สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
อยู่รัฐไหนคะ เราอยู่ Richmond, VA นะคะ มาเรียนต่อเหมือนกัน นี่ถ้านั่งรถเมล์ไปหาได้นี่ยินดีเลย จะไปไหนบอก
ไม่รู้จะแนะนำยังไง แค่อยากบอกว่า สามี จะเป็นแค่คนที่แต่งงานด้วยหรือคู่ชีวิตก็ได้รู้เช่นเห็นชาติกันคราวนี้ จขกท อดทนอีกนิดนะคะ
อีกไม่นานก็จะหายแล้ว อดทนรอวันของเรา อย่าพึ่งยอมแพ้ไปซะก่อนนะคะ เสียดายความรู้ ความสามารถ เดี๋ยวพอลุกขึ้นยืนได้เมื่อไหร่ก็เชิ่ดใส่เลยค่ะ ถ้ามีผัวแล้วจะร่วมแต่สุข ไม่ร่วมทุกข์ ก็ไม่มีดีกว่าค่ะ (ขอโทษที่พูดแรงนะคะ แต่เรารู้สึกแบบนี้จริงๆ) ตอนนี้ก็ อดทน อดทน และอดทน
เราเชื่อว่า จขกท ฝ่าฟันดิ้นรนจนมาเรียนถึงที่นี่ได้ สอบทุน เรียนจนจบ ป.เอก แสดงว่าคุณก็ต้องไม่ธรรมดา เชื่อมั่นในตัวเองมากๆ ตอนนี้คุณแค่ป่วย เดี๋ยวพอหายป่วยชีวิตก็จะกลับมาดีเหมือนเดิม ฟ้ามันไม่ครึ้มตลอไปหรอกค่ะ วันนึงแสงสว่างมันก็ต้องมา อดทนนิดนึงนะคะ ดีใจนิดนึงที่อย่างน้อยคุณก็ยังพบแพทย์ เราพึ่งมาเมกา ไม่รู้ว่าเรื่องระบสาธาณสุขที่นี่เท่าไหร่ ยังไง เจอหมอคราวหน้าลองปรึกษาหมอดูมั้ยคะ ทั้งเรื่องอาการและปัญหาต่างๆที่คุณต้องเจอ เช่น อย่างที่เมืองไทยถ้าคนที่สูงอายุหรือคนป่วยที่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ดีนักก็จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล อะไรแบบนี้น่ะค่ะ คุณนี่นอกจากเก่งแล้วก็ยังใจดีอีกเนาะ ยังอุตส่าห์พยายามเข้าใจสามี อย่าคิดสั้นนะคะ เราขอรว้องงงงงงงงง ช่วยสงวนตัวเองไว้เป็นความดีงามของโลกใบนี้ไปก่อน แบบคนเก่งแล้วดีด้วยมันหาไม่ค่อยมีน่ะค่ะ
จขกท อดทน นะ อีกไม่นานก็หายเป็นปกติแล้ว รอให้ถึงวันนั้นของคุณนะคะ มีอะไรก็มาระบายในนี้ได้ ดูยูทูปไรไป เราไม่อาจพูดได้ว่าเราเข้าใจความทุกข์ของคุณทั้งหมด แต่เราอยากให้คุณอดทนและผ่านตรงนี้ไปให้ได้ "เท่าที่คุยกับหมออีกไม่เกินปีน่าจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้" นี่ไง ความหวังของคุณ นี่มันก็จะสิ้น ก.พ. แล้ว วันนี้ เวลานี้ ของปีหน้า คุณจะกลับมาเป็นตัวเองที่เก่งและสดใสมั่นใจเหมือนเดิม คุณอาจจะด้ไปเที่ยวหรือทำอะไรสนุกๆอยู่ที่ไหนซักแห่ง แล้วเรื่องวันนี้ ตอนนี้ ก็จะกลายเป็นแค่ความทรงจำและบทเรียนอีกบทนึงของชีวิต คุณจะแข็งแกร่งขึ้นมากๆ แล้วคุณจะรู้ว่านอกจากคุณจะเรียนเก่งมากๆแล้ว คุณยังต่อสู้ชีวิตได้เก่งมากๆอีกด้วย คุณต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อรอเป็นคนที่สดใสในวันนั้น แล้วมองย้อนกลับมาในวันนี้ให้ได้นะคะ เราจะเป็นกำลังใจให้ มีอะไรก็มาระบายในนี้ได้เสมอ
