
อินโดนีเซีย......"บาหลีคนเดียวเที่ยวโคตรมัน" ตอนที่ 1 เฮ้ยยย...สตาร์บัค
หลังจากห่างหายไปนานมากกว่าจะหาอารมณ์ชิวๆในการเขียนก็ล่วงเลยมาหลายเดือนเลยทีเดียว หลังจากแบกเป้เดินทางคนเดียวไปลุยอินโดนีเซียระหว่างวันที่ 29 มิ

ายน - 5กรกฏาคม 2561 ที่ผ่านมา ย้อนหลังเล็กน้อยสำหรับผู้ที่รอติดตาม(มีป่าวไม่รู้) ผมจัดทริปอินโดนีเซียเป็น 2 ช่วง คือ 29-2 ลุยภูเขาไฟโบรโม่ และ บินข้ามจากเมืองสุราบายา มาบาหลี ในวันที่ 2 กรกฏาคม เพื่อเที่ยวบาหลีอีก 3 วัน
เริ่มกันที่วัน 2 กรกฏาคม ผมจองตั๋วล่วงหน้าสายการบินภายในประเทศคือ Citilink ขึ้นจากสนามบินสุราบายา ลง สนามบิน BALI / DENPASAR ด้วยราคา 800 บาท ก็ถือว่าไม่ถูกไม่แพง ก่อนที่จะขึ้นก็แอบคิดว่าเครื่องจะเป็นไงหวะเนี่ย กังวลนิดนึง แต่พอเจอสภาพเครื่องและได้ใช่บริการแล้วอยากบอกว่า ตรงเวลากว่าบางสายการบินในประเทศไทย 5555 บริการดี เครื่องดีและกัปตันขับดีเลยทีเดียว ในระหว่างอยู่บนเครื่องได้ที่นั่งติดกับ 2 วัยรุ่น(อายุประมาณ 25 ปี) ก็ไม่รุ่นแล้วหละ เป็นหนุ่มสาวชาวอินโด ก็เลยมีโอกาสได้ใช้สกิลภาษาอังกฤษสไตล์อานนท์คนใจถึง คือพูดไว้ก่อนถ้ามันฟังไม่รู้เรื่องก็เป็นปัญหาของมันละไม่ใช่เรา 555 ก็คุยกันหลายๆเรื่องสนุกไปอีกไม่เหงาตลอดการเดินทาง ผู้ชายเป็นครูสอนดำน้ำ ผู้หญิงสอนเต้น เออดี ตอนแรกถามว่าเป็นแฟนกันหรอ ทั่งคู่หัวเราะกากกกเลย แบบขำกันหนักมาก เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อรสนิทกัน (จริงๆพอเดาได้ เพราะผู้ชายดูเกย์)5555 เครื่องขึ้นตอน 7.55 น. ใช้เวลาไม่มากก็ถึงที่หมาย คือบาหลี เวลา 9.45 น ซึ่งเกือบจะไม่ได้มาตั้งแต่แรก เพราะก่อนที่จะมาเพียง 3 วัน ภูเขาไฟชื่ออากุง ซึ่งอยู่ในเขตบาหลีใกล้สนามบินเดนปาซา เกิดประทุขึ้นทำให้ปิดสนามบินไป 24 ชม. หลังจากถึงก็ออกจากสนามบินเลย คราวนี้ไม่พลาดเหมือยตอนขาลงที่สุราบายา เดินมุ่งตรงออกจากสนามบินไปเลยครับตามข้อมูลที่ได้มาจากการรีวิว ต้องออกไปขึ้นแท็กซี่สีน้ำเงินซึ่งจะวิ่งตามมิตเตอร์ เรียกว่า บลูเบิร์ด ขึ้นปุ๊บก็ส่งเอกสารเพื่อให้ดูที่พักที่เราจะไปให้คนขับ ให้ปุ้บแกเหลือบด้วยหางตายังไม่ทันหยิบไปดูเลยพี่แกก็รู้เลยว่าที่ไหน เพราะเป็น Hostel ยอดฮิตและอยู่ใจกลางเมืองบาหลีเลยทีเดียว ใช้เวลาแปบเดียวก็ถึงที่พัก ขออุทานหน่อย....อั้ยยะ.....