5 วันกับการตะลุยเก็บร้านเด็ดรอบกรุงปารีส
ก่อนเข้าเรื่องเราฝากเพจเราด้วยน้า และหากสงสัยอะไรสามารถส่งข้อความมาสอบถามได้จ้า
https://www.facebook.com/trailanderror9465/
เมื่อไม่นานมานี้เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวปารีสกับเพื่อนเป็นครั้งแรกจ้า เราไปเที่ยวปารีสทั้งหมด 5 วัน มีร้านอาหารที่อยากไปอยู่หลายร้าน พยายามจะไปให้ได้ทุกร้านที่ตั้งใจ แต่ก็จะมีพลาดบ้าง เช่น ร้านปิด หรือขี้เกียจเดินหาแล้ว ก็จะทานร้านง่ายๆแทนจ้า เราจะไม่พูดพร่ำทำเพลง ไปเริ่มกันที่ร้านแรกเลยจ้า
1.
Le Saint-Régis เป็นร้านสไตล์ปารีเซียง บรรยากาศดี ไม่มีรถพลุกพล่าน พนักงานน่ารักมาก(เราไปปารีสเราเจอพนักงานน่ารักทุกร้านเลยจ้า) ร้าน Le Saint-Régis จะตั้งอยู่บนเกาะอีลแซ็ง-ลูย (Île Saint-Louis) ซึ่งเป็น1 ใน 2 เกาะกลางแม่น้ำแซน โดยอีกเกาะที่อยู่ติดกันจะเป็นที่ตั้งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างโบถส์นอเทรอดาม(Notre Dame Cathedral)ด้วย
🕚ที่นี่เปิดให้บริการตั้งแต่ 07.00น.- 02.00น. คือแทบจะไม่ปิดเลย ในร้านมีบาร์ด้วยค่ะ แต่เราไปทานอาหารเช้ากัน เลยไม่มีโอกาสได้ลองค่ะ ถ้าไปช่วงเวลาอื่นๆ จะมีพวก Tapas หรือ Steak ซึ่งสามารถสั่งมาทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ได้จ้า
📍การเดินทางสามารถนั่ง Metro ไปลงสถานี Pont Marie หรือบัส สถานี Pont Louis Philippe แล้วเดินบนสะพาน Pont Louis Philippe ข้ามแม่น้ำแซนไป ก็จะพบกับร้าน Le Saint-Régis ที่ตั้งอยู่หัวมุมถนนเลยจ้า
เริ่มต้นที่อาหารเช้าจานแรก พวกเราไม่พลาดที่จะสั่ง Poached Eggs Bénédictine จานนี้ราคา 16 ยูโร โดยรวมเราว่าโอเค ไม่ได้ว้าวมาก ตัวเบคอนทอดมาพอดีไม่กรอบจนเกรียม แต่ก็ไม่เหนียวจนเกินไป ส่วนตัวซอส Hollandaise รสชาติก็อยู่ในระดับโอเคจ้า
อาหารเช้าจานถัดมาคือไข่คน หรือ Scrambled Eggs จานนี้ 7.5 ยูโรจ้า ไข่คือนุ่มมากก ทานแล้วเบาๆดี ส่วนตัวเราชอบนะ แล้วก็ไม่รู้สึกเลี่ยนด้วย
เครื่องดื่ม พวกเราสั่งทั้งโกโก้ร้อนและลาเต้ร้อน โกโก้ในปารีสส่วนใหญ่ก็จะข้นๆ หนืดๆ กันแทบจะทุกร้าน ต่างกันที่หนืดน้อยหนืดมาก หวานน้อยหวานมาก ที่ร้าน Le Saint-Régis เราให้อยู่ในระดับกลางๆ คือไม่หนืดมาก เราว่าหนือน้อยกว่าร้านอื่นเลยแหละ และไม่หวานมาก(จริงๆมันก็หวานนะ) เมื่อเที่ยบกับร้านอื่นในปารีสด้วยกัน โดยส่วนตัวเราว่าโกโก้ที่นี่น่าจะโอเคสำหรับคนไทยพอสมควรจ้า ส่วนลาเต้ร้อนอยู่ในระดับปานกลางคือทานได้ รสชาติพอควร ทานเป็นเครื่องดื่มคาเฟอีนคู่กับอาหารเช้า ถ้าไม่อยากยุ่งยากไปเดินหาร้านกาแฟ เราว่าโอเคเลย
2.
