อีก 1 วันโกนที่อยากมาเล่าแบ่งปสก.จากการนอนสมาธิแล้วไปพบเจอเรื่องราวแปลกๆ

อีก 1 วันโกนที่อยากมาเล่าแบ่งปสก.จากการนอนสมาธิแล้วไปพบเจอเรื่องราวแปลกๆ(ความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ)

เวลานอนเราจะกำหนดสมาธินอน ระลึกถึงความตายว่าหากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการนอนหลับแล้วเราอาจไม่มีโอกาสตื่นขึ้นมาเลยก็ได้ ก่อนนอนก็จะนอนมองหน้าลูก มองสามี ในใจคิดว่าถึงเวลาไปก็ต้องไป ทำแบบนี้มาเป็นเวลานานจนเริ่มชินบ้าง แต่ก็ยังตอบไม่ได้ว่า หากความตายมาถึงตนเองจริงๆจะทำใจได้มากน้อยแค่ไหน.

หลังจากนั้นเราก้อนอน กำหนดพุทโธๆๆไปเรื่อยๆ จนจิตรวมนิ่งดิ่ง สติมั่นคงดี กำหนดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจิตสงบนิ่งพอสมควร มองเห็นแสงสว่างไกลๆเป็นรูเหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เวลานั่งสมาธิหรือนอนสมาธิ หากเราจะเจอเรื่องราวแปลกๆมักจะมาในลักษณะนี้

สิ่งที่เราทำ ณ ขณะนั้นคือกำหนดจิต วางเฉย อะไรจะเกิดก็เกิดให้รู้อยู่อย่างเดียว หากเราไปบังคับหรือมีความตื่นเต้นอยากรู้ขึ้นมาเมื่อไหร่ จิตเราจะถอนแล้วสะดุดทันที อันนี้เริ่มรู้ทางบ้างเพราะเจอแนวนี้บ่อยเลยพอรู้วิธีวางจิต(แล้วแต่บุคคลนะคะ อันนี้เป็นวิธีของเราวางเฉยแล้วได้ผล จิตไม่ถอน) ต่อนะคะ

มีความรู้สึกเหมือนตนเองนั่งรถรางมีล้อเลื่อนชักไปข้างหน้าวิ่งตรงไปที่แสงปลายอุโมงค์นั้น ใจหวิวๆสั่นๆแต่สติมั่นคงดี พอถึงปลายอุโมงค์มีความรู้สึกว่าแสงจ้ามากจนเราต้องหลับตาแล้ว ตัวเราเหมือนมันว๊าปมายืนอยู่ในวัดๆหนึ่งตนเองใส่ชุดขาวแบบใส่ไปปฏิบัติธรรม

แล้วมีหญิงอายุราวๆสัก70 ปี ใส่ชุดขาวเดินมาที่เราแล้วบอกให้เรารีบไปต่อแถวรับน้ำปานะและของทำบุญ เราก็ยืน งงๆ หญิงคนนั้นก็ชี้ไปที่กลุ่มคนที่กำลังยืนต่อคิวกันในมือแต่ละคนถือขันเงินขันทองคนละ 1 ใบ เราก็เดินไปต่อคิวมีคนมารอทำบุญเยอะมากที่เห็นจะมีโต๊ะวางของเหมือนเวลาเราทำโรงทานเรียงยาวต่อกันแล้วก็มีคนมายืนเหมือนเตรียมของมาใส่บาตรมาทำโรงทาน.

เราเดินต่อคิวในมือมีขันทองอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ในขันจะมีน้ำใสมีดอกมะลิลอยอยู่ เราก็ลองยกขึ้นมาดม มีกลิ่นดอกมะลิหอมชื่นใจมาก หญิงอายุ 70 ปีที่เราเจอครั้งแรกก็เดินมาที่เราแล้วบอกเราว่าน้ำดื่มนี้ดื่มได้นะ

แล้วเราก็ได้ยินผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่ชุดขาวเหมือนจนท.วัดพูดขึ้นว่า เมื่อถึงคิวรับน้ำปานะและของทำบุญห้ามหันไปมองด้านข้างหรือด้านหลังเด็ดขาดให้มองที่ขันเงินขันทองหรือมองไปที่ญาติธรรมที่มาทำบุญเท่านั้น

เมื่อถึงคิวรับน้ำปานะ มีคนตักเหมือนน้ำเต้าหู้ใส่ขันให้เราแล้วน้ำเต้าหู้มันก็หายไปในขัน แล้วเขาก็เอาส้มกับแอปเปิ้ลใส่ลงในขันให้เรา แล้วส้มกับแอปเปิ้ลก็หายไปในขัน ทีแรกเราก็ยังสงสัยว่าทำไมเขาให้ขันใบเล็กจังยังไงจะใส่พอ แต่ที่เราเห็นทั้งน้ำ/ผลไม้/ข้าว/สิ่งของใส่ลงในขันแล้วหายไปในขันทั้งหมด สิ่งที่มองเห็นในขันยังคงเห็นแค่น้ำเปล่าโรยด้วยดอกมะลิเท่านั้น เดินรับน้ำปานะและของทำบุญไปเรื่อยๆโดยมีคนตะโกนบอกห้ามมองไปด้านข้างและข้างหลังเด็ดขาดตลอดระยะทาง

แต่เหมือนยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งทำให้เราอยากรู้มากขึ้นว่ามันมีอะไร เมื่อจนท.เผลอเราก็เหลียวไปมองข้างๆทางฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งเราก็มองเห็นมีคนสัตว์ต่อแถวเดินสวนทางกับแถวของพวกเราและอยู่กันคนละฝั่ง มองไปเราเห็นมีคน หมู  วัว ควายและสัตว์นาๆชนิด แต่ที่สะดุดตาเราคือพี่ที่เรารู้จักซึ่งแกเพิ่งเสียไปเมื่ออาทิตย์ก่อนแกเป็นพี่ชายเพื่อนของเรา แกเสียชีวิตจากการดื่มเหล้าแล้วหัวใจวายเฉียบพลัน ตายคาวงเหล้า เราเห็นพวกเขามีโซ่ตรวนคล้องคอกันทุกคนบางคนมีเลือดอาบหน้า ใจตอนนั้นเต้นโครมครามเลย รีบหันกลับมาก่อนที่จนท.จะหันกลับมาเห็นว่าเราแอบดู

พอรับน้ำปานะเสร็จ หญิงวัย 70 คนเดิมก็ตะโกนบอกให้แยกแถวเป็น 4 แถว ช/ญ ถือขันเงิน ขันทอง แยกกัน  ในแถวที่แยกออกมามีประมาณ 10 คนแถวเราเป็นหญิงถือขันทองทั้งหมด แล้วก็มีจนท.มายืนคุมที่หัวแถว แถวของเราคนที่คุมคือหญิงวัย 70ปีคนที่เราเจอครั้งแรก หญิงคนนั้นบอกกับพวกเราว่า หากเราหิวน้ำหรือนึกอยากกินของที่รับมาจากญาติธรรมให้พวกเรากำหนดจิตนึกถึงสิ่งนั้น เขาให้พวกเราลองทำดู เราก็ลองกำหนดจิตนึกอยากกินแอปเปิ้ล ในขันของเราตอนนี้ปรากฏว่ามีแอปเปิ้ลอยู่ เขาบอกพวกเราต่อไปว่าให้กำหนดจิตกินอิ่ม เราก็ลองทำตาม มันเป็นเรื่องแปลกมากๆทั้งๆที่เรายังไม่ได้หยิบแอปเปิ้ลเข้าปากแต่ทำไมเหมือนมีความรู้สึกว่าได้กินแอปเปิ้ลแล้วและรู้สึกอิ่ม หรือที่เขาเรียกว่าสภาวเป็นทิพย์ตามที่เคยอ่านเจอในหนังสือ อันนี้คือเราคิดนะคะ หญิงวัย 70 ปีหันมาที่เราแล้วยิ้มและตอบว่าใช่ อิ่มทิพย์