สาวเพียบ นักท่องเที่ยวต่างชาติเพียบครับพี่น้อง โอ้โห มากันเป็นกลุ่ม แต่ที่แปลกคือ ไม่เจอนักท่องเที่ยวไทย ที่พักตลอด 3 คืนของผมคือ Cara Cara Inn อยู่ในเขต Kuta ซึ่งเป็นแหล่งชอปปิ้งของบาหลีเลยทีเดียว เปรียบได้กับพัทยาบ้านเรา ผมไปถึงที่พักเช้ามากยังไม่สามรถเช็คอินได้ แต่ไม่ใช่ปัญหาครับ ลงทะเบียนและฝากกระเป๋าไว้ก่อน และสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ...... เช่ารถมอเตอร์ไซค์ ติดต่อที่เค้าเตอร์ของที่พักเลยครับ เขาก็จะเรียกมอเตอร์ไซค์มาให้ในราคาที่ไม่แพงครับ วันละ 60000 รูเปียด แปลงเป็นเงินไทยก็ประมาณ 130 บาท ต่อวัน โดนไป 180000 รูเปียด เสี่ยนนท์พกเงินเป็นล้านฮะ 55555 ได้มอไซค์เสร็จก็นั่งซ้อนท้ายพี่เขาไปเลย เขาพาไปเติมน้ำมัน ตอนแรกก็หวั่นๆเรื่องเติมน้ำมันกลัวจะผิด แต่พอเอาเข้าจริงสบายมาก คือคนอินโดก็เหมือนคนไทย นิยมขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วยี่ห้อก็เหมือนๆบ้านเรา สบายๆๆๆๆ แถมน้ำมันยังโคตรถูก ย้ำ โคตรถูกๆๆๆๆๆๆๆ ส่งพี่เจ้าของรถลงเสร็จ คราวนี้ก็เราละ ฉายเดี่ยวหมื่นลี้(เถรป๋อกวง 555) พอขี่คนเดียวปัญหาเกิดเลยครับลองเดากันดู...............ว่าปัญหาอะไร.........ใครตอบถูกมีรางวัลให้..............หมดเวลา ปัญหาแรกคือ แล้วจะไปยังไงถูก 55555 ไม่มีแผนที่ลืมไปซื้อซิม เอ้า ดีนะจำทางกลับได้ ขี่คลำมาถึงแถวที่พัก ก็เจอกับห้างสรรพสินค้าไม่ใหญ่แต่คิดว่าน่าจะมี เดินเข้าไปไม่พูดพล่ามทำเพลงครับ..ถามสิครับ รออะไร เดินหาคงเจอพรุ่งนี้ ถามคนขายเสื้อผ้า มันก็ใจดีมาก พาเดินไปถึงร้านเลย ทั้งห้างมีร้านเดียวจริงๆ ร้านเล็กอยู่ชั้น 4 โอ้โห นี่ถ้าหาเองคงจะพรุ่งนี้ เปลี่ยนซิม เช็ตเครื่องอยู่ประมาณ 20 นาที ก็เรียบร้อยฮ่ะ ซิมอินโด พร้อมสัญญาณอินเตอร์เนต เพราะต้องเอามาเปิด GPS กว่าจะเรียบร้อยดูเวลาแล้วก็เกือบจะเที่ยง หิวดิครับ หาไรกินแถวนั้นไปก่อน เรียบร้อยแล้วก็พร้อมเดินทาง GPS มีแล้ว รถมอไซค์มีแล้ว หมวกกันน็อคพร้อม เอ้าไปสิครับรออัลไร แต่ ปัญหาที่สองตามมาติดๆเลยครับ 55555 ให้ทายรอบสอง....................ต๊อก ติ๊ก ต๊อก....... ปัญหาคือ แล้วจะดู GPS ยังไง ไม่มีที่ใส่โทรศัพท์หน้ารถ และ หูฟังไม่ได้เอามา 5555 เกือบเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่อินโด ไม่ใช่เพราะภูเขาไฟระเบิดฮะ แต่เพราะรถชนตาย ขี่มือเดียว อีกมือถือมือถือดู GPS และต้องคอยมองไม่งั้นหลง สภาพการขับขี่เหมือนประเทศไทยครับ นึกว่าขี่อยู่แถวชลบุรี 5555 เป้าหมายแรก วัดทานาล็อต (Tanah Lot) ห่างออกไปจากที่อยู่ประมาณ 70 กิโลเมตร ในแผนที่ขึ้นมาใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่ง เอาหละจัดไป มนต์เสห์ ของบาหลีคือ ระหว่างทางที่เต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจตลอด มีวัดเล็กๆเยอะมาก และสองข้างทางก็เป็นทุ่งนาขั้นบันได