คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
1. " แอปพลิเคชัน “มายด์ฟิต” ตรวจสอบอาการซึมเศร้าด้วยตนเอง " ...
https://mgronline.com/qol/detail/9610000075286
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้" แอปพลิเคชัน “มายด์ฟิต” ตรวจสอบอาการซึมเศร้าด้วยตนเอง "
( เผยแพร่: 29 ก.ค. 2561 15:51 ปรับปรุง: 29 ก.ค. 2561 18:11 โดย: MGR Online )
รพ.พระศรีมหาโพธิ์ พัฒนาแอปพลิเคชัน “มายด์ฟิต” ตรวจสอบอาการซึมเศร้าด้วยตัวเอง หวังเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น ป้องกันลดอาการซึมเศร้า
นพ.ประภาส อุครานันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า แอปพลิเคชัน “มายด์ฟิต” ถูกออกแบบมาให้สามารถตรวจสอบพลังใจ เพื่อวัดความเศร้าของตัวเองด้วยคำถามภาษาวัยรุ่น 9 คำถาม และมีกิจกรรมคลายความเศร้า ซึ่งคล้ายกับการเล่นเกม เน้นการปรับเปลี่ยนความคิด พฤติกรรม และการคิดบวก ซึ่งจะสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ ทำให้วัยรุ่นมีอาการดีขึ้น และหายซึมเศร้าในที่สุด โดยแอปพลิเคชันนี้ได้คิดค้น พัฒนาและวิจัย ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหลายด้าน ถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย เข้ากับการใช้ชีวิตประจำวันของวัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟน เนื่องจากพบวัยรุ่นมีอาการโรคซึมเศร้ามากขึ้นถึงร้อยละ 40-49 และมีภาวะซึมเศร้ารุนแรงร้อยละ 13-22 ซี่งเป็นสาเหตุการฆ่าตัวตายของวัยรุ่นไทยและทั่วโลก
“ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าตัวเองป่วย คิดว่าเป็นเพียงอาการเซ็ง เบื่อโลก หรือเป็นอาการเครียดทั่วไป และไม่กล้าไปพบจิตแพทย์ โดยผลการเฝ้าระวังและเข้าถึงบริการของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าสะสมตั้งแต่ปี 2552 ถึงเดือนกรกฎาคม 2561 มีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทั่วประเทศถึง 1,430,563 ราย แต่มีผู้ได้เข้ารับการรักษาเพียง 882,847 ราย คิดเป็นร้อยละ 60.32 หากสงสัยว่าตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดมีอาการซึมเศร้า ขอให้ลองเข้าใช้แอพพลิเคชั่นมายด์ฟิต เพื่อตรวจสอบภาวะซึมเศร้า ซึ่งหากไม่ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ แนะนำให้ปรึกษาสายด่วน 1323 โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน” นพ.ประภาส กล่าว
2. " คนไทยป่วยโรคซึมเศร้า 1.5 ล้านคน ย้ำพบแพทย์กินยารักษาตั้งแต่เริ่ม โอกาสหายมีสูง "
https://www.hfocus.org/content/2018/05/15877
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้" คนไทยป่วยโรคซึมเศร้า 1.5 ล้านคน ย้ำพบแพทย์กินยารักษาตั้งแต่เริ่ม โอกาสหายมีสูง "
( Wed, 2018-05-30 16:32 -- hfocus )
