เริ่มเดินทางด้วย แอร์เอเซีย เครื่องออก 9:50 ซื่อตั๋วเครื่องบินช่วงโปรโมชั่น ถึงสนามบินเรียบร้อยก่อนเครื่องออก20 นาที ล้อหมุนเดินทางได้เลยครับ
เครื่องบินใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม ได้รับความสะดวกสบายดีทั้งที่นั่งและ บริการของพนักงาน
ถึงสนามบินจัดการเช่ารถที่สนามบินแบบโนแบรนด์ โนเนมครับ สะดวกดี ได้เป็นโตโยต้าวีออสเหมาะสมกับอัตภาพค่ารถวันละ1,000บาท
คืนนี่จองที่พัก ชื่อช่อผการีสอร์ตใกล้อุทยานภูเรือ กะแวะเที่ยวตามทางเรื่อยๆ ดูจาก GOOGLE MAPS และ แผนที่ที่ บริษัทเช่ารถแจกมาให้
จุดแรกที่พัก กินข้าวเที่ยว กินกาแฟ ห่างจากสนามบินแค่20นาทีได้เวลากินพอดี
ออกแค่ชื่อร้าน ก็ออกจากสนามบินประมาณ 20 นาที เจอร้านกาแฟข้างทางเห็นชื่อ ร้านกาแฟกอดเลย
แค่ชื่อก็ดูดเราทั้งสองคนเข้าไปแล้ว ลักษณะภายนอกดูมีสไตล์เก๋ไก๋ ...จะรออะไรล่ะครับ
บรรยกาศหน้าร้าน ดูดี ใช้ไม้ระแนงปูเป็นทางเดิน ผนังเป็นปูนเปลื่อยแบบโมเดิอร์น มีมุมเป็นซุ้มข้างนอกให้คุ่รักมาถ่ายรูปประสานตากัน
ได้ขนมจีน น้ำยาปลา กับขนมจีนน้ำยากุ้งรสชาติเข้มข้น มาเป็นข้าวเที่ยงกัน
ไ
บรรยากาศหน้าเคาน์เตอร์ มีบาเรสต้าสาวสองคนให้บริการด้วยหน้าตาที่ยิ่มแย้ม
ด้านนอก เป็นopen air ออกแนวอิตาเลี่ยนเก๋ไก๋ปนๆกับ บ้านเมืองหนาวของจังหวัดเลย
ลาเต้ร้อน หลังอาหารแสนจะชื่นใจ เจ้าของร้านใจดีมากมีแจกกากกาแฟให้ใช้ประโยชน์ดับกลิ่นในห่องน้ำหรือขัดผิว
ตื่นตันกับความใจดีอยากจะกอดติดที่ว่านางเป็นผู้หญิงทั่งสองคน เลยได้เพืยงส่งสายตาแสดงความซาบซึ้งในการเอาใจใส่ลูกค้า
ได้พลังงานแล้วออกเดินทางต่อจุดต่อไป คือวัดวัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง เดินทางประมาณ40 นาที
ภาพนี่ยืมมาจากในอินเตอร์เน๊ต เพื่อความสมบูรณ์ของรีวิว แสดงให้เห็นภาพจากมุมสูง ว่าเป็นโบสถ์ใหญ่1 หลังและมีวิหารอีก4หลังรายรอบอยู่
ทั้งหมดตั่งอยู่บนที่สูงบนยอดเขาครับต้องขับรถขึ้นไปนะครับ
เข้าประตูวัดพบบกลุ่มของวิหารล้อมรอบโบสถ์ใหญ่เห็นเด่นเป็นสง่า
ออกแรงหน่อยครับ เดินขึ้นบันไดเพื่อเข้าสักการะสิ่งศักดิสิทธิ์
สังเกตุพญานคาคที่ทางขั้นทั้งสองฝั่งและประตูทางเข้าพระนอน พระวิหาร นาคหัวบันไดดูเด่นแปลกตาจากวัดอื่นๆซึ่งถูกแกะสลักมาจากหินหยกแม่น้ำโขง
หัวพญานาคทั้งสองตัว หน้าโบสถ์ดูเด่นเป็นสง่าสวยงามด้วยลักษณะเฉพาะตัวที่เป็นหยกสีเขียวแท่งใหญ่
ซุ้มบันไดอีกด้าน เป็นหินหยกจากแม่น้ำโขงเช่นกัน
ศิลปความงดงามอ่อนช้อย มันเรียบของพญานาคที่ราวบันไดแตกต่างจากวัดอื่นๆทำให้รู้สึกถึงความเย็นฉ่ำและศรัทธาในศาสนา
ลักษณะศิลปกรรมของวิหารที่รายล้อมโบสถ์ ทั้ง4 องค์มีลักษณะ ไทย ล้านนาผสมผสานอย่างลงตัว
พระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธเจ้าไภสัชยาคุรุไวฑูรยประภา จอมแพทย์ หรือพระกริ่งปวเรศ เป็นพระปฏิมาประธาน
