รู้ว่า เออ ขับรถที่เมืองไทยนี่อันตรายจริงๆ

และจากการค้นคว้าพบว่า ประเทศไทยมีจำนวนคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากเป็นอันดับต้นๆของโลก (ปี 2018 เป็นอันดับ2 ลองจาก Libya)

ที่เค้าว่า ถ้าขับรถที่เมืองไทยได้ และยังมีชีวิตอยู่ คุณก็สามารถขับรถที่ไหนก็ได้ในโลกนี้  นั่นเห็นท่าจะจริง

••••

สิ่งที่ต้องเรียนรู้คร่าวๆ เมื่อจะมาขับรถที่ UK

📍ใบขับขี่
ใครที่มีใบขับขี่ไทยอยู่แล้ว สามารถไปทำใบขับขี่สากลที่ขนส่งที่ กทม แถวจตุจักร แล้วเอามาใช้ที่ UK ได้ มีอายุใช้งาน ประมาณ 1 ปี

📍ขับรถฝั่งไหน
ขับฝั่งซ้าย พวงมาลัยขวา ซึ่งเหมือนเมืองไทย และประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อย่างเช่นอินเดีย และประเทศในยุโรปบางประเทศ เช่น มัลต้า ไซปรัส และบางประเทศเช่น ออสเตรเลีย อเมริกาใต้ ประเทศในแถบ Caribbean ซึ่งจะต่างจากประเทศในฝั่งยุโรปและอเมริกา

📍เช่ารถบริษัทไหนดี
อันนี้ไม่รู้จริงๆค่ะ มีหลายบริษัทให้เลือก รับและคืนรถที่ไหนก็แล้วแต่ นี่มีประสบการณ์ยืมแค่ที่บริษัทเดียวคือ Europcar ตอนย้ายบ้านเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แค่นั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไร ..ใครมีประสบการณ์อยากแชร์ เชิญค่ะ จะขอบคุณมาก
☺️

📍car seat และ seat belt เข็มขัดนิรภัย
ถ้าเดินทางกับเด็ก เด็กต้องนั่งคาร์ซีท ตั้งแต่แรกเกิดจนเด็กอายุ 12 ปี หรือ มีความสูงมากกว่า135 cm และทุกคนที่นั่งรถต้องคาดเข็มขัดนิรภัย

📍speed limits
ที่อังกฤษใช้หน่วยความเร็วเป็น ไมล์
1 Mile = 1.609 kilometres

การจำกัดความเร็วก็ขึ้นอยู่กับประเภทของถนน

📍speed camera
กล้องสีเหลืองๆตามข้างทาง ไม่สามารถเอารูปจากกูเกิลมาได้ เพราะ copyrights ใครอยากเห็นรูป ลองเสริชดูได้เลย speed camera uk
ใน UK จะมีกล้องตรวจจับความเร็ว ประมาณ 2,838 ตัว ทั่ว UK แต่มีแค่ครึ่งเดียวที่ทำงาน 😅😅
บางครั้ง เวลาเราไม่เห็นกล้อง แต่จะมีตำรวจแอบจอดรถ ดักจับความเร็วก็มีค่ะ ดังนั้นอย่าชะล่าใจไปเชียว สามีเคยโดน ตำรวจตั้งกล้องจับความเร็ว สามีขับรถเกินลิมิตไปนิดหน่อย โดนปรับ และให้เลือกระหว่างไปอบรม กับตัดแต้มใบขับขี่ สามีเลือกไปอบรม

ค่าปรับจะประมาณ 60-100 ปอด์น ตัดแต้มใบขับขี่ 3 แต้ม ถ้าโดนตัดแต้มมากกว่า 12 แต้มจะโดนยึดใบขับขี่ และห้ามขับรถ

📍roundabout วงเวียน
ขับรถที่เมืองไทยทีไร พอถึงวงเวียนจะปวดหัวที่สุด เหมือนคนไทยส่วนใหญ่ไม่เคยเรียนว่า ให้คนขับรถที่มาจากด้านขวามือ... ย้ำ “เวลาเจอวงเวียน ให้หยุด และให้รถด้านขวามือไปก่อน”
ถ้าไม่หยุด มันก็จะอีรุงตุงนังไปหมด
ที่อังกฤษ ถนนต่างจังหวัด เส้นตามรอยต่อเมือง หรือตามเมืองเล็กๆ จะมีวงเวียนเยอะมากค่ะ ก็จะมีคนผิดกฎอยู่บ้าง วันก่อนก็มีรถแวนขับปาดหน้าเราไปตรงวงเวียน ก็ต้องคอยระวัง แต่ก็จะปวดหัวน้อยกว่าที่เมืองไทย

📍การทำไฟกระพริบที่อังกฤษ ไม่ได้หมายความว่า ฉันขอไปก่อน แต่หมายความว่า “ขอบคุณ” เวลาคุณหยุดให้รถอีกคนผ่านไปก่อน หรือจะทำท่าแบมือแล้วยกมือขึ้น ก็ได้

📍อายุขั้นต่ำในการขับรถ
อายุ 17 ปี ก็สามารถมีใบขับขี่ได้แล้ว แต่เวลาจะยืมรถ บางบริษัทคนที่จะยืมรถต้องอายุ 20 ปีขึ้นไป ต้องดูเงื่อนไขของแต่ละบริษัท