Léon de Bruxelles มาถึงปารีสทั้งทีต้องไม่พลาดร้านนี้ ร้านขายหอยแมลงภู่ชื่อดังของปารีส ร้านนี้มีอยู่หลายสาขามากทั่;กรุงปารีส สาขาที่เราไปทานคือ สาขา Champs Elysées
🕚ที่นี่เปิดให้บริการตั้งแต่ 11.45น. - เที่ยงคืน แนะนำว่าถ้าจะมาทานควรเลี่ยงเวลาที่คนส่วนใหญ่รับประมานอาหารในมื้อนั้น เพราะต้องรอคิวหน่อยค่ะ ให้มาก่อนเวลาสักนิด หรือหลังเวลามื้อนั้นสักหน่อยจ้า
📍การเดินทางมาที่สาขานี้ สามารถนั่ง Metro มาลงสถานี George V หรือ Bus มาลงสถานีใดก็ได้บนถนน Champs Elysées แล้วมองหา Shop Nike หรือ
ร้านขายเครื่องสำอาง Sephora เพราะร้านจะอยู่ถัดจาก Shop Nike และอยู่ตรงข้ามกับ Sephora จ้า
มาทานอาหารที่นี่ จานแรกที่ต้องสั่งเลยคือหอยแมลงภู่อบ Signature Dish ของทางร้าน ซึ่งจะถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับเฟรนช์ฟรายส์ร้อนๆ คือดีมากกค่ะ และ อีกหนึ่งอย่างที่เราสั่งคือ Ceasar Salad Fish มาทานคู่กับหอยแมลงภู่ ตัวผักสดกรอบ ชีสดี และปลาอร่อย โดยรวมคือดีมากก ราคาค่าอาหารมื้อนี้ สำหรับ 2 คน อยู่ที่ 41.6 ยูโรเท่านั้นจ้า
**ส่วนน้ำดื่ม เวลาเราไปทานร้านอาหาร เราจะสั่งเป็น Tap water ค่ะ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ จะไม่มีใน Choice น้ำดื่มนะ เราต้องบอกพนักงานเองค่ะ ว่า Tap water please! ถึงเค้าจะไม่เสนอ เราก็ต้องบอกเค้าไปค่ะ;) โดยส่วนตัวน้ำก๊อกที่ยุโรปตั้งแต่เราดื่มมายังไม่เจอที่ไหนที่มีกลิ่น หรือมีรส และเราก็ไม่เคยเกิดอาการอาหารเป็นพิษจากการดื่มน้ำก๊อกค่ะ แต่ถ้าเป็นคน Sensitve ทางร้านอาหารจะมีน้ำดื่มขวดให้สั่งอยู่แล้วน้า
3.