ป.ล. อย่าลืมนะ ถ้าอยู่เมืองเดียวกะเรา หลังไมค์มาได้เลย เราจะยินดีมากๆ ถ้าเราได้ช่วยคุณ
ไม่รู้จะแนะนำยังไง แค่อยากบอกว่า สามี จะเป็นแค่คนที่แต่งงานด้วยหรือคู่ชีวิตก็ได้รู้เช่นเห็นชาติกันคราวนี้ จขกท อดทนอีกนิดนะคะ
อีกไม่นานก็จะหายแล้ว อดทนรอวันของเรา อย่าพึ่งยอมแพ้ไปซะก่อนนะคะ เสียดายความรู้ ความสามารถ เดี๋ยวพอลุกขึ้นยืนได้เมื่อไหร่ก็เชิ่ดใส่เลยค่ะ ถ้ามีผัวแล้วจะร่วมแต่สุข ไม่ร่วมทุกข์ ก็ไม่มีดีกว่าค่ะ (ขอโทษที่พูดแรงนะคะ แต่เรารู้สึกแบบนี้จริงๆ) ตอนนี้ก็ อดทน อดทน และอดทน
เราเชื่อว่า จขกท ฝ่าฟันดิ้นรนจนมาเรียนถึงที่นี่ได้ สอบทุน เรียนจนจบ ป.เอก แสดงว่าคุณก็ต้องไม่ธรรมดา เชื่อมั่นในตัวเองมากๆ ตอนนี้คุณแค่ป่วย เดี๋ยวพอหายป่วยชีวิตก็จะกลับมาดีเหมือนเดิม ฟ้ามันไม่ครึ้มตลอไปหรอกค่ะ วันนึงแสงสว่างมันก็ต้องมา อดทนนิดนึงนะคะ ดีใจนิดนึงที่อย่างน้อยคุณก็ยังพบแพทย์ เราพึ่งมาเมกา ไม่รู้ว่าเรื่องระบสาธาณสุขที่นี่เท่าไหร่ ยังไง เจอหมอคราวหน้าลองปรึกษาหมอดูมั้ยคะ ทั้งเรื่องอาการและปัญหาต่างๆที่คุณต้องเจอ เช่น อย่างที่เมืองไทยถ้าคนที่สูงอายุหรือคนป่วยที่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ดีนักก็จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล อะไรแบบนี้น่ะค่ะ คุณนี่นอกจากเก่งแล้วก็ยังใจดีอีกเนาะ ยังอุตส่าห์พยายามเข้าใจสามี อย่าคิดสั้นนะคะ เราขอรว้องงงงงงงงง ช่วยสงวนตัวเองไว้เป็นความดีงามของโลกใบนี้ไปก่อน แบบคนเก่งแล้วดีด้วยมันหาไม่ค่อยมีน่ะค่ะ
จขกท อดทน นะ อีกไม่นานก็หายเป็นปกติแล้ว รอให้ถึงวันนั้นของคุณนะคะ มีอะไรก็มาระบายในนี้ได้ ดูยูทูปไรไป เราไม่อาจพูดได้ว่าเราเข้าใจความทุกข์ของคุณทั้งหมด แต่เราอยากให้คุณอดทนและผ่านตรงนี้ไปให้ได้ "เท่าที่คุยกับหมออีกไม่เกินปีน่าจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้" นี่ไง ความหวังของคุณ นี่มันก็จะสิ้น ก.พ. แล้ว วันนี้ เวลานี้ ของปีหน้า คุณจะกลับมาเป็นตัวเองที่เก่งและสดใสมั่นใจเหมือนเดิม คุณอาจจะด้ไปเที่ยวหรือทำอะไรสนุกๆอยู่ที่ไหนซักแห่ง แล้วเรื่องวันนี้ ตอนนี้ ก็จะกลายเป็นแค่ความทรงจำและบทเรียนอีกบทนึงของชีวิต คุณจะแข็งแกร่งขึ้นมากๆ แล้วคุณจะรู้ว่านอกจากคุณจะเรียนเก่งมากๆแล้ว คุณยังต่อสู้ชีวิตได้เก่งมากๆอีกด้วย คุณต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อรอเป็นคนที่สดใสในวันนั้น แล้วมองย้อนกลับมาในวันนี้ให้ได้นะคะ เราจะเป็นกำลังใจให้ มีอะไรก็มาระบายในนี้ได้เสมอ
