ป้อมแดง ( red fort )

ป้องแดง หรือ Red Fort ชาวอินเดียจะเรียกว่า ลาลกีล่า (Lal Qila) คือ ป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1639 – 1648 ซึ่งตรงกับช่วงยุคศตวรรษที่ 17 ยุคแห่งจักรวรรดิโมกุลปกครองโดยจักรพรรดิชาห์ ชะฮัน ผู้ซึ่งแข็งแกร่งทั้งร่างกาย รวมถึงยังใส่ใจและให้ความสำคัญกับศาสนาอิสลามเป็นอย่างยิ่ง มีการออกแบบตามสถาปัตยกรรมอินโด-ซาราเซน ผสานกับวัฒนธรรมโมกุล ซึ่งถือเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมอย่างมากของสิ่งก่อสร้างประเทศอินเดียในยุคดังกล่าว  ทำเลที่ตั้งของป้อมแดงจะอยู่ตรงบริเวณแม่น้ำยมุนาซึ่งถือเป็นแม่น้ำที่ชาวฮินดูต่างเคารพยกย่องในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ พร้อมทั้งยกให้เป็นเทวียมุนาซึ่งตามตำนานที่บอกเล่าเอาไว้คือ เป็นธิดาแห่งพระสุริยะ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ รวมถึงพระองค์ยังเป็นพี่น้องกับพระยม เทพเจ้าแห่งความตาย ดังนั้นหากชาวฮินดูคนไหนลงไปอาบน้ำในแม่น้ำแห่งนี้จะช่วยชะล้างเอาความเจ็บปวด ความทรมานของร่างกายจากความตายได้

แพลนรอบนี้ คือ ตั้งใจมาเดินป่า hampta pass แต่ hampta pass ล่ม เลยไปเดิน hampta circuit pass แทน  หลังจากออกจากป่า แล้วก็ไปเดินเล่นที่ chandigarh ก่อนขึ้นเครื่อง แล้วบินกลับมาที่นิวเดลี ทำให้เหลือเวลาอีก 1 วัน หลังจากที่เดินป่าเสร็จแล้วต่อเครื่องมาลงที่นิวเดลี ตอนแรกแพลนจะไปทัชมาฮาล แต่เพื่อนที่อินเดียบอกว่า อะไรๆ ที่เป็นอินเดีย ให้ทำใจไว้หน่อย โดยเฉพาะความตรงเวลาของรถไฟ! เพราะคนอินเดีย เค้าเป็นนายของเวลา ไม่ใช่เวลาเป็นนายของเค้า อ้าวๆๆ งั้นเราเปลี่ยนแผนก็ได้ ก็เลยเลือกคืนตั๋วรถไฟ ในวินาทีสุดท้าย หลังจากออกจากป่ามา แล้วเปลี่ยนแผนเที่ยวในเมืองนิวเดลี เพื่อรอต่อเครื่องกลับเมืองไทยแทน

กลับมาถึง New Delhi airport เวลาประมาณเกือบๆ 4 ทุ่ม แล้วก็ไปฝากกระเป๋าที่ left luggage ใบใหญ่ 1 วัน เค้าคิด 500 รูปี แล้วเราก็จัด day pack ใบเล็กๆในการตะลอนรอบนิวเดลี 1 วัน วางแผนไปนอนแถวๆสถานีรถไฟนิวเดลี ก็เลยเลือกที่จะใช้บริการ subway ของนิวเดลี อินเดีย ซึ่งมี airport express เชื่อมไปยังสถานี นิวเดลี และสามารถใช้บริการ subway ไปเที่ยวที่ต่างๆในเมืองนิวเดลีได้มากมาย บวกกับต้องเดินสักหน่อย กับการเที่ยวคนเดียวก็โอเค

ค่าตั๋ว รถไฟใต้ดิน เค้าจะอยู่ราวๆ 10-40 รูปีค่ะ ตามระยะทางใกล้ ไกล ที่เราเลือก

วันนั้น เราเลือกที่จะไป red fort ( Lal Qila station ) , Jama musjid ,  Connaught place ( Rajiv Chowk ) , Akshardham (Akshardham station) , Ugrasen ki Baoli ( Barakhamba road station ) 

ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ ที่เล่ามา มีเสียค่าเข้าของ jama masjid 300 รูปี เอาจริงคือสวย แต่เรารู้สึกไม่คุ้ม 300 รูปีเท่าไหร่ค่ะ 

เริ่มเดินทางกันตั้งแต่เช้า หลังจากที่นั่งรถไฟ airport express มาลงที่ New delhi railway station แล้วเดินผ่านชุมชนแออัด

(แออัดจริงๆ หลังจากที่ไปเที่ยวอินเดียมาหลายรอบ แต่ไม่เคยเข้าในเมืองที่แออัดขนาดนี้มาก่อน แอบกลัว 555 ) 

เดินทางโดย sub way india ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ก็ต้องระวังๆกันด้วย ^^ เข้าออก สถานี เค้าจะมีการตรวจร่างกาย ตรวจกระเป๋ากันค่อนข้างเข้มงวด ผ่านประตูเข้าไป เราก็ไปซื้อตั๋วกันค่ะ คือ ไม่อยากยุ่งยาก ก็ไปที่จุดที่มีเจ้าหน้าที่ขายตั๋วเลย จะได้เป็นกระดาษ QR code มา

แล้วก็ขึ้นเหมือนๆ กับขึ้นรถไฟใต้ดินบ้านเรา แต่เค้าจะมีตู้แยกให้ผู้หญิง 1ตู้ ซึ่งเป็นตู้แรกของขบวน แต่ตู้อื่นๆก็ขึ้นได้ค่ะ ผู้ชายก็จะเต็มตู้สักหน่อย ตั๋วกระดาษใบที่เราได้มา เค้าก็จะมีเวลาให้โอ้เอ้ อยู่ในสถานีแต่ละการเดินทางได้ระยะหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เคยทดลองนะคะว่านานแค่ไหน ได้ตั๋วแล้วก็ให้เดินทางเลยดีกว่าค่ะ เพราะว่า มันก็จะมีบางสถานี ที่มีของกิน มีที่นั่งเล่นสบายๆ ซึ่งดีกว่าอยู่ข้างนอกค่ะ อาจจะเพลินๆ แล้วลืมเวลาไป

นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Lal quila ถ้ามาแต่เช้า ต้องเดินอ้อม ไปเข้าประตู 1 ถึงจะเข้า red fort ได้ ก็จะได้วิวประตูสวยๆ แต่ถ้ามาสายหน่อย หลัง 09.00 น. ออกมาจากรถไฟใต้ดิน ก็ถึงประตูทางเข้าเลยค่ะ ซึ่งเรามาแต่เช้าเลยเดินไปหลายกิโลเลยค่ะ

ค่าเข้าชม ก็จะมีราคาตั้งแต่ 400 รูปี ขึ้นไป แต่ด้วยความที่อ่านรีวิวมา เค้าว่าถ้าโชว์พาสปอตไทย จะได้ลดได้ในราคาหลักสิบ ก็เลยโดนไปประมาณ 80 รูปี เอาตั๋วที่ได้โชว์ตรงด่านตรวจทางเข้า เค้านี่งง! เลยต้องแจ้งไปว่า มีพาสปอตไทยนะ เค้าลดให้จ่ะ! นางเลยปล่อยเราผ่านเข้าไปจ้า

ผ่านประตูเข้าไป ร้านขายของเยอะมาก ราคาต่อรองกันได้ ขอให้ต่อรองดูก่อน ให้สมเหตุสมผล เป็นที่พอใจของเรา เพราะบางอย่างก็ถูกอยู่แล้ว บางอย่างก็แพงเกินไป เอาที่เราสบายใจจ่ายค่ะ เพราะตอนที่ไปค่าเงินเค้าค่อนข้างถูกทีเดียว (ของ handmade ราคาถูกกว่าของชนิดอื่นๆค่ะ งงใจ ) 

เดินเข้าไปตึกแรกที่เจอก็จะเป็นส่วนจัดนิทรรศการ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายต่างหาก ในตึกเดียวกัน ก็จะมีส่วนร้านอาหารติดแอร์!!! มีไอศกรีม มีข้าว มีน้ำขาย ราคากันเองที่แอบแรงกว่าข้างนอก แต่ดูสะอาดสะอ้านกว่าค่ะ นั่งพักเหนื่อยได้นะคะ ก่อนไปตะลอนต่อ 