Restaurant Malibu African Food 1 ในร้านที่ดังในหมู่คนไทยมากก มาร้านนี้ต้องเจอคนไทยแน่ๆ และเป็นร้านที่ใครมาปารีสต้องมาทาน เป็นร้านที่คนไทยเรียกกันว่า ร้านไก่ดำนั่นเองจ้า
🕚 ร้านไก่ดำเปิดให้บริการ 2 ช่วงเวลา คือ 12.00น. - 15.00น. และ 19.00น. - 01.00น. ค่ะ
📍การเดินทาง ให้นั่ง Metro มาลงสถานี Étienne Marcel จากนั้นก็เดินตาม Google Map โลดเลยจ้า
เมนูที่ต้องสั่งไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องแชร์กับเพื่อน จานใครจานคนนั้น สั่งเหมือนกันทุกจาน เมนูนั้นคือ Poulet Braise เป็นอกไก่ย่างครึ่งชิ้น,ข้าวสวยหรือข้าวมัน,กล้วยย่าง,และซอส 3 อย่าง โดยทางร้านจะแยกข้าวมาเป็นจานใหญ่ๆ 1 จานให้แบ่งกันค่ะ และซอส 3 ถ้วยให้เลือกตักเอง จะบอกว่านอกจากไก่ที่ย่างมาดีมากแล้ว กล้วยที่เสิร์ฟมาเป็นเครื่องก็ดีมากกก เช่นกัน ปกติแล้วเราเป็นคนทานกล้วยยากมาก แต่ว่าเราสามารถทานกล้วยย่างนี่ได้แบบสบายๆเลย และรู้สึกว่าอร่อยจริงๆ ราคาไก่ดำต่อจาน 19 ยูโรเท่านั้น และ มี Tap water บริการด้วยเช่นกันจ้า
ซอส 3 ถ้วย ถ้วยแรกทางซ้ายมือจะคล้ายๆกับซอสมะเขือเทศแต่ไม่เปรี้ยวเท่ากับซอสมะเขือเทศ ส่วนตรงกลางเราว่าคล้ายๆมายองเนส สลัดครีม บีบน้ำเลมอน ประมาณนั้น ส่วนถ้วยขวามือสุดจะมันๆ เปรี้ยวๆ โดยรวมคือดีเช่นกัน เราทานซอสสีครีมกับสีเขียวมากสุด นอกจากซอส 3 อย่าง บนโต๊ะจะมีแม็กกี้ ซึ้งเราหยดลงบนเข้า และพริกตำซึ่งดีมากกกก เผ็ดสุดๆ ทานกับไก่ย่าง ทำให้หายคิดถึงอาหารไทยเลยจ้า
4.
Café de Flore ถ้าหากใครเคยดูซีรีย์ฝรั่งวัยรุ่นชื่อดัง Gossip girl ต้องเคยเห็นคาเฟ่นี้ผ่านตา ตอนที่เซรีน่ากับแบลร์ไปใช้ชีวิตซัมเมอร์ที่ปารีส และ ใช่จ้า แค่เรารู้ว่าร้านนี้เคยไปโผล่ใน Gossip Girl แม้จะเสี้ยววินาที เราก็จับนางใส่ในแพลนของเราเลยทันทีแบบไม่ต้องคิดมากเลยเด้อออ จริงๆแล้วร้านนี้ถือเป็นร้านฮิตอันดับต้นๆของปารีส บล็อกเก้อหลายๆคนก็ชอบไปถ่ายรูปร้านนี้ค่ะ
🕚Café de Flore จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 7.30น. -1.30น.ค่ะ ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมไปทานอาหารที่ Café de Flore เป็นBreakfast หรือ Brunch จ้า
📍การเดินทาง ให้นั่ง Metro หรือ Bus มาลงสถานี Saint-Germain-des-Prés ซึ่งสถานีหรือป้ายจะอยู่ไม่ไกลจากร้านค่ะ จากนั้นเดินต่อประมาณ 100 เมตรจ้า
จานแรกที่เราสั่งคือ Soft-Boiled Eggs ซึ่งจะเสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปังบาแก็ต ไข่ลวก ลวกมากำลังพอดีมาก คือไม่สุกเกินไปหรือดิบเกินไป ส่วนขนมปังบาแก็ตที่นี่ เราว่าดีกว่าร้านอื่นๆเลยนะ เพราะไม่แข็งหรือเหนียวจนเกินไปแบบเคี้ยวไม่ออก จานนี้ราคา 12.20 ยูโร
จานต่อมาค่ือ Omelette จานนี้เราเฉยๆ เราว่าคล้ายไข่เจียวแบบางๆ ที่ไม่ใส่น้ำมัน เมนูนี้ราคาอยู่ที่ 11.20 ยูโรจ้า
มาถึง Signature ของร้าน ที่หลายๆคนบอกว่าถ้ามาที่นี่ต้องสั่ง และต้องมาเช้าๆ ก่อน 10-11 โมง เพราะไม่งั้นจะไม่ได้ทาน นั้นคือ ครัวซองต์จ้า รสชาติโอเคตามมาตรฐานครัวซองต์ฝรั่งเศส กรอบ บาง และหอมเนย แต่ก็ไม่ได้ว้าวมาก ใครมาที่นี่ก็ลองสั่งมาทานกันน้า ราคาต่อชิ้น 3 ยูโรจ้า
มาต่อที่ เครื่องดื่มอีกหนึ่ง Signature ของที่นี่ นั่นคือ Special Flore Chocolate หรือช็อคโกแลตร้อน เราว่าที่นี่ Texture คือหนืดๆนิดหน่อย เราให้ความหวานอยู่ที่ระดับปานกลางเมื่อเทียบกับร้านอื่นในปารีส ส่วนตัวถือว่าโอเค ดื่มได้ แต่สำหรับคนไม่ทานหวาน ถ้าดื่มมากๆ ก็แอบแสบคอเหมือนกันจ้า ราคาต่อแก้วอยู่ที่ 7.50 ยูโร
เครื่องดื่มอีกแก้ว สำหรับคนต้องทานกาแฟทุกเช้านั่นคือ Coffee With Cream จ้า รสชาติโอเคตามมาตรฐาน และราคาแก้วละ 5.90 ยูโรจ้า
5.