ป.ล. อย่าลืมนะ ถ้าอยู่เมืองเดียวกะเรา หลังไมค์มาได้เลย เราจะยินดีมากๆ ถ้าเราได้ช่วยคุณ
ความคิดเห็นที่ 4
เข้ามาให้กำลังใจ จขกท ค่ะ
อ่านจบ ด้วยความรู้สึกเห็นใจ จขกท มาก ตั้งหลัก และตั้งสติให้ดี ให้ใช้เวลาช่วงนี้ ไปเพื่อการทดสอบโจทย์ยากที่ชีวิตให้มา เชื่อว่า จขกท จะผ่านไปได้ในที่สุดค่ะ จะผ่านได้ ท่ามกลางความมืด แทบมองไม่เห็นทาง บอกกับตัวเองนะคะ ว่ายังมีหวังอยู่เสมอ เพราะคุณหมอก็บอกแล้วว่าอีกไม่เกินปีจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ ฟังดูเหมือนนาน แต่หากไม่พยายามนับวัน หากแต่ลืม ๆ มันไปเสียบ้าง วันคืนผ่านไปเร็ว ไม่นานก็กลับมาปกติเหมือนเดิม ในช่วงป่วยกายในลักษณะนี้ มีคนป่วยเป็นซึมเศร้ามาก เพราะไม่สามารถทำสิ่งที่เคยทำได้ได้ และต้องพึ่งพิงคนอื่น แต่ก็มีอีกมากเลยนะคะ ที่เขาหรือเธอ ไม่อาจกลับไปมีชีวิตปกติได้ ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม หลายคนถึงขั้นจบชีวิตตัวเองลง ในกรณีของ จขกท เราว่าโชคดีอีกกว่าหลาย ๆ คนเลย และนอกจากนี้ วันเวลาที่ดูเหมือนยากลำบาก ในความเป็นจริง หลังช่วงเวลานี้ผ่านไป จขกท อาจได้เรียนรู้สิ่งที่มีค่ากับชีวิตอีกมากก็เป็นได้ ขอว่าอย่าจบชีวิตลงก่อนที่ได้รู้จักและใช้ชีวิต ยังมีอีกหลายอย่างที่ จขกท อยากทำ และยังไม่ได้ทำ ประมาณปีเดียวไม่นานเลย อาจถือได้ว่าเป็นการพักผ่อนหลังเรียนจบ
เรื่องสามีของ จขกท เราคิดว่าเรื่องนี้ น่าจะสร้างความเจ็บช้ำทางใจให้ จขกท ไม่น้อยกว่าแผลผ่าตัด เรียกว่าประดังกันมาเลยทั้งกายและใจ อยากแนะนำให้วางเรื่องนี้ไว้ก่อน เอาการรักษาสุขภาพกายของตนให้ดีขึ้นก่อน ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับสามี ไว้ค่อยรอดูหลังจากนี้ อาจตอนใกล้หาย ไม่รู้จะบอกอย่างไร แต่อยากบอกว่า เรื่องใจคนนั้น ยากจะรู้ และการไม่พยายามและไม่ต้องการจะรู้นั้น หากทำได้ จะดีที่สุด ตราบเท่าที่เขายังทำหน้าที่ที่ดี ก็ยังเป็นคู่กัน ในเรื่องชีวิตครอบครัวต่อไป อยากให้ จขกท ทำใจเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้บ้าง ตอนนี้ คิดแบบนี้อาจยาก แต่เมื่อร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้น คิดเช่นนี้ น่าจะง่ายขึ้น
บอกกับตัวเองค่ะ ว่าจะเข้มแข็ง มีอารมณ์ขัน มีความสุขและไม่จบชีวิตตนเองลง ไม่ว่าชีวิตจะพาอะไรเข้ามา และจะผ้นแปรไปมากเท่าไรก็ตาม