แล้วเขาก้อให้พวกเราเดินตามเขาไปเป็นกลุ่มใครกลุ่มมัน เราเดินผ่านอาคารหลายอาคารจนมาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งลักษณะเหมือนบ้านจัดสรรชั้นเดียวมีบริเวณรอบล้อมไปด้วยบ่อปลาและมีสระบัว

แล้วหญิงวัย70 ก็พูดขึ้นว่านี่คือที่พักของพวกเธอ เข้าไปดู พวกเราทยอยกันเดินเข้าไปดูข้างในเป็นห้องโถงโล่งๆเพียงห้องเดียวมีฟูกที่นอนสีขาวปูไว้ทั้งหมด 10ฟูก  บนหัวนอนมีชื่อ-สกุลติดไว้ มีคนหนึ่งพูดขึ้นว่าทำไมได้นอนห้องรวมไม่มีแยกห้องเหรอ หญิงวัย 70 ปี ตอบว่าทำบุญไว้เท่าไหร่บุญก้อจัดสรรให้ตามนั้นค่ะ

มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บ้านจัดสรรหลังใหญ่เพียงคนเดียว. บางคนก็อยู่เป็นบ้านไม้ เป็นเหมือนแฟลต มีหลากหลายแบบ

เราลองเดินออกมาดูด้านนอกจะมีบ่อปลาคร๊าาฟล้อมรอบที่พักเรา มีสระบัวงดงามมาก สถานที่ดูร่มรื่นดีและที่สังเกตคืออากาศดีสดชื่นเย็นสบายมีกลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนกลิ่นดอกปีปตลอดเวลา

เราเห็นหญิง 70ปีคนเดิมยืนเหมือนจดอะไรอยู่เราจึงเดินไปถามในสิ่งที่เราสงสัย เราถามเขาว่านี่เราตายแล้วเหรอ เขาตอบว่ายัง
เราถามต่อว่าถ้าเราตายเราจะมาอยู่ที่นี่ใช่ไหม เขาตอบ. ถ้าช่วงเวลานี้ใช่ แต่เรายังไม่หมดอายุขัย เราอาจจะได้อยู่ในที่ๆดีกว่านี้หรือแย่ลงกว่านี้ก็ได้ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา

เขาบอกใกล้เวลาล่ะ ที่เขาให้มานี้เพื่อจะบอกให้เรามั่นใจในสิ่งที่เราทำและปฏิบัติอยู่ชีวิตหลังความตายมีจริง กลับไปให้หมั่นสร้างความดี ละความชั่ว
สิ่งที่เห็นนี้แค่บางส่วนตามกำลังเวลาที่บุญจัดสรรให้ตอนนี้หมดเวลาแล้วจงหลับตาแล้วกลับไป

เมื่อหญิงวัย 70 พูดจบเหมือนมีลมแรงมากมาปะทะที่หน้าของเราจนต้องหลับตามีความรู้สึกว่าลมแรงมากถึงกับต้องกลั้นลมหายใจแล้วเราก้อรู้สึกตัวขึ้นค่อยๆกำหนดผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ แล้วก็ลุกขึ้นมาบันทึกเรื่องราวนี้ไว้

เราเชื่อว่าชีวิตหลังความตายมีแน่นอน(ความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ)มีหลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้เราเชื่ออย่างนั้น ที่เขียนเล่าปสก.นี้เพื่อแบ่งปันในสิ่งที่เห็นมา บางคนว่าฝันหรือเปล่าก็สุดแล้วแต่จะพิจารณานะคะ

หวังว่าเรื่องของเราจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่