Kunitoroya มากันที่ร้านต่อมากันเลยจ้า ถ้าหากใครมาเที่ยวปารีสแล้วเบื่ออาหารยุโรป เกิดอาการอยากทานอาหารเอเชียบ้าง เราแนะนำร้านนี้เลย ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังของปารีส Kunitoroya อยู่โซน Japan Town ถัดจาก Palais Royal (ลานเสารูปทรงกระบอก สีขาว-ดำที่นักท่องเที่ยวชอบไปถ่ายรูปนั่นแหละจ้า) ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์ลูฟ
🕚เวลาเปิดปิดของที่นี่มี 2 ช่วงเวลาคือ 12.15 น. - 02.30น. และ 19.30น. - 22.30น. ส่วนวันอาทิตร้านจะเปิดแค่ช่วงเที่ยงค่ะ และปิดทำการในวันจันทร์ ดังนั้น ถ้าใครจะแวะไปทานก็เช็คเวลากันดีๆน้า
📍การเดินทาง ให้นั่ง Metro มาลงสถานี Pyramides หรือ Palais Royal Musée du Louvre ก็แล้วแต่ตามสะดวกเลยจ้า แต่ถ้านั่งสายสีชมพูมาแล้วก็ลง สถานี Pyramides จะใกล้กว่าค่ะ จากนั้นก็เดินลัดเลาะตามซอย เดินตาม Google Map ได้เลยจ้า
มื้อที่เราไปทานกัน คือมื้อเที่ยง โดยอาหารที่เราสั่งจานแรกนี้คือ Zaru Udon ค่ะ จริงๆแล้วที่นี่เค้าดัง Udon มากๆจ้า เมนู Udon จะอยู่เป็นอันดับแรกในเมนูเลย จะบอกว่าเส้นอุด้งเค้าคือดีมากกก เหนียวนุ่ม ลวกมาได้กำลังดี ไม่รู้สึกแป้งๆเลย ทานคู่กับทซึยุ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าทซึยุก็ดี ใสๆ ไม่เค็มเกิน คือดีมากเช่นกันจ้าา ราคา Zaru Udon 10 ยูโรเท่านั้นเด้ออ
จานต่อมาค่ะ คือ Katsudon ข้าวหน้าหมูทอดญี่ปุ่นนั้นเอง จะบอกว่าดีมากก หมูทอดมาร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน ราดมาพร้อมกับไข่ โรยด้วยหอมซอยและสาหร่าย คือดีจริงๆ ส่วนข้าวก็ดีมากเช่นกัน ร้อน และนุ่ม แบบญี่ปุ่นเป๊ะๆเลยจ้า จะบอกว่าแนะนำมากๆ สำหรับคนที่อยากทานข้าวค่ะ ราคาจานนี้อยู่ที่ 16 ยูโรจเด้อ
มาที่จานกลางจานสุดท้ายกันค่ะ คือ Tempura Moriawase เป็นเทมปุระรวม กุ้งเทมปุระคือดีมาก กรอบนอกนุ่มใน ผักก็อร่อยค่ะ ทอดมาร้อนๆ ไม่มีกลิ่นเหม็นน้ำมันเลยค่ะ จานนี้ราคา 18 ยูโรจ้า
[CR] [Trailanderror] ปารีสครั้งแรกกับร้านอาหารที่ต้องไป
ก่อนเข้าเรื่องเราฝากเพจเราด้วยน้า และหากสงสัยอะไรสามารถส่งข้อความมาสอบถามได้จ้า https://www.facebook.com/trailanderror9465/