องค์พระพุทธรูปปางหมอยา เป็นพระพุทธรูปลักษณะนั่งขัดสมาธิราบ เหมือนปางมารวิชัย แต่พระหัตถ์เบื้องซ้ายถือหม้อน้ำมนต์ ประทับขัดสมาธิเพชรบนฐานบัวคว่ำบัวหงาย พระพุทธเจ้าไภสัชยาคุรุไวฑูรยประภา จอมแพทย์ (พระกริ่งปวเรศ) บรรจุองค์พระบรมสารีริกธาตุเพื่อบรรจุไว้ที่องค์พระปฏิมากรนี้
ด้านในขององค์โบสถ์แทนที่จะเป็นภาพวาด กลับเป็นการแกะสลักไม้จิตรกรรมสวยงามแปลกตาจากวัดอื่นๆโดยทั่วไป
ลวดลายแกะสลักของงานไม้วิจิตร ใหญ่โตเต็มองค์โบสถ์แสดงให้เห็นศรัทธา
ด้านข้างของโบสถ์ด้านหนึ่ง มีรูปภาพแสดง ชีวประวัติ อีกด้านเป็นคำบรรยายอย่างละเอียดแสดงบรรยายธรรมะจากชีวประวัติ ทอดยาวไปสุดตา
ภาพพุทธประวัติทอดยาวตลอดทางเดินให้ได้ศึกษาธรรมโดยมีคำบรรยายประกอบอย่างละเอียด
นอกจากรูปชีวประวัติของพุทธองค์ยังมี เรื่องราวต่างๆเพื่อให้เห็นถึงหลักธรรมต่างๆเช่น นางปฏาจาราผู้พบกับความทุกข์แสนสาหัสครั้นได้ยินคำสอนของพระพุทธองค์ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันตร์ และเรื่องอื่นๆอีกมากมายอันเป็นปริศนาธรรมที่น่าสนใจใฝ่รู้
ด้านนอกอีกด้านหนึงของโบสถ์ยังมีบานไม้ขนาดใหญ่แกะสลัก ตัวโบสถ์วิหารถูกสร้างด้วยไม้สักที่
ไว้อย่างวิจิตรบรรจงทั้งหลัง จนสุดตาสุดทางเดิน
งานไม้แกะสลักแผ่นใหญ่ทอดยาวไปตลอดทางเดิน
ความละเอียดของช่างแกะสลักงานแกะไม้ตลอดด้านข้างขององค์โบสถ์
ทัศนียภาพหนึ่งเมื่อมองจากวัดลงมาสูเบื่องล่าง เนี่องจากวัดสร้างอยู่บนเนินเขา
ด้านหน้าขององค์โบสถ์มีพระสาทิศลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๙ ขณะทางผนวช
ดึ่มด่ำกับความสุขจากการได้เข้าชมสักการะวัดพระสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง แล้วเดินทางต่อสู่วัดพระธาตุศรีสองรัก ใช้เวลาประมาณ30นาที
พระธาตุศรีสองรัก สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เมื่อปี พ.ศ. 2103 เสร็จในปี พ.ศ. 2106
พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกรุงศรีอยุธยา (สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) กับกรุงศรีสัตนาคนหุต (ปัจจุบันคือเวียงจันทน์ ประเทศลาว)
m
ทางเดินเข้าสูพระธาตุ องค์สีขาวศิลปไทยลาว กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ทรงครองราชสมบัติ ตรงกับสมัยที่พม่าเรืองอำนาจ และมีการรุกรานดินแดนต่าง ๆ เพื่อขยายอำนาจ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิและพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจึงตกลงรวมกำลัง เพื่อต่อสู้กับพม่า
จึงทรงกระทำสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน และเพื่อเป็นที่ระลึกในการทำไมตรีต่อกัน จึงได้ร่วมกันสร้างพระธาตุศรีสองรักเพื่อเป็นสักขีพยาน ณ กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำน่านและแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นรอยต่อของทั้งสองราชอาณาจักร
