เมื่อมีเพื่อนชวนไปเที่ยวอินเดีย แค่ถามคำถามเดียว ลากี่วัน แล้วก็ตัดสินใจแว๊บเดียว ตกลงไปทันที (ใจง๊ายง่าย)
จองตั๋วเรือบินพร้อม พาสปอตพร้อม ขาดแต่วีซ่า
ก็ต้องไปทำวีซ่าอินเดียกันก่อน ทำผ่านทางเวป
https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html
เราเลือกเป็น eTOURIST VISA วีซ่ามีอายุ 60 วัน นับตั้งแต่วันเดินทาง
ก็อ่านๆ จิ้มๆ กันไป ค่า วีซ่า เกือบ สามพันบาท ทำวันนี้ พรุ่งนี้ได้แล้ว ไวมากกก
----สามเดือนถัดมา ถึงเวลาเดินทาง---
การเดินทางนี้ มีสมาชิก รวม 5 คน
ออกเดินทางจากดอนเมืองตอน 4 ทุ่ม และ ถึงสนามบิน Jaipur 02:30 น. (ตามเวลาอินเดีย /อินเดียจะช้ากว่าไทย หนึ่งชั่วโมงครึ่ง)
อากาศตอนเราไปถึงอยู่ที่ 19 องศา
เราได้จองใช้บริการรถในการเดินทางตลอด 5 วัน ของ TARA CHAND SHARMA
ลุงเจ้าของกิจการและลุงคนขับรถ มาต้อนรับด้วยพวงมาลัย ที่คล้ายดาวเรืองบ้านเรา แต่มีดอกสีเหลือง และ สีแดง และมีขนม ถั่ว
พร้อมน้ำ เป็นการต้อนรับเรา
ยัง ยังไม่หมด มีหิ้วชุด ซาหรี มาให้คนละชุดอีก 5555
พาหนะที่เดินทางเป็น INNOVA นั่งสบายๆกัน 5 คน ส่วนสัมภาระก็ไว้บนหลังคา
ลุงคนขับรถ ของเรา ชื่อ ลุงราม
เนื่องจากเรามาถึงที่นี่ก็ ตีสองกว่าๆละ ได้จองโรงแรม เพื่อพักเอาแรงก่อนลุยเที่ยวตอนเช้า เลยให้ลุงไปส่งที่พัก
โรงแรมแรกที่เราจะพักชื่อ OYO 9542
พอเราวาปไปถึง โรงแรมกับต้องตะลึง เพราะที่พัก เค้า Cancle เราหลัง เที่ยงคืน (มีเมลล์แจ้งนะ แต่ตอนนั้นเราเดินทางบนเครื่องอยู่ 5555)
เอาแล้วไง ความบันเทิงมาเยือนตอนตีสองแล้วไง จะไปพักที่ไหนละเนี๊ย แผนสำรองไม่มีด้วย
ลุงเลยอาสา พาหาโรงแรม ที่แรก เต็ม ส่วนที่ ที่สอง นั้น สภาพด้านหน้าก็แทบไม่อยากเข้าพักละ แต่ด้วยเวลา และ ความง่วง ครอบง่ำ
คิดว่านอนพักแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องออกเดินทางแล้ว แถม ตกคนละ 100 บาท
ทำให้เราตัดสินใจพัก 1 ห้อง นอนยัดๆกัน 5 คน สภาพห้องโทรม และบอกได้เลย ว่า ผ้าปูไม่เคย ซักแน่ๆ ทั้งคราบและฝุ่น
ห้องน้ำก็พอใช้อาบน้ำแปรงฟันได้ ก็จัดแจง ใครจะนอนจะอาบน้ำ ก็จัดการกันไป รอจนกว่าถึงเวลานัด
ลุงขับรถออกจากโรงแรม 6 โมงเช้า เพื่อเดินทางไป Panna meena ระหว่างทางก็ตื่นตากับ สิ่งแวดล้อมข้างทาง แน่นอน เสียงแตร รถ ดังทุกครั้ง ดังตลอด ดังอะไรหนักหนา 55555
ประหนึ่งเหมือนแตรรถค้าง
หูอื้ออึงจนถึงประมาณ 7 โมงเช้า Step well Panna meena ที่นี่เป็นบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ๆ (อินเดียมีบ่อเก็บน้ำหลายที่ หลายขนาด)