เมื่อไม่นานมานี้เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวปารีสกับเพื่อนเป็นครั้งแรกจ้า เราไปเที่ยวปารีสทั้งหมด 5 วัน มีร้านอาหารที่อยากไปอยู่หลายร้าน พยายามจะไปให้ได้ทุกร้านที่ตั้งใจ แต่ก็จะมีพลาดบ้าง เช่น ร้านปิด หรือขี้เกียจเดินหาแล้ว ก็จะทานร้านง่ายๆแทนจ้า เราจะไม่พูดพร่ำทำเพลง ไปเริ่มกันที่ร้านแรกเลยจ้า
1.Le Saint-Régis เป็นร้านสไตล์ปารีเซียง บรรยากาศดี ไม่มีรถพลุกพล่าน พนักงานน่ารักมาก(เราไปปารีสเราเจอพนักงานน่ารักทุกร้านเลยจ้า) ร้าน Le Saint-Régis จะตั้งอยู่บนเกาะอีลแซ็ง-ลูย (Île Saint-Louis) ซึ่งเป็น1 ใน 2 เกาะกลางแม่น้ำแซน โดยอีกเกาะที่อยู่ติดกันจะเป็นที่ตั้งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างโบถส์นอเทรอดาม(Notre Dame Cathedral)ด้วย
🕚ที่นี่เปิดให้บริการตั้งแต่ 07.00น.- 02.00น. คือแทบจะไม่ปิดเลย ในร้านมีบาร์ด้วยค่ะ แต่เราไปทานอาหารเช้ากัน เลยไม่มีโอกาสได้ลองค่ะ ถ้าไปช่วงเวลาอื่นๆ จะมีพวก Tapas หรือ Steak ซึ่งสามารถสั่งมาทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ได้จ้า
📍การเดินทางสามารถนั่ง Metro ไปลงสถานี Pont Marie หรือบัส สถานี Pont Louis Philippe แล้วเดินบนสะพาน Pont Louis Philippe ข้ามแม่น้ำแซนไป ก็จะพบกับร้าน Le Saint-Régis ที่ตั้งอยู่หัวมุมถนนเลยจ้า
เริ่มต้นที่อาหารเช้าจานแรก พวกเราไม่พลาดที่จะสั่ง Poached Eggs Bénédictine จานนี้ราคา 16 ยูโร โดยรวมเราว่าโอเค ไม่ได้ว้าวมาก ตัวเบคอนทอดมาพอดีไม่กรอบจนเกรียม แต่ก็ไม่เหนียวจนเกินไป ส่วนตัวซอส Hollandaise รสชาติก็อยู่ในระดับโอเคจ้า
อาหารเช้าจานถัดมาคือไข่คน หรือ Scrambled Eggs จานนี้ 7.5 ยูโรจ้า ไข่คือนุ่มมากก ทานแล้วเบาๆดี ส่วนตัวเราชอบนะ แล้วก็ไม่รู้สึกเลี่ยนด้วย
เครื่องดื่ม พวกเราสั่งทั้งโกโก้ร้อนและลาเต้ร้อน โกโก้ในปารีสส่วนใหญ่ก็จะข้นๆ หนืดๆ กันแทบจะทุกร้าน ต่างกันที่หนืดน้อยหนืดมาก หวานน้อยหวานมาก ที่ร้าน Le Saint-Régis เราให้อยู่ในระดับกลางๆ คือไม่หนืดมาก เราว่าหนือน้อยกว่าร้านอื่นเลยแหละ และไม่หวานมาก(จริงๆมันก็หวานนะ) เมื่อเที่ยบกับร้านอื่นในปารีสด้วยกัน โดยส่วนตัวเราว่าโกโก้ที่นี่น่าจะโอเคสำหรับคนไทยพอสมควรจ้า ส่วนลาเต้ร้อนอยู่ในระดับปานกลางคือทานได้ รสชาติพอควร ทานเป็นเครื่องดื่มคาเฟอีนคู่กับอาหารเช้า ถ้าไม่อยากยุ่งยากไปเดินหาร้านกาแฟ เราว่าโอเคเลย
2. Léon de Bruxelles มาถึงปารีสทั้งทีต้องไม่พลาดร้านนี้ ร้านขายหอยแมลงภู่ชื่อดังของปารีส ร้านนี้มีอยู่หลายสาขามากทั่;กรุงปารีส สาขาที่เราไปทานคือ สาขา Champs Elysées