เครื่องถวายสักการะตามความเชื่อ พระธาตุศรีสองรักไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นพระบรมธาตุโดยตรง จึงไม่ได้มีอัฐิของผู้หนึ่งผู้ใดบรรจุอยู่ ทว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นหลักเขตแดนของสองอาณาจักร ความศักดิ์สิทธิ์มาจากการสัตยาธิษฐานให้ดินแดนแถบนี้ห้ามใครล่วงล้ำ
ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปปางนาคปรก ศิลปะทิเบต หัวนาคปรกสร้างด้วยศิลา องค์พระพุทธรูปสร้างด้วยทองสำริด มีหน้าตักกว้าง 21 นิ้ว สูง 30 นิ้ว
ด้านหลังของวัด มองลงไปยังด้านล่าง
.สิ่งศักดิ์สิทธิ์พระธาตุศรีสองรักไม่ชอบสีแดงตามความเชื่อของชาวบ้าน ดังนั้นในตลอด 400 ปีที่ผ่านมา พิธีฉลองสมโภชพระะาตุศรีสองรักจึงไม่มีการฆ่าสัตว์บริเวณองค์พระธาตุ ทุกคนที่เข้าสักการะต้องไม่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์"สีแดง" เข้าไปในเขตพระองค์ธาตุด้วย เนื่องจากสีแดงเป็นสีแห่งการเข่นฆ่า ตรงข้ามกับความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เสร็จจากการสักการะพระธาตุศรีสองรัก เพื่อความเป็นสิริมงคล เดินทางต่อเพื่อไปวัดเนรมิตวิปัสสนาอยู่ใกล้กันนิดเดินทางเพียง5 นาที
วัดเนรมิตวิปัสสนา ตั้งอยู่ในอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย วัดตั้งอยู่สูงเด่นอยู่บนเนินเขา ห่างจากพระธาตุศรีสองรัก เพียงเล็กน้อย
อุโบสถและเจดีย์ภายในวัดก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลัง
ตกแต่ง อย่างวิจิตรงดงามตามศิลปะภาคกลาง มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาดกว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร
บริเวณพื้นที่โดยรอบมี การจัดแต่งสวนและต้นไม้ร่มรื่นสวยงาม
พระอุโบสถและเจดีย์ภายในวัดล้วนก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหมดได้ให้บรรยากาศทั้งความเข้มขรึม ศรัทธาและสำรวม
ประตูหน้าต่างเป็นไม้มะค่าแผ่นเดียว เขียนลายน้ำลงรักปิดทองอย่างปราณีต
รูปปั้นสิงห์ท่าขึงขังหน้าพระอุโบสถ
บริเวณลานทางเข้าสู่พระอุโบสถมีรูปปั้นพญานาค ๙ เศียร เป็นมุมยอดฮิตอีกมุมหนึ่งที่มีผู้มาถ่ายภาพเป็นที่ระลึก มีสระน้ำเล็ก ๆ ตรงบริเวณหน้ารูปปั้นสำหรับโยนเหรียญลงในโอ่งใบเล็ก และอธิษฐานตามความศรัทธาของแต่ละบุคคล
ความงดงามของพระประธานปางมารวิชัยซึ่งมีพุทธลักษณะคล้ายกับพระพุทธชินราช โอสถ จำลองแบบมาจาก วัดมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
มีภาพจิตรกรรมที่สวยงามประดับ อยู่โดยรอบลวดลายอ่อนช้อยด้วยศิลปะ ของช่างเขียนชาว ด่านซ้าย ซึ่งใช้เวลาวาดนานถึง 8 ปี เป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติ ภาพพระเวสสันดรชาดก และภาพทศชาติ
และมีต้นไม้ที่ สำคัญทางพุทธศาสนาคือ " ต้นสาละ" เป็นต้นไม้ที่ พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ปลูกโดยรอบ
ชื่นชมกับความงามศิลปในพุทธศาสนา จนได้เวลาพระอาทิตย์จะลาลับ