ก็ลงไปถ่ายรูปเล่นกัน อ่อ มีคนเฝ้าด้วยนะ ห้ามลงตรงขั้นบันได แต่ หากไม่มีคนเฝ้า ก็มีจะคนแถวนั้น ชวน บอกให้ลงไปได้
ถ่ายรูปสักพักก็ย้ายก้น กันมาที่ Amber fort นั่งรถมาอีกสักพัก ก็ชมนก ชมไม้
ชมช้าง ชมวัว ชมอูฐ ชมแร้ง ชมนกยูง ชมลิง เห้ย!! อินเดียนี่ มันมีสาระพัดสัตว์เลยเดินปนกันกับมนุษย์
เมื่อชมกันเพลินๆ ก็มาถึง ป้อมปราการ Amber fort เช้าๆ คนไม่เยอะ
โดดเด่นอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบ
สร้างโดยมหาราชา มาน สิงห์ที่ 1 ป้อมปราการ แห่งนี้มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรม ซึ่งผสมผสานกันระหว่างศิลปะฮินดูและศิลปะราชปุต
อันเป็นเอกลักษณ์ สามารถมองเห็นได้จากระยะทางไกลเนื่องจากมีขนาดกำแพงปราการที่ใหญ่และแน่นหนา พร้อมประตูทางเข้าหลายแห่ง
ถนนที่ปูด้วยหินหลายสาย ซึ่งเมื่ออยู่บนป้อมแล้วสามารถมองเห็นทะเลสาบเมาตาได้อย่างชัดเจนบริเวณด้านหน้า
เมื่อเดินทั่วกันเพลินๆ ตามรูป ถ่ายนู่นนี่นั่นจนสาแก่ใจ
ก็ได้เวลาหาของเลี้ยงท้อง ลุงราม แนะนำ ร้าน Royal Jaipur Palace ร้านอยู่ตรงข้าม Jal Mahal (พระราชวังกลางน้ำ)
อิ่มกันแล้วก็ต้องเดินทางไป จ๊อปู อ่ะไม่ใช่ จ๊อดปูร์ Jod Pur เดินทางกันยาวๆ 6 ชั่วโมงจ้า นั่งๆนอนๆ
และปล่อยให้คนในรถเม้าท์มอยทะเลาะกับลุงรามเล่นๆ เอาจริงๆลุงแกขับรถไม่เร็วแต่เสียว ถนนหนทางก็เดินทางสบายๆ
เราเดินทางมาถึง Jod Pur หกโมงเย็นและมุ่งตรงเข้าโรงแรม Haveli Inn Pal เป็นโรงแรมที่สวย สะอาดเลยทีเดียว
เก็บของสัมพารกกันเสร็จก็ลุยไปหาร้านกิน ร้านก็อยู่ระแวกโรงแรม เดินเท้าประมาณ 200 เมตร แต่เดินแถวนี้ ต้องมีสติมากๆ
ไหนจะรถยนต์ มอเตอไซค์ ที่พร้อมจะกระทบไหล่เราอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่ต้องดูดีๆ คือ ขี้วัว มีเกลื่อนถนน
แถมเป็น ขี้วัว อารมณ์ วัวท้องเสียมาหรือยังไง เลอะเทอะมากมาย เผลอก้าวพลาด มีมิดข้อเท้าในกองได้ อ่ะถึงไหนล่ะ บรรยายขี้วัวมาซ่ะยาว
ก็มาถึง ร้าน OTA เป็นร้านอาหาร บรรยากาศนั่งกินบนชั้นดาดฟ้า มองเห็นตัวเมืองได้ แต่ แต่ๆๆ โชคคงไม่เข้าข้าง ร้านบอกวันนี้ปิดจ้า แถมบอกอีกว่า
ไม่รู้จะเปิดอีกวันไหนดี (เหมือนร้านกำลังจะปิดกิจการยังไง ยังงั้น คุณพระ) เราก็เลยเดินกลับมากินข้าวที่โรงแรม
ร้านอาหารในโรงแรมนี้ ที่นั่งบนดาดฟ้า มุมสวย มองเห็น หอนาฬิกา (Clock Tower) และ ป้อม Mehrangarh Fort และก็จบภาระกิจของวันแรก