แต่ด้วยการขี่ที่ทำความเร็วได้ไม่มากนัก ประมาณ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งก็ทำให้ถึงที่หมายช้าไปอีก ความมันของการขี่รถมอไซค์มันไม่ใช่แค่การขี่ครับ แต่มันมีเรื่องที่ต้องลุ้นอยู่ 2 อย่าง ลองเดาดู 555(คนอ่านคงคิดว่าเมิงบอกมาเลยเหอะขี้เกียจเดา) 1. คือ น้ำมันจะหมดตอนไหน แล้วถ้าออกจากเมืองไปไกลๆจะมีปั้มไหม อันนี้มันดีลุ้นสนุก 2. อันนี้สิของจริง คือ แบตมือถือจะหมดครับพี่น้องบางคนสงสัยแบตหมดแล้วไง แบตหมดก็กลับไม่ได้ครับ 555 วันแรกเป็นอะไรที่เ-ี้ย มาก ขออภัย เพราะเราไม่ได้เตรียมตัวเรื่องนี้มา ขี่ไปเรื่อยๆได้ประมาณครึ่งทางแบตเหลือ 10 เปอร์เซน เอาแล้ววววทำไงละคราบๆๆๆๆๆ ตอนนั้นคิดว่าต้องหาร้านอาหารสักที่เพื่อชาดแบต เพราะกระเป๋าที่แบกมาด้วยมีพร้อม คือ ที่ชาดแบต(ดันติดมา) และกล้องถ่ายรูป และที่สำคัญดวงยังดีคือ ในเป้มีปลักแปลงมาด้วย โอ้โห ดวงดีไปอีก ขี่ไปเรื่อยๆ เหมือนสวรรคฺยังรักอานนท์ เจอร้านที่ไม่คิดว่าจะเจอในชนบทแบบนั้นให้ทาย 55555 บอกเลยละกัน Starbuck ครับพี่น้อง โอ้โห เลี่ยวเลยครับ ฟินเลยๆๆๆๆ นั่งยาวๆๆๆไปเกือบชั่วโมง ไม่ได้เสียเวลากับการขี่รถหรอกเสียเวลาชาดแบตนี่หละ สั่งกาแฟนั่งชาดแบตฟินไป ดีด้วยได้พัก เพราะอากาศร้อนมาก เสร็จเรียบร้อยก็เดินทางต่อด้วยควาสบายใจ คราวนี้ไปไหนก็ได้หละ เรื่อยๆๆไปเลย ขี่อีกสักพักก็ถึงที่หมายคือ วัด วัดทานาล็อต (Tanah Lot) วัดทานาห์ลอต เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนชายหาดริมทะเล 1 ใน 5 ของเกาะบาหลี เรียกได้ว่ายื่นลงไปในทะเลเลยทีเดียว สร้างโดยนักบวชฮินดู ชื่อว่า ดัง ฮยัง นิราร์ธา ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 เพื่ออุทิศแด่เทพเจ้าและปีศาจแห่งท้องทะเล ลักษณะการสร้างบนโขดหินคล้ายเกาะเล็ก ๆ เวลาน้ำขึ้น จึงดูเหมือนวัดอยู่กลางทะเล เวลาน้ำลง ผู้คนสามารถเดินข้ามทางเดินไปยังตัววัดได้ เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวบาหลีให้ความเคารพบูชาอย่างมาก หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศวักเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกลับ ใช้เวลาไม่มากนักเพราะกลัวจะกลับถึงมืดเกินไปไม่ชินเส้นทางด้วย ขากลับประมาณ 5 โมงเย็น บรรยากาศดีมาก ความสุขของผมก็ตอนนี้หละ ด้วยเป็นคนชอบขี่มอไซค์อยู่แล้วพอได้บรรยากาศข้างทางเต็มไปด้วยนาขั้นบันไดผนวกกับวิวภูเขาสวยๆก็ฟินไปเลยจร้า ก็เป็นอันว่าจบสำหรับรีวิววันแรกของบาหลี คนเดียวเที่ยวโคตรมัน รอบหน้าจะพาไปยังภูเขาไฟที่สวยมาก เดินทางไกลเป็นร้อยกิโลเมตร เส้นทางผ่านป่าเขา หนาวเหน็บ แต่คุ้มที่สุด ตอนต่อไปกับ หมู่บ้านคิตามณีและภูเขาไฟบลาสตู........ บ้ายๆๆ