กรมสุขภาพจิต เผยคนไทยป่วยซึมเศร้า 1.5 ล้านคน เน้นย้ำให้ผู้ที่มีอาการซึมเศร้าทุกคนให้พบแพทย์เพื่อรับการรักษาด้วยยาและกระบวนการแพทย์ที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มเป็นใหม่ๆ โอกาสหายมีสูง เมื่ออาการดีขึ้นเป็นปกติ สามารถดูแลตัวเองต่อได้เช่นปฏิบัติธรรม ควบคู่กินยาต่อเนื่อง พร้อมแนะหลักปฏิบัติตัว 8 ประการ อาทิ อย่าพยายามบังคับตัวเอง หรือตั้งเป้าหมายสูงเกินไป อย่าตัดสินใจในเรื่องสำคัญในชีวิตมากๆขณะมีอาการ ไม่ควรตำหนิตัวเอง
นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์
นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงปัญหาโรคซึมเศร้าว่า ผลการศึกษาของกรมสุขภาพจิตคาดว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคนี้ร้อยละ 3 หรือมีประมาณ 1.5 ล้านคน แต่เข้าถึงการรักษายอดสะสมจนถึงขณะนี้เกือบร้อยละ 59 อีกร้อยละ 41 ยังไม่ได้รับการดูแลรักษา ซึ่งภาวะซึมเศร้านี้จัดเป็นความเจ็บป่วย ไม่ใช่คนมีจิตใจอ่อนแอ ผู้ที่เป็นจะมีความรู้สึกไม่สบายใจ เซ็ง ทุกข์ใจ เศร้า ท้อแท้ ซึม หงอย เบื่อ ไม่อยากพูดไม่อยากทำอะไร หรือทำอะไรก็ไม่สนุกเพลิดเพลินเหมือนเดิม
โดยผู้ที่มีอาการเกือบทั้งวันและเป็นติดต่อกันจนถึง 2 สัปดาห์ จะมีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า ต้องเข้ารับการรักษาโดยการกินยาควบคุมสารสื่อประสาทให้ทำงานเป็นปกติ ซึ่งมีบริการที่โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ทุกแห่งทั่วประเทศ ใช้เวลารักษาอย่างน้อย 6-9 เดือน ควบคู่กับกระบวนทางการแพทย์เช่นทำจิตสังคมบำบัดร่วมด้วย และเมื่ออาการเข้าสู่สภาวะปกติดีแล้ว สามารถดูแลตัวเองต่อโดยวิธีการอื่นๆ ได้เช่น เข้าวัดปฏิบัติธรรม ออกกำลังกาย แต่ถ้าไม่รีบรักษา อาการซึมเศร้าจะเป็นมากและรุนแรงขึ้น
ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ผู้ที่มีอาการ ปรึกษาแพทย์หรือจิตแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านทั่วประเทศ อย่าอายหมอ เพราะเป็นการเจ็บป่วย ต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน นพ.ณัฐกร จำปาทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า โรคซึมเศร้าเป็นภัยเงียบด้านสุขภาพ สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกอาชีพ มีอาการหลักที่ประชาชนสามารถสังเกตได้คือ 1.มีอารมณ์เศร้า หดหู่ ท้อแท้ ซึม หงอย ทั้งที่ตัวเองรู้สึก หรือคนอื่นก็สังเกตเห็น และ 2. เบื่อ ไม่อยากทำอะไร หรือทำอะไรก็ไม่สนุกเพลิดเพลินเหมือนเดิม ร่วมกับมีอาการอื่นๆเช่นเบื่ออาหารหรือกินมากเกินไป หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากไป คิดช้าพูดช้า ทำอะไรช้าลง หรือหงุดหงิด กระวนกระวาย รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง รู้สึกตนเองไร้ค่า สมาธิความคิดอ่านช้าลง คิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ หรืออยากทำร้ายตนเอง โดยอาการเหล่านี้เป็นอยู่เกือบทั้งวันและเป็นติดต่อกันจนถึง 2 สัปดาห์ มีผลให้การทำกิจวัตรประจำวัน การเข้าร่วมกิจกรรมด้านสังคม ทำหน้าที่การงานไม่ได้เหมือนเดิม หรือมีความทุกข์ทรมานใจอย่างเห็นได้ชัด หากไม่ได้รับการบำบัดรักษาอย่างถูกต้อง อาการจะคงอยู่นานเป็นเดือน เรื้อรังเป็นปี และกลับเป็นซ้ำได้บ่อย หากมีอาการซึมเศร้ารุนแรง อาจจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่าตัว