และจะกลับไปอีก INDIA:JAIPUR-JODHPUR-AGRA
เมื่อมีเพื่อนชวนไปเที่ยวอินเดีย แค่ถามคำถามเดียว ลากี่วัน แล้วก็ตัดสินใจแว๊บเดียว ตกลงไปทันที (ใจง๊ายง่าย)
จองตั๋วเรือบินพร้อม พาสปอตพร้อม ขาดแต่วีซ่า
ก็ต้องไปทำวีซ่าอินเดียกันก่อน ทำผ่านทางเวป https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html
เราเลือกเป็น eTOURIST VISA วีซ่ามีอายุ 60 วัน นับตั้งแต่วันเดินทาง
ก็อ่านๆ จิ้มๆ กันไป ค่า วีซ่า เกือบ สามพันบาท ทำวันนี้ พรุ่งนี้ได้แล้ว ไวมากกก
----สามเดือนถัดมา ถึงเวลาเดินทาง---
การเดินทางนี้ มีสมาชิก รวม 5 คน
ออกเดินทางจากดอนเมืองตอน 4 ทุ่ม และ ถึงสนามบิน Jaipur 02:30 น. (ตามเวลาอินเดีย /อินเดียจะช้ากว่าไทย หนึ่งชั่วโมงครึ่ง)
อากาศตอนเราไปถึงอยู่ที่ 19 องศา
เราได้จองใช้บริการรถในการเดินทางตลอด 5 วัน ของ TARA CHAND SHARMA
ลุงเจ้าของกิจการและลุงคนขับรถ มาต้อนรับด้วยพวงมาลัย ที่คล้ายดาวเรืองบ้านเรา แต่มีดอกสีเหลือง และ สีแดง และมีขนม ถั่ว
พร้อมน้ำ เป็นการต้อนรับเรา
ยัง ยังไม่หมด มีหิ้วชุด ซาหรี มาให้คนละชุดอีก 5555
พาหนะที่เดินทางเป็น INNOVA นั่งสบายๆกัน 5 คน ส่วนสัมภาระก็ไว้บนหลังคา
ลุงคนขับรถ ของเรา ชื่อ ลุงราม
เนื่องจากเรามาถึงที่นี่ก็ ตีสองกว่าๆละ ได้จองโรงแรม เพื่อพักเอาแรงก่อนลุยเที่ยวตอนเช้า เลยให้ลุงไปส่งที่พัก
โรงแรมแรกที่เราจะพักชื่อ OYO 9542
พอเราวาปไปถึง โรงแรมกับต้องตะลึง เพราะที่พัก เค้า Cancle เราหลัง เที่ยงคืน (มีเมลล์แจ้งนะ แต่ตอนนั้นเราเดินทางบนเครื่องอยู่ 5555)
เอาแล้วไง ความบันเทิงมาเยือนตอนตีสองแล้วไง จะไปพักที่ไหนละเนี๊ย แผนสำรองไม่มีด้วย
ลุงเลยอาสา พาหาโรงแรม ที่แรก เต็ม ส่วนที่ ที่สอง นั้น สภาพด้านหน้าก็แทบไม่อยากเข้าพักละ แต่ด้วยเวลา และ ความง่วง ครอบง่ำ
คิดว่านอนพักแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องออกเดินทางแล้ว แถม ตกคนละ 100 บาท
ทำให้เราตัดสินใจพัก 1 ห้อง นอนยัดๆกัน 5 คน สภาพห้องโทรม และบอกได้เลย ว่า ผ้าปูไม่เคย ซักแน่ๆ ทั้งคราบและฝุ่น
ห้องน้ำก็พอใช้อาบน้ำแปรงฟันได้ ก็จัดแจง ใครจะนอนจะอาบน้ำ ก็จัดการกันไป รอจนกว่าถึงเวลานัด
ลุงขับรถออกจากโรงแรม 6 โมงเช้า เพื่อเดินทางไป Panna meena ระหว่างทางก็ตื่นตากับ สิ่งแวดล้อมข้างทาง แน่นอน เสียงแตร รถ ดังทุกครั้ง ดังตลอด ดังอะไรหนักหนา 55555
ประหนึ่งเหมือนแตรรถค้าง
หูอื้ออึงจนถึงประมาณ 7 โมงเช้า Step well Panna meena ที่นี่เป็นบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ๆ (อินเดียมีบ่อเก็บน้ำหลายที่ หลายขนาด)