อ่านจบ ด้วยความรู้สึกเห็นใจ จขกท มาก ตั้งหลัก และตั้งสติให้ดี ให้ใช้เวลาช่วงนี้ ไปเพื่อการทดสอบโจทย์ยากที่ชีวิตให้มา เชื่อว่า จขกท จะผ่านไปได้ในที่สุดค่ะ จะผ่านได้ ท่ามกลางความมืด แทบมองไม่เห็นทาง บอกกับตัวเองนะคะ ว่ายังมีหวังอยู่เสมอ เพราะคุณหมอก็บอกแล้วว่าอีกไม่เกินปีจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ ฟังดูเหมือนนาน แต่หากไม่พยายามนับวัน หากแต่ลืม ๆ มันไปเสียบ้าง วันคืนผ่านไปเร็ว ไม่นานก็กลับมาปกติเหมือนเดิม ในช่วงป่วยกายในลักษณะนี้ มีคนป่วยเป็นซึมเศร้ามาก เพราะไม่สามารถทำสิ่งที่เคยทำได้ได้ และต้องพึ่งพิงคนอื่น แต่ก็มีอีกมากเลยนะคะ ที่เขาหรือเธอ ไม่อาจกลับไปมีชีวิตปกติได้ ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม หลายคนถึงขั้นจบชีวิตตัวเองลง ในกรณีของ จขกท เราว่าโชคดีอีกกว่าหลาย ๆ คนเลย และนอกจากนี้ วันเวลาที่ดูเหมือนยากลำบาก ในความเป็นจริง หลังช่วงเวลานี้ผ่านไป จขกท อาจได้เรียนรู้สิ่งที่มีค่ากับชีวิตอีกมากก็เป็นได้ ขอว่าอย่าจบชีวิตลงก่อนที่ได้รู้จักและใช้ชีวิต ยังมีอีกหลายอย่างที่ จขกท อยากทำ และยังไม่ได้ทำ ประมาณปีเดียวไม่นานเลย อาจถือได้ว่าเป็นการพักผ่อนหลังเรียนจบ
เรื่องสามีของ จขกท เราคิดว่าเรื่องนี้ น่าจะสร้างความเจ็บช้ำทางใจให้ จขกท ไม่น้อยกว่าแผลผ่าตัด เรียกว่าประดังกันมาเลยทั้งกายและใจ อยากแนะนำให้วางเรื่องนี้ไว้ก่อน เอาการรักษาสุขภาพกายของตนให้ดีขึ้นก่อน ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับสามี ไว้ค่อยรอดูหลังจากนี้ อาจตอนใกล้หาย ไม่รู้จะบอกอย่างไร แต่อยากบอกว่า เรื่องใจคนนั้น ยากจะรู้ และการไม่พยายามและไม่ต้องการจะรู้นั้น หากทำได้ จะดีที่สุด ตราบเท่าที่เขายังทำหน้าที่ที่ดี ก็ยังเป็นคู่กัน ในเรื่องชีวิตครอบครัวต่อไป อยากให้ จขกท ทำใจเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้บ้าง ตอนนี้ คิดแบบนี้อาจยาก แต่เมื่อร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้น คิดเช่นนี้ น่าจะง่ายขึ้น
บอกกับตัวเองค่ะ ว่าจะเข้มแข็ง มีอารมณ์ขัน มีความสุขและไม่จบชีวิตตนเองลง ไม่ว่าชีวิตจะพาอะไรเข้ามา และจะผ้นแปรไปมากเท่าไรก็ตาม
แสดงความคิดเห็น
ซึมเศร้า พยายามฆ่าตัวตาย อยู่ต่างประเทศ หาหมอแล้วไม่หาย ไม่มีใครเลย ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