อินโดนีเซีย......"บาหลีคนเดียวเที่ยวโคตรมัน" ตอนที่ 1 เฮ้ยยย...สตาร์บัค
อินโดนีเซีย......"บาหลีคนเดียวเที่ยวโคตรมัน" ตอนที่ 1 เฮ้ยยย...สตาร์บัค
หลังจากห่างหายไปนานมากกว่าจะหาอารมณ์ชิวๆในการเขียนก็ล่วงเลยมาหลายเดือนเลยทีเดียว หลังจากแบกเป้เดินทางคนเดียวไปลุยอินโดนีเซียระหว่างวันที่ 29 มิ
เริ่มกันที่วัน 2 กรกฏาคม ผมจองตั๋วล่วงหน้าสายการบินภายในประเทศคือ Citilink ขึ้นจากสนามบินสุราบายา ลง สนามบิน BALI / DENPASAR ด้วยราคา 800 บาท ก็ถือว่าไม่ถูกไม่แพง ก่อนที่จะขึ้นก็แอบคิดว่าเครื่องจะเป็นไงหวะเนี่ย กังวลนิดนึง แต่พอเจอสภาพเครื่องและได้ใช่บริการแล้วอยากบอกว่า ตรงเวลากว่าบางสายการบินในประเทศไทย 5555 บริการดี เครื่องดีและกัปตันขับดีเลยทีเดียว ในระหว่างอยู่บนเครื่องได้ที่นั่งติดกับ 2 วัยรุ่น(อายุประมาณ 25 ปี) ก็ไม่รุ่นแล้วหละ เป็นหนุ่มสาวชาวอินโด ก็เลยมีโอกาสได้ใช้สกิลภาษาอังกฤษสไตล์อานนท์คนใจถึง คือพูดไว้ก่อนถ้ามันฟังไม่รู้เรื่องก็เป็นปัญหาของมันละไม่ใช่เรา 555 ก็คุยกันหลายๆเรื่องสนุกไปอีกไม่เหงาตลอดการเดินทาง ผู้ชายเป็นครูสอนดำน้ำ ผู้หญิงสอนเต้น เออดี ตอนแรกถามว่าเป็นแฟนกันหรอ ทั่งคู่หัวเราะกากกกเลย แบบขำกันหนักมาก เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อรสนิทกัน (จริงๆพอเดาได้ เพราะผู้ชายดูเกย์)5555 เครื่องขึ้นตอน 7.55 น. ใช้เวลาไม่มากก็ถึงที่หมาย คือบาหลี เวลา 9.45 น ซึ่งเกือบจะไม่ได้มาตั้งแต่แรก เพราะก่อนที่จะมาเพียง 3 วัน ภูเขาไฟชื่ออากุง ซึ่งอยู่ในเขตบาหลีใกล้สนามบินเดนปาซา เกิดประทุขึ้นทำให้ปิดสนามบินไป 24 ชม. หลังจากถึงก็ออกจากสนามบินเลย คราวนี้ไม่พลาดเหมือยตอนขาลงที่สุราบายา เดินมุ่งตรงออกจากสนามบินไปเลยครับตามข้อมูลที่ได้มาจากการรีวิว ต้องออกไปขึ้นแท็กซี่สีน้ำเงินซึ่งจะวิ่งตามมิตเตอร์ เรียกว่า บลูเบิร์ด ขึ้นปุ๊บก็ส่งเอกสารเพื่อให้ดูที่พักที่เราจะไปให้คนขับ ให้ปุ้บแกเหลือบด้วยหางตายังไม่ทันหยิบไปดูเลยพี่แกก็รู้เลยว่าที่ไหน เพราะเป็น Hostel ยอดฮิตและอยู่ใจกลางเมืองบาหลีเลยทีเดียว ใช้เวลาแปบเดียวก็ถึงที่พัก ขออุทานหน่อย....อั้ยยะ.....