ก็ลงไปถ่ายรูปเล่นกัน อ่อ มีคนเฝ้าด้วยนะ ห้ามลงตรงขั้นบันได แต่ หากไม่มีคนเฝ้า ก็มีจะคนแถวนั้น ชวน บอกให้ลงไปได้
ถ่ายรูปสักพักก็ย้ายก้น กันมาที่ Amber fort นั่งรถมาอีกสักพัก ก็ชมนก ชมไม้
ชมช้าง ชมวัว ชมอูฐ ชมแร้ง ชมนกยูง ชมลิง เห้ย!! อินเดียนี่ มันมีสาระพัดสัตว์เลยเดินปนกันกับมนุษย์
เมื่อชมกันเพลินๆ ก็มาถึง ป้อมปราการ Amber fort เช้าๆ คนไม่เยอะ
โดดเด่นอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบ
สร้างโดยมหาราชา มาน สิงห์ที่ 1 ป้อมปราการ แห่งนี้มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรม ซึ่งผสมผสานกันระหว่างศิลปะฮินดูและศิลปะราชปุต
อันเป็นเอกลักษณ์ สามารถมองเห็นได้จากระยะทางไกลเนื่องจากมีขนาดกำแพงปราการที่ใหญ่และแน่นหนา พร้อมประตูทางเข้าหลายแห่ง
ถนนที่ปูด้วยหินหลายสาย ซึ่งเมื่ออยู่บนป้อมแล้วสามารถมองเห็นทะเลสาบเมาตาได้อย่างชัดเจนบริเวณด้านหน้า
เมื่อเดินทั่วกันเพลินๆ ตามรูป ถ่ายนู่นนี่นั่นจนสาแก่ใจ
ก็ได้เวลาหาของเลี้ยงท้อง ลุงราม แนะนำ ร้าน Royal Jaipur Palace ร้านอยู่ตรงข้าม Jal Mahal (พระราชวังกลางน้ำ)
อิ่มกันแล้วก็ต้องเดินทางไป จ๊อปู อ่ะไม่ใช่ จ๊อดปูร์ Jod Pur เดินทางกันยาวๆ 6 ชั่วโมงจ้า นั่งๆนอนๆ
และปล่อยให้คนในรถเม้าท์มอยทะเลาะกับลุงรามเล่นๆ เอาจริงๆลุงแกขับรถไม่เร็วแต่เสียว ถนนหนทางก็เดินทางสบายๆ
เราเดินทางมาถึง Jod Pur หกโมงเย็นและมุ่งตรงเข้าโรงแรม Haveli Inn Pal เป็นโรงแรมที่สวย สะอาดเลยทีเดียว
เก็บของสัมพารกกันเสร็จก็ลุยไปหาร้านกิน ร้านก็อยู่ระแวกโรงแรม เดินเท้าประมาณ 200 เมตร แต่เดินแถวนี้ ต้องมีสติมากๆ
ไหนจะรถยนต์ มอเตอไซค์ ที่พร้อมจะกระทบไหล่เราอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่ต้องดูดีๆ คือ ขี้วัว มีเกลื่อนถนน
แถมเป็น ขี้วัว อารมณ์ วัวท้องเสียมาหรือยังไง เลอะเทอะมากมาย เผลอก้าวพลาด มีมิดข้อเท้าในกองได้ อ่ะถึงไหนล่ะ บรรยายขี้วัวมาซ่ะยาว
ก็มาถึง ร้าน OTA เป็นร้านอาหาร บรรยากาศนั่งกินบนชั้นดาดฟ้า มองเห็นตัวเมืองได้ แต่ แต่ๆๆ โชคคงไม่เข้าข้าง ร้านบอกวันนี้ปิดจ้า แถมบอกอีกว่า
ไม่รู้จะเปิดอีกวันไหนดี (เหมือนร้านกำลังจะปิดกิจการยังไง ยังงั้น คุณพระ) เราก็เลยเดินกลับมากินข้าวที่โรงแรม
ร้านอาหารในโรงแรมนี้ ที่นั่งบนดาดฟ้า มุมสวย มองเห็น หอนาฬิกา (Clock Tower) และ ป้อม Mehrangarh Fort และก็จบภาระกิจของวันแรก