🕚ที่นี่เปิดให้บริการตั้งแต่ 11.45น. - เที่ยงคืน แนะนำว่าถ้าจะมาทานควรเลี่ยงเวลาที่คนส่วนใหญ่รับประมานอาหารในมื้อนั้น เพราะต้องรอคิวหน่อยค่ะ ให้มาก่อนเวลาสักนิด หรือหลังเวลามื้อนั้นสักหน่อยจ้า
📍การเดินทางมาที่สาขานี้ สามารถนั่ง Metro มาลงสถานี George V หรือ Bus มาลงสถานีใดก็ได้บนถนน Champs Elysées แล้วมองหา Shop Nike หรือ
ร้านขายเครื่องสำอาง Sephora เพราะร้านจะอยู่ถัดจาก Shop Nike และอยู่ตรงข้ามกับ Sephora จ้า
มาทานอาหารที่นี่ จานแรกที่ต้องสั่งเลยคือหอยแมลงภู่อบ Signature Dish ของทางร้าน ซึ่งจะถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับเฟรนช์ฟรายส์ร้อนๆ คือดีมากกค่ะ และ อีกหนึ่งอย่างที่เราสั่งคือ Ceasar Salad Fish มาทานคู่กับหอยแมลงภู่ ตัวผักสดกรอบ ชีสดี และปลาอร่อย โดยรวมคือดีมากก ราคาค่าอาหารมื้อนี้ สำหรับ 2 คน อยู่ที่ 41.6 ยูโรเท่านั้นจ้า
**ส่วนน้ำดื่ม เวลาเราไปทานร้านอาหาร เราจะสั่งเป็น Tap water ค่ะ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ จะไม่มีใน Choice น้ำดื่มนะ เราต้องบอกพนักงานเองค่ะ ว่า Tap water please! ถึงเค้าจะไม่เสนอ เราก็ต้องบอกเค้าไปค่ะ;) โดยส่วนตัวน้ำก๊อกที่ยุโรปตั้งแต่เราดื่มมายังไม่เจอที่ไหนที่มีกลิ่น หรือมีรส และเราก็ไม่เคยเกิดอาการอาหารเป็นพิษจากการดื่มน้ำก๊อกค่ะ แต่ถ้าเป็นคน Sensitve ทางร้านอาหารจะมีน้ำดื่มขวดให้สั่งอยู่แล้วน้า
3.Restaurant Malibu African Food 1 ในร้านที่ดังในหมู่คนไทยมากก มาร้านนี้ต้องเจอคนไทยแน่ๆ และเป็นร้านที่ใครมาปารีสต้องมาทาน เป็นร้านที่คนไทยเรียกกันว่า ร้านไก่ดำนั่นเองจ้า
🕚 ร้านไก่ดำเปิดให้บริการ 2 ช่วงเวลา คือ 12.00น. - 15.00น. และ 19.00น. - 01.00น. ค่ะ
📍การเดินทาง ให้นั่ง Metro มาลงสถานี Étienne Marcel จากนั้นก็เดินตาม Google Map โลดเลยจ้า
เมนูที่ต้องสั่งไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องแชร์กับเพื่อน จานใครจานคนนั้น สั่งเหมือนกันทุกจาน เมนูนั้นคือ Poulet Braise เป็นอกไก่ย่างครึ่งชิ้น,ข้าวสวยหรือข้าวมัน,กล้วยย่าง,และซอส 3 อย่าง โดยทางร้านจะแยกข้าวมาเป็นจานใหญ่ๆ 1 จานให้แบ่งกันค่ะ และซอส 3 ถ้วยให้เลือกตักเอง จะบอกว่านอกจากไก่ที่ย่างมาดีมากแล้ว กล้วยที่เสิร์ฟมาเป็นเครื่องก็ดีมากกก เช่นกัน ปกติแล้วเราเป็นคนทานกล้วยยากมาก แต่ว่าเราสามารถทานกล้วยย่างนี่ได้แบบสบายๆเลย และรู้สึกว่าอร่อยจริงๆ ราคาไก่ดำต่อจาน 19 ยูโรเท่านั้น และ มี Tap water บริการด้วยเช่นกันจ้า