สาวเพียบ นักท่องเที่ยวต่างชาติเพียบครับพี่น้อง โอ้โห มากันเป็นกลุ่ม แต่ที่แปลกคือ ไม่เจอนักท่องเที่ยวไทย ที่พักตลอด 3 คืนของผมคือ Cara Cara Inn อยู่ในเขต Kuta ซึ่งเป็นแหล่งชอปปิ้งของบาหลีเลยทีเดียว เปรียบได้กับพัทยาบ้านเรา ผมไปถึงที่พักเช้ามากยังไม่สามรถเช็คอินได้ แต่ไม่ใช่ปัญหาครับ ลงทะเบียนและฝากกระเป๋าไว้ก่อน และสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ...... เช่ารถมอเตอร์ไซค์ ติดต่อที่เค้าเตอร์ของที่พักเลยครับ เขาก็จะเรียกมอเตอร์ไซค์มาให้ในราคาที่ไม่แพงครับ วันละ 60000 รูเปียด แปลงเป็นเงินไทยก็ประมาณ 130 บาท ต่อวัน โดนไป 180000 รูเปียด เสี่ยนนท์พกเงินเป็นล้านฮะ 55555 ได้มอไซค์เสร็จก็นั่งซ้อนท้ายพี่เขาไปเลย เขาพาไปเติมน้ำมัน ตอนแรกก็หวั่นๆเรื่องเติมน้ำมันกลัวจะผิด แต่พอเอาเข้าจริงสบายมาก คือคนอินโดก็เหมือนคนไทย นิยมขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วยี่ห้อก็เหมือนๆบ้านเรา สบายๆๆๆๆ แถมน้ำมันยังโคตรถูก ย้ำ โคตรถูกๆๆๆๆๆๆๆ ส่งพี่เจ้าของรถลงเสร็จ คราวนี้ก็เราละ ฉายเดี่ยวหมื่นลี้(เถรป๋อกวง 555) พอขี่คนเดียวปัญหาเกิดเลยครับลองเดากันดู...............ว่าปัญหาอะไร.........ใครตอบถูกมีรางวัลให้..............หมดเวลา ปัญหาแรกคือ แล้วจะไปยังไงถูก 55555 ไม่มีแผนที่ลืมไปซื้อซิม เอ้า ดีนะจำทางกลับได้ ขี่คลำมาถึงแถวที่พัก ก็เจอกับห้างสรรพสินค้าไม่ใหญ่แต่คิดว่าน่าจะมี เดินเข้าไปไม่พูดพล่ามทำเพลงครับ..ถามสิครับ รออะไร เดินหาคงเจอพรุ่งนี้ ถามคนขายเสื้อผ้า มันก็ใจดีมาก พาเดินไปถึงร้านเลย ทั้งห้างมีร้านเดียวจริงๆ ร้านเล็กอยู่ชั้น 4 โอ้โห นี่ถ้าหาเองคงจะพรุ่งนี้ เปลี่ยนซิม เช็ตเครื่องอยู่ประมาณ 20 นาที ก็เรียบร้อยฮ่ะ ซิมอินโด พร้อมสัญญาณอินเตอร์เนต เพราะต้องเอามาเปิด GPS กว่าจะเรียบร้อยดูเวลาแล้วก็เกือบจะเที่ยง หิวดิครับ หาไรกินแถวนั้นไปก่อน เรียบร้อยแล้วก็พร้อมเดินทาง GPS มีแล้ว รถมอไซค์มีแล้ว หมวกกันน็อคพร้อม เอ้าไปสิครับรออัลไร แต่ ปัญหาที่สองตามมาติดๆเลยครับ 55555 ให้ทายรอบสอง....................ต๊อก ติ๊ก ต๊อก....... ปัญหาคือ แล้วจะดู GPS ยังไง ไม่มีที่ใส่โทรศัพท์หน้ารถ และ หูฟังไม่ได้เอามา 5555 เกือบเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่อินโด ไม่ใช่เพราะภูเขาไฟระเบิดฮะ แต่เพราะรถชนตาย ขี่มือเดียว อีกมือถือมือถือดู GPS และต้องคอยมองไม่งั้นหลง สภาพการขับขี่เหมือนประเทศไทยครับ นึกว่าขี่อยู่แถวชลบุรี 5555 เป้าหมายแรก วัดทานาล็อต (Tanah Lot) ห่างออกไปจากที่อยู่ประมาณ 70 กิโลเมตร ในแผนที่ขึ้นมาใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่ง เอาหละจัดไป มนต์เสห์ ของบาหลีคือ ระหว่างทางที่เต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจตลอด มีวัดเล็กๆเยอะมาก และสองข้างทางก็เป็นทุ่งนาขั้นบันได แต่ด้วยการขี่ที่ทำความเร็วได้ไม่มากนัก ประมาณ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งก็ทำให้ถึงที่หมายช้าไปอีก