เราอยุ่เมกาค่ะ แต่งงานกับสามีมาสามปี เรียนอยู่ก่อนหน้านั้นอีก4ปี ช่วงที่เรียนเพื่อนเยอะมาก ไม่มีปัญหาเรื่องภาษาหรือการเข้าสังคม แต่พอเรียนจบ ทำงาน ทุกคนก็เริ่มย้ายเมืองกันไป เราย้ายเมืองตามสามีเพราะเค้าได้งานก่อน เมืองที่อยู่ตอนนี้ยังไม่ทันหางาน/หาเพื่อนใหม่ ดันไม่สบายซะก่อน
เริ่มซึมเศร้า(คิดว่า)น่าจะเริ่มจากตอนจับได้ว่าสามีนอกใจ แต่คุยกันว่าจะให้อภัยแล้วเริ่มต้นใหม่ ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวค่ะ เลยยังไม่ได้หาหมอ แต่เรารู้สึกได้ว่าพฤติกรรมเราเปลี่ยนไป ออกไปเจอเพื่อนน้อยลง จากคนที่แอคทีฟมากๆ ออกไปปีนเขาจ้อกกิ้งแทบทุกอาทิตย์ กลายเป็นไม่มีแรงจะทำอะไร หงุดหงิดฉุนเฉียวง่ายแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คิดว่าตัวเองไม่ดี โทษตัวเองว่าดีไม่พอทำให้สามีนอกใจ จนปีที่แล้วเราไม่สบายต้องผ่าตัด ละด้วยความที่ไม่มีคนรู้จักที่นี่เลย การดูแลทุกอย่างเลยตกอยู่ที่สามี เรื่องเงินไม่มีปัญหาเพราะมีประกัน+เงินเก็บค่ะ แต่การเยี่ยมไข้ดูแลหลังผ่าตัด เรากลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงตอนอายุ29 สามีเห็นเราเป็นภาระ ทำให้เค้าไม่ได้ใช้ชีวิตปาร์ตี้ไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนอย่างเคย เพราะต้องมาดูแลเรา เรามองสามีเป็นคนน่ารังเกียจเห็นแก่ตัว เราแย่ขนาดนี้ยังมีแก่ใจอยากไปเที่ยว
ตอนนี้ผ่านมาปีนึงหลังผ่าตัด เรายังไม่ฟื้นตัวดี ยังต้องทำกายภาพ แค่เดินในบ้านก็ลำบาก สามีไม่ค่อยอยากพาไปไหนเพราะรำคาญที่เราเดินช้า ถ้านั่งวีลแชร์ละเข็นแรงหรือชนอะไรนิดหน่อยก็เจ็บแผล ถ้าเราอยากได้อะไรเค้าจะให้จดมาแล้วไปหาให้ แต่เราอึดอัด อยู่แต่ในบ้าน อยากเปิดหูเปิดตาบ้าง แล้วด้วยความที่เพิ่งย้ายเมือง เลยไม่มีเพื่อนที่นี่เลย เพื่อนสนิทก็อยู่ไกล ทำได้แค่แชท/วิดีโอคอล แต่ไม่สะดวกมาเยี่ยม อยากไปทำกิจกรรมอะไรเบาๆที่ร่างกายพอไหวก็ต้องพึ่งสามีตลอด ซึ่งเค้าไม่เต็มใจ เค้าทำงานมาทั้งวันกลับมาก็อยากพัก วีคเอ็นอยากไปสังสรรค์กับเพื่อน สามีมองว่าเราอยู่บ้านสบายๆไม่ต้องทำงาน อยากกินไรเค้าก็หามาให้ นอนดูยูทูปชิวๆ เค้าเป็นฝ่ายทำงานหาเงินสำหรับสองคน เค้าสิเป็นฝ่ายเครียด เราไม่มีอะไรให้เครียดเลย
เราก็พยายามเข้าใจเค้าในจุดนี้ค่ะ จะให้มาแบกภาระดูแลเราตลอดเวลาก็ไม่ไหว แต่ด้วยความที่เค้าเคยนอกใจ เราเลยกลับมาระแวงค่ะ โดยเฉพาะยิ่งตอนนี้สภาพร่างกายเราไม่เหมือนก่อน เราเลยยิ่งจมดิ่งกับความคิดลบๆ ย่ำแย่สุดๆ บางทีเราแค่อยากไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ได้เลือกซื้อของเองบ้าง สามีเราไม่ยอม เพราะเสียเวลาเค้า กว่าเราจะออกจากบ้าน ต้องเตรียมวีลแชร์ นู่นนั่นนี่ สู้ให้จดมาละเค้าไปซื้อให้ดีกว่า เรารออยู่บ้านไป