นพ.ณัฐกร กล่าวต่อว่า ผู้ที่มีอาการซึมเศร้าและอยู่ระหว่างการรักษา ขอให้กินยาอย่างต่อเนื่องครบตามแพทย์ให้การรักษา อย่าลดยาหรือปรับยาเองแม้ว่าจะรู้สึกว่าตัวเองอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม สามารถทำงานตามปกติ และขอให้ยึดหลักปฏิบัติ 8 ประการดังนี้
1.อย่าตั้งเป้าหมายในการทำงานและการปฏิบัติตัวที่ยากเกินไป หรือรับผิดชอบมากเกินไป
2.แยกแยะปัญหาใหญ่ๆ พร้อมทั้งจัดเรียงความสำคัญก่อนหลังและลงมือทำเท่าที่สามารถทำได้
3.อย่าพยายามบังคับตัวเองหรือตั้งเป้ากับตัวเองสูงเกินไป
4.พยายามทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น
5.เลือกทำกิจกรรมที่จะสร้างความรู้สึกที่ดีหรือเพลิดเพลินและไม่หนักเกินไป เช่นออกกำลังกายกายเบาๆ ฟังเพลง
6.อย่าตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตมากๆ เช่นหย่าร้าง ลาออกจากงาน โดยไม่ได้ปรึกษาผู้ใกล้ชิดที่เคารพหรือไว้ใจ ดีที่สุดคือควรเลื่อนการตัดสินใจออกไปจนกว่าอาการซึมเศร้าจะหายไปหรือดีขึ้นมาก
7.ไม่ควรตำหนิตัวเอง
8.อย่ายอมรับความคิดในแง่ร้ายที่เกิดขึ้นขณะมีอาการซึมเศร้าว่าเป็นส่วนที่แม้จริงของตัวเอง เพราะความคิดที่เกิดขึ้นมาจากการเจ็บป่วย
3. " คนไทย 1.5 ล้านคน เป็นโรคซึมเศร้า "
https://www.hfocus.org/content/2018/06/15949
https://mgronline.com/qol/detail/9610000075286
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้" แอปพลิเคชัน “มายด์ฟิต” ตรวจสอบอาการซึมเศร้าด้วยตนเอง "
( เผยแพร่: 29 ก.ค. 2561 15:51 ปรับปรุง: 29 ก.ค. 2561 18:11 โดย: MGR Online )
รพ.พระศรีมหาโพธิ์ พัฒนาแอปพลิเคชัน “มายด์ฟิต” ตรวจสอบอาการซึมเศร้าด้วยตัวเอง หวังเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น ป้องกันลดอาการซึมเศร้า
นพ.ประภาส อุครานันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า แอปพลิเคชัน “มายด์ฟิต” ถูกออกแบบมาให้สามารถตรวจสอบพลังใจ เพื่อวัดความเศร้าของตัวเองด้วยคำถามภาษาวัยรุ่น 9 คำถาม และมีกิจกรรมคลายความเศร้า ซึ่งคล้ายกับการเล่นเกม เน้นการปรับเปลี่ยนความคิด พฤติกรรม และการคิดบวก ซึ่งจะสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจ ทำให้วัยรุ่นมีอาการดีขึ้น และหายซึมเศร้าในที่สุด โดยแอปพลิเคชันนี้ได้คิดค้น พัฒนาและวิจัย ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหลายด้าน ถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย เข้ากับการใช้ชีวิตประจำวันของวัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟน เนื่องจากพบวัยรุ่นมีอาการโรคซึมเศร้ามากขึ้นถึงร้อยละ 40-49 และมีภาวะซึมเศร้ารุนแรงร้อยละ 13-22 ซี่งเป็นสาเหตุการฆ่าตัวตายของวัยรุ่นไทยและทั่วโลก
“ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าตัวเองป่วย คิดว่าเป็นเพียงอาการเซ็ง เบื่อโลก หรือเป็นอาการเครียดทั่วไป และไม่กล้าไปพบจิตแพทย์ โดยผลการเฝ้าระวังและเข้าถึงบริการของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าสะสมตั้งแต่ปี 2552 ถึงเดือนกรกฎาคม 2561 มีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทั่วประเทศถึง 1,430,563 ราย แต่มีผู้ได้เข้ารับการรักษาเพียง 882,847 ราย คิดเป็นร้อยละ 60.32 หากสงสัยว่าตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดมีอาการซึมเศร้า ขอให้ลองเข้าใช้แอพพลิเคชั่นมายด์ฟิต เพื่อตรวจสอบภาวะซึมเศร้า ซึ่งหากไม่ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ แนะนำให้ปรึกษาสายด่วน 1323 โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน” นพ.ประภาส กล่าว
2. " คนไทยป่วยโรคซึมเศร้า 1.5 ล้านคน ย้ำพบแพทย์กินยารักษาตั้งแต่เริ่ม โอกาสหายมีสูง "
https://www.hfocus.org/content/2018/05/15877
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้" คนไทยป่วยโรคซึมเศร้า 1.5 ล้านคน ย้ำพบแพทย์กินยารักษาตั้งแต่เริ่ม โอกาสหายมีสูง "
( Wed, 2018-05-30 16:32 -- hfocus )
กรมสุขภาพจิต เผยคนไทยป่วยซึมเศร้า 1.5 ล้านคน เน้นย้ำให้ผู้ที่มีอาการซึมเศร้าทุกคนให้พบแพทย์เพื่อรับการรักษาด้วยยาและกระบวนการแพทย์ที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มเป็นใหม่ๆ โอกาสหายมีสูง เมื่ออาการดีขึ้นเป็นปกติ สามารถดูแลตัวเองต่อได้เช่นปฏิบัติธรรม ควบคู่กินยาต่อเนื่อง พร้อมแนะหลักปฏิบัติตัว 8 ประการ อาทิ อย่าพยายามบังคับตัวเอง หรือตั้งเป้าหมายสูงเกินไป อย่าตัดสินใจในเรื่องสำคัญในชีวิตมากๆขณะมีอาการ ไม่ควรตำหนิตัวเอง
นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์
นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงปัญหาโรคซึมเศร้าว่า ผลการศึกษาของกรมสุขภาพจิตคาดว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคนี้ร้อยละ 3 หรือมีประมาณ 1.5 ล้านคน แต่เข้าถึงการรักษายอดสะสมจนถึงขณะนี้เกือบร้อยละ 59 อีกร้อยละ 41 ยังไม่ได้รับการดูแลรักษา ซึ่งภาวะซึมเศร้านี้จัดเป็นความเจ็บป่วย ไม่ใช่คนมีจิตใจอ่อนแอ ผู้ที่เป็นจะมีความรู้สึกไม่สบายใจ เซ็ง ทุกข์ใจ เศร้า ท้อแท้ ซึม หงอย เบื่อ ไม่อยากพูดไม่อยากทำอะไร หรือทำอะไรก็ไม่สนุกเพลิดเพลินเหมือนเดิม
โดยผู้ที่มีอาการเกือบทั้งวันและเป็นติดต่อกันจนถึง 2 สัปดาห์ จะมีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า ต้องเข้ารับการรักษาโดยการกินยาควบคุมสารสื่อประสาทให้ทำงานเป็นปกติ ซึ่งมีบริการที่โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ทุกแห่งทั่วประเทศ ใช้เวลารักษาอย่างน้อย 6-9 เดือน ควบคู่กับกระบวนทางการแพทย์เช่นทำจิตสังคมบำบัดร่วมด้วย และเมื่ออาการเข้าสู่สภาวะปกติดีแล้ว สามารถดูแลตัวเองต่อโดยวิธีการอื่นๆ ได้เช่น เข้าวัดปฏิบัติธรรม ออกกำลังกาย แต่ถ้าไม่รีบรักษา อาการซึมเศร้าจะเป็นมากและรุนแรงขึ้น
ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ผู้ที่มีอาการ ปรึกษาแพทย์หรือจิตแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านทั่วประเทศ อย่าอายหมอ เพราะเป็นการเจ็บป่วย ต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน นพ.ณัฐกร จำปาทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า โรคซึมเศร้าเป็นภัยเงียบด้านสุขภาพ สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกอาชีพ มีอาการหลักที่ประชาชนสามารถสังเกตได้คือ 1.มีอารมณ์เศร้า หดหู่ ท้อแท้ ซึม หงอย ทั้งที่ตัวเองรู้สึก หรือคนอื่นก็สังเกตเห็น และ 2. เบื่อ ไม่อยากทำอะไร หรือทำอะไรก็ไม่สนุกเพลิดเพลินเหมือนเดิม ร่วมกับมีอาการอื่นๆเช่นเบื่ออาหารหรือกินมากเกินไป หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากไป คิดช้าพูดช้า ทำอะไรช้าลง หรือหงุดหงิด กระวนกระวาย รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง รู้สึกตนเองไร้ค่า สมาธิความคิดอ่านช้าลง คิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ หรืออยากทำร้ายตนเอง โดยอาการเหล่านี้เป็นอยู่เกือบทั้งวันและเป็นติดต่อกันจนถึง 2 สัปดาห์ มีผลให้การทำกิจวัตรประจำวัน การเข้าร่วมกิจกรรมด้านสังคม ทำหน้าที่การงานไม่ได้เหมือนเดิม หรือมีความทุกข์ทรมานใจอย่างเห็นได้ชัด หากไม่ได้รับการบำบัดรักษาอย่างถูกต้อง อาการจะคงอยู่นานเป็นเดือน เรื้อรังเป็นปี และกลับเป็นซ้ำได้บ่อย หากมีอาการซึมเศร้ารุนแรง อาจจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่าตัว
นพ.ณัฐกร กล่าวต่อว่า ผู้ที่มีอาการซึมเศร้าและอยู่ระหว่างการรักษา ขอให้กินยาอย่างต่อเนื่องครบตามแพทย์ให้การรักษา อย่าลดยาหรือปรับยาเองแม้ว่าจะรู้สึกว่าตัวเองอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม สามารถทำงานตามปกติ และขอให้ยึดหลักปฏิบัติ 8 ประการดังนี้
1.อย่าตั้งเป้าหมายในการทำงานและการปฏิบัติตัวที่ยากเกินไป หรือรับผิดชอบมากเกินไป
2.แยกแยะปัญหาใหญ่ๆ พร้อมทั้งจัดเรียงความสำคัญก่อนหลังและลงมือทำเท่าที่สามารถทำได้
3.อย่าพยายามบังคับตัวเองหรือตั้งเป้ากับตัวเองสูงเกินไป
4.พยายามทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น
5.เลือกทำกิจกรรมที่จะสร้างความรู้สึกที่ดีหรือเพลิดเพลินและไม่หนักเกินไป เช่นออกกำลังกายกายเบาๆ ฟังเพลง
6.อย่าตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตมากๆ เช่นหย่าร้าง ลาออกจากงาน โดยไม่ได้ปรึกษาผู้ใกล้ชิดที่เคารพหรือไว้ใจ ดีที่สุดคือควรเลื่อนการตัดสินใจออกไปจนกว่าอาการซึมเศร้าจะหายไปหรือดีขึ้นมาก
7.ไม่ควรตำหนิตัวเอง
8.อย่ายอมรับความคิดในแง่ร้ายที่เกิดขึ้นขณะมีอาการซึมเศร้าว่าเป็นส่วนที่แม้จริงของตัวเอง เพราะความคิดที่เกิดขึ้นมาจากการเจ็บป่วย
3. " คนไทย 1.5 ล้านคน เป็นโรคซึมเศร้า "
https://www.hfocus.org/content/2018/06/15949
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
โรคซึมเศร้า
สุขภาพจิต
เป็นโรคซึมเศร้าค่ะ