ได้เวลาละครับเหนื่อยอ่อนอิ่มบุญมาพอสมควรเข้าที่พักดีกว่า เราเลือกที่พัก ชื่อช่อผการีสอร์ต เพราะเป็นว่าอยู่ใกล้อุทยานแห่งชาติภูเรือประมาณ 7 กม
[CR] รีวิว เที่ยวเลย 3 คืน4 วัน
ถึงสนามบินจัดการเช่ารถที่สนามบินแบบโนแบรนด์ โนเนมครับ สะดวกดี ได้เป็นโตโยต้าวีออสเหมาะสมกับอัตภาพค่ารถวันละ1,000บาท
คืนนี่จองที่พัก ชื่อช่อผการีสอร์ตใกล้อุทยานภูเรือ กะแวะเที่ยวตามทางเรื่อยๆ ดูจาก GOOGLE MAPS และ แผนที่ที่ บริษัทเช่ารถแจกมาให้
จุดแรกที่พัก กินข้าวเที่ยว กินกาแฟ ห่างจากสนามบินแค่20นาทีได้เวลากินพอดี
ออกแค่ชื่อร้าน ก็ออกจากสนามบินประมาณ 20 นาที เจอร้านกาแฟข้างทางเห็นชื่อ ร้านกาแฟกอดเลย
แค่ชื่อก็ดูดเราทั้งสองคนเข้าไปแล้ว ลักษณะภายนอกดูมีสไตล์เก๋ไก๋ ...จะรออะไรล่ะครับ
บรรยกาศหน้าร้าน ดูดี ใช้ไม้ระแนงปูเป็นทางเดิน ผนังเป็นปูนเปลื่อยแบบโมเดิอร์น มีมุมเป็นซุ้มข้างนอกให้คุ่รักมาถ่ายรูปประสานตากัน
ได้ขนมจีน น้ำยาปลา กับขนมจีนน้ำยากุ้งรสชาติเข้มข้น มาเป็นข้าวเที่ยงกัน
ไบรรยากาศหน้าเคาน์เตอร์ มีบาเรสต้าสาวสองคนให้บริการด้วยหน้าตาที่ยิ่มแย้ม
ด้านนอก เป็นopen air ออกแนวอิตาเลี่ยนเก๋ไก๋ปนๆกับ บ้านเมืองหนาวของจังหวัดเลย
ลาเต้ร้อน หลังอาหารแสนจะชื่นใจ เจ้าของร้านใจดีมากมีแจกกากกาแฟให้ใช้ประโยชน์ดับกลิ่นในห่องน้ำหรือขัดผิว
ตื่นตันกับความใจดีอยากจะกอดติดที่ว่านางเป็นผู้หญิงทั่งสองคน เลยได้เพืยงส่งสายตาแสดงความซาบซึ้งในการเอาใจใส่ลูกค้า
ได้พลังงานแล้วออกเดินทางต่อจุดต่อไป คือวัดวัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง เดินทางประมาณ40 นาทีภาพนี่ยืมมาจากในอินเตอร์เน๊ต เพื่อความสมบูรณ์ของรีวิว แสดงให้เห็นภาพจากมุมสูง ว่าเป็นโบสถ์ใหญ่1 หลังและมีวิหารอีก4หลังรายรอบอยู่
ทั้งหมดตั่งอยู่บนที่สูงบนยอดเขาครับต้องขับรถขึ้นไปนะครับ
เข้าประตูวัดพบบกลุ่มของวิหารล้อมรอบโบสถ์ใหญ่เห็นเด่นเป็นสง่า ออกแรงหน่อยครับ เดินขึ้นบันไดเพื่อเข้าสักการะสิ่งศักดิสิทธิ์
สังเกตุพญานคาคที่ทางขั้นทั้งสองฝั่งและประตูทางเข้าพระนอน พระวิหาร นาคหัวบันไดดูเด่นแปลกตาจากวัดอื่นๆซึ่งถูกแกะสลักมาจากหินหยกแม่น้ำโขง
หัวพญานาคทั้งสองตัว หน้าโบสถ์ดูเด่นเป็นสง่าสวยงามด้วยลักษณะเฉพาะตัวที่เป็นหยกสีเขียวแท่งใหญ่
ซุ้มบันไดอีกด้าน เป็นหินหยกจากแม่น้ำโขงเช่นกัน
ศิลปความงดงามอ่อนช้อย มันเรียบของพญานาคที่ราวบันไดแตกต่างจากวัดอื่นๆทำให้รู้สึกถึงความเย็นฉ่ำและศรัทธาในศาสนา
ลักษณะศิลปกรรมของวิหารที่รายล้อมโบสถ์ ทั้ง4 องค์มีลักษณะ ไทย ล้านนาผสมผสานอย่างลงตัว
พระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธเจ้าไภสัชยาคุรุไวฑูรยประภา จอมแพทย์ หรือพระกริ่งปวเรศ เป็นพระปฏิมาประธาน
องค์พระพุทธรูปปางหมอยา เป็นพระพุทธรูปลักษณะนั่งขัดสมาธิราบ เหมือนปางมารวิชัย แต่พระหัตถ์เบื้องซ้ายถือหม้อน้ำมนต์ ประทับขัดสมาธิเพชรบนฐานบัวคว่ำบัวหงาย พระพุทธเจ้าไภสัชยาคุรุไวฑูรยประภา จอมแพทย์ (พระกริ่งปวเรศ) บรรจุองค์พระบรมสารีริกธาตุเพื่อบรรจุไว้ที่องค์พระปฏิมากรนี้