ซอส 3 ถ้วย ถ้วยแรกทางซ้ายมือจะคล้ายๆกับซอสมะเขือเทศแต่ไม่เปรี้ยวเท่ากับซอสมะเขือเทศ ส่วนตรงกลางเราว่าคล้ายๆมายองเนส สลัดครีม บีบน้ำเลมอน ประมาณนั้น ส่วนถ้วยขวามือสุดจะมันๆ เปรี้ยวๆ โดยรวมคือดีเช่นกัน เราทานซอสสีครีมกับสีเขียวมากสุด นอกจากซอส 3 อย่าง บนโต๊ะจะมีแม็กกี้ ซึ้งเราหยดลงบนเข้า และพริกตำซึ่งดีมากกกก เผ็ดสุดๆ ทานกับไก่ย่าง ทำให้หายคิดถึงอาหารไทยเลยจ้า
4.Café de Flore ถ้าหากใครเคยดูซีรีย์ฝรั่งวัยรุ่นชื่อดัง Gossip girl ต้องเคยเห็นคาเฟ่นี้ผ่านตา ตอนที่เซรีน่ากับแบลร์ไปใช้ชีวิตซัมเมอร์ที่ปารีส และ ใช่จ้า แค่เรารู้ว่าร้านนี้เคยไปโผล่ใน Gossip Girl แม้จะเสี้ยววินาที เราก็จับนางใส่ในแพลนของเราเลยทันทีแบบไม่ต้องคิดมากเลยเด้อออ จริงๆแล้วร้านนี้ถือเป็นร้านฮิตอันดับต้นๆของปารีส บล็อกเก้อหลายๆคนก็ชอบไปถ่ายรูปร้านนี้ค่ะ
🕚Café de Flore จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 7.30น. -1.30น.ค่ะ ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมไปทานอาหารที่ Café de Flore เป็นBreakfast หรือ Brunch จ้า
📍การเดินทาง ให้นั่ง Metro หรือ Bus มาลงสถานี Saint-Germain-des-Prés ซึ่งสถานีหรือป้ายจะอยู่ไม่ไกลจากร้านค่ะ จากนั้นเดินต่อประมาณ 100 เมตรจ้า
จานแรกที่เราสั่งคือ Soft-Boiled Eggs ซึ่งจะเสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปังบาแก็ต ไข่ลวก ลวกมากำลังพอดีมาก คือไม่สุกเกินไปหรือดิบเกินไป ส่วนขนมปังบาแก็ตที่นี่ เราว่าดีกว่าร้านอื่นๆเลยนะ เพราะไม่แข็งหรือเหนียวจนเกินไปแบบเคี้ยวไม่ออก จานนี้ราคา 12.20 ยูโร
จานต่อมาค่ือ Omelette จานนี้เราเฉยๆ เราว่าคล้ายไข่เจียวแบบางๆ ที่ไม่ใส่น้ำมัน เมนูนี้ราคาอยู่ที่ 11.20 ยูโรจ้า
มาถึง Signature ของร้าน ที่หลายๆคนบอกว่าถ้ามาที่นี่ต้องสั่ง และต้องมาเช้าๆ ก่อน 10-11 โมง เพราะไม่งั้นจะไม่ได้ทาน นั้นคือ ครัวซองต์จ้า รสชาติโอเคตามมาตรฐานครัวซองต์ฝรั่งเศส กรอบ บาง และหอมเนย แต่ก็ไม่ได้ว้าวมาก ใครมาที่นี่ก็ลองสั่งมาทานกันน้า ราคาต่อชิ้น 3 ยูโรจ้า