โอกาสเดียวที่เราได้ออกจากบ้านคือไปเช็คร่างกายตามหมอนัด+พบจิตแพทย์ค่ะ เริ่มกินยาได้5เดือนแล้ว หมอเปลี่ยนยา3ตัว แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ ยาอะไรก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลย เราพยายามฆ่าตัวตายครั้งนึงก่อนพบจิตแพทย์ ระหว่างกินยาทำร้ายตัวเองอีก2ครั้ง มันรู้สึกไร้ค่ามากๆ ทำงานไม่ได้ เป็นภาระคนอื่น แค่จะเข้าห้องน้ำยังไปเองไม่ได้ พยายามฉุดตัวเองขึ้นมาแต่มันไม่มีแรงเลยค่ะ รู้สึกว่าที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังพยายามหายใจอยู่ทุกวันนี้คือพลังงานทั้งหมดที่มีแล้ว
เราไม่มีครอบครัวหรือเพื่อนสนิทที่ไทยค่ะ มาเรียนต่างประเทศตั้งแต่ม.ปลาย ก่อนย้ายมาเรียนโทเอกที่เมกา เพื่อนสนิทคือเพื่อนที่เรียนด้วยกัน แต่พอทำงานก็แยกย้ายกันหมด
รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะว่ามีทางไหนช่วยให้ดีขึ้นได้บ้างคะ เท่าที่อ่านมาจะมีแนะนำให้ออกกำลังกาย เลี้ยงสัตว์ ออกไปหาไรทำ เจอเพื่อน ไปเที่ยวพักผ่อนเปิดโลกใหม่ๆ ทั้งหมดนี้ด้วยสภาพร่างกายเราตอนนี้ทำไม่ได้เลยค่ะ พยายามอ่านหนังสือธรรมมะหรือนั่งสมาธิ แต่ไม่ช่วยเลยเหมือนกันค่ะ
เรามีโอกาสหายจากอาการเจ็บป่วยที่ผ่าตัดไปนะคะ เท่าที่คุยกับหมออีกไม่เกินปีน่าจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ แต่เรากลัวว่าจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงเวลานั้นค่ะ สภาพร่างกายดีขึ้นเรื่อยๆ(ในเรทเต่าคลาน) แต่สภาพจิตใจดิ่งเหวไปเลยค่ะ ทุกวันนี้กิจกรรมหลักคือร้องไห้ กิจกรรมรองคือพยายามฆ่าตัวตาย 55555 สมเพชตัวเองมากเลยค่ะ จากที่คิดว่าจบป.เอกชีวิตสดใส จะหางานทำ เก็บเงินซื้อบ้านกัน ตอนนี้เหมือนซากเน่าๆตัวนึง มีชีวิตอยู่รอวันตายแค่นั้นเลย
เพิ่มเติมว่าเราพยายามหางานทำออนไลน์นะคะ พวกงานง่ายๆอย่างproofreading หรือแก้ไขเอกสาร เพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน แต่เอาจริงๆทำไม่ได้เลยค่ะ ไม่มีแรงเลย ปกติแก้งาน10หน้าถ้าไม่เฉพาะทางมากๆ เราทำได้ภายในหนึ่งชม. ตอนนี้แค่ย่อหน้าเดียว นั่งจ้องเข้าไปค่ะ ในหัวว่างเปล่า บอกไม่ถูกว่าหางานมาช่วยให้เครียดน้อยลงหรือหนักกว่าเดิม