ด้านในขององค์โบสถ์แทนที่จะเป็นภาพวาด กลับเป็นการแกะสลักไม้จิตรกรรมสวยงามแปลกตาจากวัดอื่นๆโดยทั่วไป
ลวดลายแกะสลักของงานไม้วิจิตร ใหญ่โตเต็มองค์โบสถ์แสดงให้เห็นศรัทธา
ด้านข้างของโบสถ์ด้านหนึ่ง มีรูปภาพแสดง ชีวประวัติ อีกด้านเป็นคำบรรยายอย่างละเอียดแสดงบรรยายธรรมะจากชีวประวัติ ทอดยาวไปสุดตา
ภาพพุทธประวัติทอดยาวตลอดทางเดินให้ได้ศึกษาธรรมโดยมีคำบรรยายประกอบอย่างละเอียด
นอกจากรูปชีวประวัติของพุทธองค์ยังมี เรื่องราวต่างๆเพื่อให้เห็นถึงหลักธรรมต่างๆเช่น นางปฏาจาราผู้พบกับความทุกข์แสนสาหัสครั้นได้ยินคำสอนของพระพุทธองค์ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันตร์ และเรื่องอื่นๆอีกมากมายอันเป็นปริศนาธรรมที่น่าสนใจใฝ่รู้
ด้านนอกอีกด้านหนึงของโบสถ์ยังมีบานไม้ขนาดใหญ่แกะสลัก ตัวโบสถ์วิหารถูกสร้างด้วยไม้สักที่
ไว้อย่างวิจิตรบรรจงทั้งหลัง จนสุดตาสุดทางเดิน
งานไม้แกะสลักแผ่นใหญ่ทอดยาวไปตลอดทางเดิน
ความละเอียดของช่างแกะสลักงานแกะไม้ตลอดด้านข้างขององค์โบสถ์
ทัศนียภาพหนึ่งเมื่อมองจากวัดลงมาสูเบื่องล่าง เนี่องจากวัดสร้างอยู่บนเนินเขา
ด้านหน้าขององค์โบสถ์มีพระสาทิศลักษณ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๙ ขณะทางผนวช
ดึ่มด่ำกับความสุขจากการได้เข้าชมสักการะวัดพระสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง แล้วเดินทางต่อสู่วัดพระธาตุศรีสองรัก ใช้เวลาประมาณ30นาที
พระธาตุศรีสองรัก สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เมื่อปี พ.ศ. 2103 เสร็จในปี พ.ศ. 2106
พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกรุงศรีอยุธยา (สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) กับกรุงศรีสัตนาคนหุต (ปัจจุบันคือเวียงจันทน์ ประเทศลาว)
m
ทางเดินเข้าสูพระธาตุ องค์สีขาวศิลปไทยลาว กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ทรงครองราชสมบัติ ตรงกับสมัยที่พม่าเรืองอำนาจ และมีการรุกรานดินแดนต่าง ๆ เพื่อขยายอำนาจ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิและพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจึงตกลงรวมกำลัง เพื่อต่อสู้กับพม่า
จึงทรงกระทำสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน และเพื่อเป็นที่ระลึกในการทำไมตรีต่อกัน จึงได้ร่วมกันสร้างพระธาตุศรีสองรักเพื่อเป็นสักขีพยาน ณ กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำน่านและแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นรอยต่อของทั้งสองราชอาณาจักร
เครื่องถวายสักการะตามความเชื่อ พระธาตุศรีสองรักไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นพระบรมธาตุโดยตรง จึงไม่ได้มีอัฐิของผู้หนึ่งผู้ใดบรรจุอยู่ ทว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นหลักเขตแดนของสองอาณาจักร ความศักดิ์สิทธิ์มาจากการสัตยาธิษฐานให้ดินแดนแถบนี้ห้ามใครล่วงล้ำ
ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปปางนาคปรก ศิลปะทิเบต หัวนาคปรกสร้างด้วยศิลา องค์พระพุทธรูปสร้างด้วยทองสำริด มีหน้าตักกว้าง 21 นิ้ว สูง 30 นิ้ว
ด้านหลังของวัด มองลงไปยังด้านล่าง
.สิ่งศักดิ์สิทธิ์พระธาตุศรีสองรักไม่ชอบสีแดงตามความเชื่อของชาวบ้าน ดังนั้นในตลอด 400 ปีที่ผ่านมา พิธีฉลองสมโภชพระะาตุศรีสองรักจึงไม่มีการฆ่าสัตว์บริเวณองค์พระธาตุ ทุกคนที่เข้าสักการะต้องไม่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์"สีแดง" เข้าไปในเขตพระองค์ธาตุด้วย เนื่องจากสีแดงเป็นสีแห่งการเข่นฆ่า ตรงข้ามกับความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เสร็จจากการสักการะพระธาตุศรีสองรัก เพื่อความเป็นสิริมงคล เดินทางต่อเพื่อไปวัดเนรมิตวิปัสสนาอยู่ใกล้กันนิดเดินทางเพียง5 นาทีวัดเนรมิตวิปัสสนา ตั้งอยู่ในอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย วัดตั้งอยู่สูงเด่นอยู่บนเนินเขา ห่างจากพระธาตุศรีสองรัก เพียงเล็กน้อย
อุโบสถและเจดีย์ภายในวัดก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลัง
ตกแต่ง อย่างวิจิตรงดงามตามศิลปะภาคกลาง มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาดกว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร
บริเวณพื้นที่โดยรอบมี การจัดแต่งสวนและต้นไม้ร่มรื่นสวยงาม
พระอุโบสถและเจดีย์ภายในวัดล้วนก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหมดได้ให้บรรยากาศทั้งความเข้มขรึม ศรัทธาและสำรวม
ประตูหน้าต่างเป็นไม้มะค่าแผ่นเดียว เขียนลายน้ำลงรักปิดทองอย่างปราณีต
รูปปั้นสิงห์ท่าขึงขังหน้าพระอุโบสถ
บริเวณลานทางเข้าสู่พระอุโบสถมีรูปปั้นพญานาค ๙ เศียร เป็นมุมยอดฮิตอีกมุมหนึ่งที่มีผู้มาถ่ายภาพเป็นที่ระลึก มีสระน้ำเล็ก ๆ ตรงบริเวณหน้ารูปปั้นสำหรับโยนเหรียญลงในโอ่งใบเล็ก และอธิษฐานตามความศรัทธาของแต่ละบุคคล
ความงดงามของพระประธานปางมารวิชัยซึ่งมีพุทธลักษณะคล้ายกับพระพุทธชินราช โอสถ จำลองแบบมาจาก วัดมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก
มีภาพจิตรกรรมที่สวยงามประดับ อยู่โดยรอบลวดลายอ่อนช้อยด้วยศิลปะ ของช่างเขียนชาว ด่านซ้าย ซึ่งใช้เวลาวาดนานถึง 8 ปี เป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติ ภาพพระเวสสันดรชาดก และภาพทศชาติ
และมีต้นไม้ที่ สำคัญทางพุทธศาสนาคือ " ต้นสาละ" เป็นต้นไม้ที่ พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ปลูกโดยรอบชื่นชมกับความงามศิลปในพุทธศาสนา จนได้เวลาพระอาทิตย์จะลาลับ
ได้เวลาละครับเหนื่อยอ่อนอิ่มบุญมาพอสมควรเข้าที่พักดีกว่า เราเลือกที่พัก ชื่อช่อผการีสอร์ต เพราะเป็นว่าอยู่ใกล้อุทยานแห่งชาติภูเรือประมาณ 7 กม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้