 ตึกนี้มีชื่อว่า Naubat Khana  เป็นส่วน waiting hall ชั้น 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ ตีกเดียวกัน แต่ทา คนละสี 

 

The Hira Mahal ("Diamond Palace") Shahi Burj 

ส่วนนี้เป็นหินอ่อนทั้งหลัง อยู่ระหว่างการบูรณะ การแกะสลัก... สวย ... มีเจ้าหน้าที่นั่งเฝ้าตลอด ห้ามปีนเข้าไป เดินดูได้เฉยๆเลยค่า

แล้วก็ส่วนอื่นๆ ที่อยู่ในป้อม red fort สถาปัตยกรรมสวย และยังค่อนข้างสมบูรณ์ เป็นสถานที่ ที่ต้องห้ามพลาดเมื่อไปที่นิวเดลีค่ะ 

จากนั้น เราก็ไปที่ Jama masjid โดยการเดินจาก หน้าป้อม แล้วใช้ google map เดินตามได้แบบสบายๆ เลยค่ะ

เสียค่าเข้าไป 300 รูปี แล้วก็อยู่ดีๆ ก็มีคนมาเก็บค่าฝากรองเท้า 30 รูปี เอ้าแบบนี้ก็มีด้วย ที่นี่มีทัวร์จากยุโรปมาลงกันเยอะเลยค่ะ

jama masjid ในวันที่ร้อนและฝนตก 

เหนื่อยค่ะ เลยไปเดินดูสยามสแคว์บ้านเค้า เราเลยเดินกลับมานั่งรถไฟใต้ดิน ไปลงที่ Rajiv Chawk แล้วขึ้นมาเดินหาของกินด้านบน เค้าว่า ราคาที่นี่แพงกว่าทุกที่ ซึ่งก็แพงจริงๆ แต่เราก็เข้าไปกินไก่ผู้พัน ในราคาบ้านเรา อิ่ม แอร์เย็น หายเหนื่อยก็ไปตะลุยต่อ 

รอบบ่ายไปวัด akshardham ซึ่งเป็นสถานปัตยกรรมเรซิน ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา

เราเขียนรีวิว แยกต่างหากวัดนี้ไว้อีกกระทู้นึงค่ะ แต่วัดนี้ไม่มีค่าเข้า ห้ามเอาโทรศัพท์ เอากล้อง เอาร่ม เข้า วันนั้นเลยอารมณ์ว่าโชคดีหน่อยที่ไปถึงฝนหยุดตกพอดี ส่วนนิทรรศการอื่นๆในพื้นที่วัดเค้ามีค่าเข้า แต่เราไม่ได้เข้าไปดู การเดินทางก็ นั่งต่อจาก Rajiv Chawk ต่อสายสีน้ำเงิน ไปลงที่สถานี Akshardham station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 200 เมตร ก็ถึงค่ะ แต่ร้อนนนน ! 

วกกลับมาที่สถานีสุดท้ายก่อนกลับเข้าสนามบินเพื่อรอกลับบ้าน 

เราต่อรถไฟใต้ดินจากสถานี Akshardham station มาที่ สถานี Barakhamba road station แล้วเดินต่อประมาณ กิโลกว่าๆ เพื่อจะเข้าไปเยี่ยมชม อ่างเก็บน้ำในอดีตที่สวยงามอีกแห่ง ที่มีชื่อว่า

Agrasen Ki Baoli 

พอสมควรแก่เวลา บ่ายสี่โมงแก่ๆ เหนื่อยแล้ว พอแล้ว ถ้าไป india gate ต่อต้องเดินอีกไกลแน่ๆ 

เหนื่อย เพราะอากาศอบอ้าวมากกก ฝนตก แล้วก็แดดออกสลับกันแบบนี้ทั้งวัน กลับมาถึงสนามบิน ตอน 17 น. รับกระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วก็ จัดการกระเป๋า ของฝาก เช็ดตัวทำความสะอาดตัว เปลี่ยนชุด แล้วนั่งรอ เช็คอินกันค่ะ .... กลับไทยกันค่าาา ไปทำงานใช้เวรใช้กรรมกันก่อน ค่อยออกมาท่องโลกใหม่