ความมันของการขี่รถมอไซค์มันไม่ใช่แค่การขี่ครับ แต่มันมีเรื่องที่ต้องลุ้นอยู่ 2 อย่าง ลองเดาดู 555(คนอ่านคงคิดว่าเมิงบอกมาเลยเหอะขี้เกียจเดา) 1. คือ น้ำมันจะหมดตอนไหน แล้วถ้าออกจากเมืองไปไกลๆจะมีปั้มไหม อันนี้มันดีลุ้นสนุก 2. อันนี้สิของจริง คือ แบตมือถือจะหมดครับพี่น้องบางคนสงสัยแบตหมดแล้วไง แบตหมดก็กลับไม่ได้ครับ 555 วันแรกเป็นอะไรที่เ-ี้ย มาก ขออภัย เพราะเราไม่ได้เตรียมตัวเรื่องนี้มา ขี่ไปเรื่อยๆได้ประมาณครึ่งทางแบตเหลือ 10 เปอร์เซน เอาแล้ววววทำไงละคราบๆๆๆๆๆ ตอนนั้นคิดว่าต้องหาร้านอาหารสักที่เพื่อชาดแบต เพราะกระเป๋าที่แบกมาด้วยมีพร้อม คือ ที่ชาดแบต(ดันติดมา) และกล้องถ่ายรูป และที่สำคัญดวงยังดีคือ ในเป้มีปลักแปลงมาด้วย โอ้โห ดวงดีไปอีก ขี่ไปเรื่อยๆ เหมือนสวรรคฺยังรักอานนท์ เจอร้านที่ไม่คิดว่าจะเจอในชนบทแบบนั้นให้ทาย 55555 บอกเลยละกัน Starbuck ครับพี่น้อง โอ้โห เลี่ยวเลยครับ ฟินเลยๆๆๆๆ นั่งยาวๆๆๆไปเกือบชั่วโมง ไม่ได้เสียเวลากับการขี่รถหรอกเสียเวลาชาดแบตนี่หละ สั่งกาแฟนั่งชาดแบตฟินไป ดีด้วยได้พัก เพราะอากาศร้อนมาก เสร็จเรียบร้อยก็เดินทางต่อด้วยควาสบายใจ คราวนี้ไปไหนก็ได้หละ เรื่อยๆๆไปเลย ขี่อีกสักพักก็ถึงที่หมายคือ วัด วัดทานาล็อต (Tanah Lot) วัดทานาห์ลอต เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนชายหาดริมทะเล 1 ใน 5 ของเกาะบาหลี เรียกได้ว่ายื่นลงไปในทะเลเลยทีเดียว สร้างโดยนักบวชฮินดู ชื่อว่า ดัง ฮยัง นิราร์ธา ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 เพื่ออุทิศแด่เทพเจ้าและปีศาจแห่งท้องทะเล ลักษณะการสร้างบนโขดหินคล้ายเกาะเล็ก ๆ เวลาน้ำขึ้น จึงดูเหมือนวัดอยู่กลางทะเล เวลาน้ำลง ผู้คนสามารถเดินข้ามทางเดินไปยังตัววัดได้ เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวบาหลีให้ความเคารพบูชาอย่างมาก หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศวักเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกลับ ใช้เวลาไม่มากนักเพราะกลัวจะกลับถึงมืดเกินไปไม่ชินเส้นทางด้วย ขากลับประมาณ 5 โมงเย็น บรรยากาศดีมาก ความสุขของผมก็ตอนนี้หละ ด้วยเป็นคนชอบขี่มอไซค์อยู่แล้วพอได้บรรยากาศข้างทางเต็มไปด้วยนาขั้นบันไดผนวกกับวิวภูเขาสวยๆก็ฟินไปเลยจร้า ก็เป็นอันว่าจบสำหรับรีวิววันแรกของบาหลี คนเดียวเที่ยวโคตรมัน รอบหน้าจะพาไปยังภูเขาไฟที่สวยมาก เดินทางไกลเป็นร้อยกิโลเมตร เส้นทางผ่านป่าเขา หนาวเหน็บ แต่คุ้มที่สุด ตอนต่อไปกับ หมู่บ้านคิตามณีและภูเขาไฟบลาสตู........ บ้ายๆๆ