📍กฎง่ายๆเวลาขับรถ
- เจอทางม้าลาย ถ้ามีคนรอข้ามอยู่ต้องจอดให้คนข้าม
- รถหวอ อย่างเช่น พยาบาล รถตำรวจ รถดับเพลิง มา ต้องหลบ ชะลอ หรือ ต้องจอดข้างทาง ให้รถพวกนี้ผ่านก่อน ไม่จอดนี่มีปรับ ค่าปรับก็แพง
- สังเกตดูป้ายจราจร แล้วก็ทำตาม
- ห้ามขับรถขณะมึนเมา

📍โทรศัพท์มือถือ satnav
- ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือเวลาขับรถ คือ ห้ามถือกับมือ ต้องใช้อุปกรณ์ Hands free ช่วย อย่าง หูฟัง Bluetooth ถ้าตำรวจเห็น เค้าสามารถเรียกให้จอดได้ ปรับคะแนนสามแต้ม ค่าปรับอย่างแพง (200 -2,000 ปอด์น x 40= 8,000-80,000บาท) แถมขึ้นศาล ยึดใบขับขี่ได้
https://www.gov.uk/using-mobile-phones-when-driving-the-law

📍ขับรถที่นี่ UK ไม่ยากคะ ขับตามกฏจราจร ตามป้าย ตาม speed limit
ที่นี่ไม่นิยมรถจักรยานยนต์เครื่องไม่แรง แบบคันเล็กเหมือนบ้านเราที่ขับทั่วไป เพราะรถจักรยานยนต์แบบนั้นไม่สามารถขับตามถนนใหญ่ๆได้
ต้องเป็น big bike ที่เครื่องแรงๆเท่านั้น

และแม่อีฟอยู่ที่นี่มาสิบกว่าปี ไม่เคยเห็นตำรวจตั้งด่านตรวจโน่นนี่นั่น โดยเฉพาะใบขับขี่ แต่ก็น่าจะมีตำรวจเรียกให้จอดบ้างนะ นี่เคยโดนครั้งนึง ตำรวจเรียกจอด แต่แค่ถามว่าไปดื่มที่ไหนมารึเปล่า เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงคริสต์มัส พอบอกว่าเปล่า ตำรวจก็อวยพรคริสต์มัส ปีใหม่ แค่นั้น 😀

📍มาขับรถที่ UK เอาความเกรี้ยวกราดเวลาขับรถตามท้องถนนที่เมืองไทยไว้ที่เมืองไทยนะคะ

ที่นี่มีคนขับรถไม่ตามกฎจราจรเหมือนกัน แต่จำนวนก็จะน้อยกว่ามาก เพราะระบบที่เคร่งครัดกว่า ไม่ว่าจะเป็นค่าปรับ หรือการหักแต้มใบขับขี่ ถ้าโดนหักแต้มมากๆ มีขึ้นโรงขึ้นศาล ค่าประกันรถก็จะแพง ต่อใบขับขี่ก็จะยาก หรือโดนยึดใบขับขี่ ขับรถไม่ได้เลย คือระบบทำให้เราไม่กล้าที่จะทำผิดกฎหมาย  มันไม่คุ้ม เลยขับสบายกว่าที่เมืองไทยเยอะเลย อย่างน้อยก็ไม่ค่อยมีรถจักรยานยนต์ปาดหน้าปาดหลังให้กวนใจมากมายนัก ขับรถต่างจังหวัดจะขับง่ายกว่าขับรถในเมืองใหญ่ๆ แต่ก็ต้องระวังถนนแคบๆ

📍หวังว่าคนที่จะมาเที่ยว UK 🇬🇧 จะสนุกและได้ความประทับใจกลับไป

พิมพ์ไปพิมพ์มาเอ้า ยาวเนาะ นี่แค่คร่าวๆ

ใครอยากหารายละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปอ่านในเว็บของรัฐบาลอังกฤษได้เลย ที่นี่ค่ะ

📍 https://www.gov.uk/browse/driving/highway-code-road-safety

หรือจะ search ในกูเกิลก็ได้

ขออภัยไม่มีรูปประกอบคำอธิบาย เพราะ copyrights ค่ะ

และข้อความทั้งหมดนี้ขอสงวนลิขสิทธิ์ เพราะแปลเอง และมาจากประสบการณ์ส่วนตัวบ้าง
ถ้าผิดพลาดยังไงก็ขออภัย แต่คิดว่าไม่ผิด แต่ก็ไม่เป๊ะทั้งหมด เพราะเป็นข้อบทกฎหมาย  ถ้าจะให้เป๊ะๆ ลองดูที่เว็บไซต์รัฐบาลเลยจ้า  ... แต่ถ้าใครจะแชร์แชร์ได้เลย

••••

เขียนลงในเพจเฟสบุ๊คของตัวเอง

https://www.facebook.com/MummyEveGoWithTheKids/

คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะเดินทางมาอังกฤษ ไม่ว่าจะมาเที่ยวแบบขับรถเอง หรือ มาอยู่อาศัย และต้องการจะสอบใบขับขี่

เลยเอาข้อความมาลงไว้ที่พันทิปด้วย

ขอบคุณมากนะคะ ที่เข้ามาอ่านกัน ใครมีประสบการณ์จะร่วมด้วยช่วยแชร์มาเม้าท์กัน ก็จะยินดีมาก



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่