มาต่อที่ เครื่องดื่มอีกหนึ่ง Signature ของที่นี่ นั่นคือ Special Flore Chocolate หรือช็อคโกแลตร้อน เราว่าที่นี่ Texture คือหนืดๆนิดหน่อย เราให้ความหวานอยู่ที่ระดับปานกลางเมื่อเทียบกับร้านอื่นในปารีส ส่วนตัวถือว่าโอเค ดื่มได้ แต่สำหรับคนไม่ทานหวาน ถ้าดื่มมากๆ ก็แอบแสบคอเหมือนกันจ้า ราคาต่อแก้วอยู่ที่ 7.50 ยูโร
เครื่องดื่มอีกแก้ว สำหรับคนต้องทานกาแฟทุกเช้านั่นคือ Coffee With Cream จ้า รสชาติโอเคตามมาตรฐาน และราคาแก้วละ 5.90 ยูโรจ้า
5.Kunitoroya มากันที่ร้านต่อมากันเลยจ้า ถ้าหากใครมาเที่ยวปารีสแล้วเบื่ออาหารยุโรป เกิดอาการอยากทานอาหารเอเชียบ้าง เราแนะนำร้านนี้เลย ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังของปารีส Kunitoroya อยู่โซน Japan Town ถัดจาก Palais Royal (ลานเสารูปทรงกระบอก สีขาว-ดำที่นักท่องเที่ยวชอบไปถ่ายรูปนั่นแหละจ้า) ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์ลูฟ
🕚เวลาเปิดปิดของที่นี่มี 2 ช่วงเวลาคือ 12.15 น. - 02.30น. และ 19.30น. - 22.30น. ส่วนวันอาทิตร้านจะเปิดแค่ช่วงเที่ยงค่ะ และปิดทำการในวันจันทร์ ดังนั้น ถ้าใครจะแวะไปทานก็เช็คเวลากันดีๆน้า
📍การเดินทาง ให้นั่ง Metro มาลงสถานี Pyramides หรือ Palais Royal Musée du Louvre ก็แล้วแต่ตามสะดวกเลยจ้า แต่ถ้านั่งสายสีชมพูมาแล้วก็ลง สถานี Pyramides จะใกล้กว่าค่ะ จากนั้นก็เดินลัดเลาะตามซอย เดินตาม Google Map ได้เลยจ้า
มื้อที่เราไปทานกัน คือมื้อเที่ยง โดยอาหารที่เราสั่งจานแรกนี้คือ Zaru Udon ค่ะ จริงๆแล้วที่นี่เค้าดัง Udon มากๆจ้า เมนู Udon จะอยู่เป็นอันดับแรกในเมนูเลย จะบอกว่าเส้นอุด้งเค้าคือดีมากกก เหนียวนุ่ม ลวกมาได้กำลังดี ไม่รู้สึกแป้งๆเลย ทานคู่กับทซึยุ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าทซึยุก็ดี ใสๆ ไม่เค็มเกิน คือดีมากเช่นกันจ้าา ราคา Zaru Udon 10 ยูโรเท่านั้นเด้ออ
จานต่อมาค่ะ คือ Katsudon ข้าวหน้าหมูทอดญี่ปุ่นนั้นเอง จะบอกว่าดีมากก หมูทอดมาร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน ราดมาพร้อมกับไข่ โรยด้วยหอมซอยและสาหร่าย คือดีจริงๆ ส่วนข้าวก็ดีมากเช่นกัน ร้อน และนุ่ม แบบญี่ปุ่นเป๊ะๆเลยจ้า จะบอกว่าแนะนำมากๆ สำหรับคนที่อยากทานข้าวค่ะ ราคาจานนี้อยู่ที่ 16 ยูโรจเด้อ
มาที่จานกลางจานสุดท้ายกันค่ะ คือ Tempura Moriawase เป็นเทมปุระรวม กุ้งเทมปุระคือดีมาก กรอบนอกนุ่มใน ผักก็อร่อยค่ะ ทอดมาร้อนๆ ไม่มีกลิ่นเหม็นน้ำมันเลยค่ะ จานนี้ราคา 18 ยูโรจ้า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้