- ผลงาน Thriller เรื่องใหม่ในรอบ 3 ปีของ Karyn Kusama นับตั้งแต่ The Invitation (ใครยังไม่เคยดู ต้องดูเลยนะ สุดยอดมาก) ซึ่งคราวนี้จับเอา Nicole Kidman มาแปลงโฉมเป็นนักสืบสภาพปางตาย
- เป็นอีก 1 เรื่องที่อยากดูมากๆ ติดตามมาตั้งแต่ตอน Premiere ที่ TIFF18 เหตุผลที่อยากดูมากๆ เพราะดูเป็นหนัง Crime Thriller ที่สมจริงเถื่อนๆ แต่ผลลัพธ์กลับเป็นอะไรที่น่าผิดหวัง ดูจบแล้วได้แต่งงว่าทำไม Karyn ถึงเลือกกำกับเรื่องนี้
- ตัวหนังจะมี 3 Storyline ซึ่งคือ 1.การตามหาหัวหน้าแก๊งที่นางเอกเคยไปแฝงตัว (ปัจจุบัน) 2.ความสัมพันธ์ของนางเอกและลูกสาว (ปัจจุบัน) 3. ช่วงเวลาที่นางเอกแฝงตัวอยู่ในแก๊ง (อดีต) ซึ่งในพาร์ทที่ 1 ที่เป็นการตามสืบหาตัวร้าย ดำเนินเรื่องได้แบบเรื่อยมากกกก มันดูเนิบ ไม่มีอะไรลึกลับหรือน่าค้นหาเลย จริงๆก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่พอตัดไป Storyline ที่ 2-3 บ่อยๆ มันทำให้น่าเบื่อมากๆทันที หนังยาว 2 ชม. แต่ดูแล้วนานเหมือน 2 ชม.ครึ่ง
- สิ่งเดียวที่ทำให้เรื่องนี้ พอจะมีความ "ระทึก" อยู่บ้าง ไม่ใช่การตัดต่อ บท หรือการกำกับ แต่กลับเป็นสกอร์ของ Theodore Shapiro ล้วนๆ (A Simple Favor, Jennifer's Body) ซึ่งแทบจะเป็นจุดที่ดีที่สุดของ Destroyer เลย ทั้งเพิ่มความระทึก และยกระดับซีนดราม่าให้งดงามมาก
- ในส่วนการแสดงของ Nicole Kidman ซึ่งเธอได้เข้าชิง Best Actress ใน Golden Globes ครั้งล่าสุด ตอนดูช่วงแรกๆ รู้สึกว่าก็ไม่เห็นดีเลย งงว่าทำไมคนชม แต่พอดูไปเรื่อยๆ ได้เห็นว่านางเอกต้องเจอกับอะไรบ้าง ก็แบบ เออ ยอมแล้ว เล่นดีจริงแม่
- แต่กับดาราสมทบคนอื่น ๆ ทั้ง Sebastian Stan (Captain America), Tatiana Maslany (Orphan Black) และ Toby Kebbell (Fantastic Four) ใช้ได้ไม่คุ้มสักคน ชนิดที่ว่าเอาใครมาเล่นก็ได้ ใครตั้งใจดูเรื่องนี้เพราะ Sebastian น่าจะผิดหวัง เพราะบทไม่มีอะไรเลย
- จุดนึงที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ "ลุค" ของนิโคล เห็นจากตย.ทุกคนคงคิดว่า แค่แต่งให้ดูแก่ดูโทรมเฉยๆ แต่จริงๆมันไม่ใช่แค่ภายนอก แต่ตัวละครนางเอกคือแก่จริงๆ เวลาวิ่งไล่คนร้ายก็แทบไม่ทัน หอบหนัก โดนเตะหรือต่อยทีก็แทบจะลุกไม่ไหวแล้ว จุดนี้เป็นจุดที่ชอบมาก เพราะจะมีสักกี่เรื่องที่จะได้เห็นตัวละครเอกแทบไม่มีแรงสู้ใครขนาดนี้
พูดมาทั้งหมด อาจจะดูเหมือนหนังแย่มากกกก คือมันไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ ไม่แปลกใจที่ไทยจะไม่ซื้อเข้ามา เพราะมันคงไม่ถูกใจคนทั่วไป
Destroyer (2018) - ⭐⭐ [Nicole Kidman ในบทที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน]
- ผลงาน Thriller เรื่องใหม่ในรอบ 3 ปีของ Karyn Kusama นับตั้งแต่ The Invitation (ใครยังไม่เคยดู ต้องดูเลยนะ สุดยอดมาก) ซึ่งคราวนี้จับเอา Nicole Kidman มาแปลงโฉมเป็นนักสืบสภาพปางตาย
- เป็นอีก 1 เรื่องที่อยากดูมากๆ ติดตามมาตั้งแต่ตอน Premiere ที่ TIFF18 เหตุผลที่อยากดูมากๆ เพราะดูเป็นหนัง Crime Thriller ที่สมจริงเถื่อนๆ แต่ผลลัพธ์กลับเป็นอะไรที่น่าผิดหวัง ดูจบแล้วได้แต่งงว่าทำไม Karyn ถึงเลือกกำกับเรื่องนี้
- ตัวหนังจะมี 3 Storyline ซึ่งคือ 1.การตามหาหัวหน้าแก๊งที่นางเอกเคยไปแฝงตัว (ปัจจุบัน) 2.ความสัมพันธ์ของนางเอกและลูกสาว (ปัจจุบัน) 3. ช่วงเวลาที่นางเอกแฝงตัวอยู่ในแก๊ง (อดีต) ซึ่งในพาร์ทที่ 1 ที่เป็นการตามสืบหาตัวร้าย ดำเนินเรื่องได้แบบเรื่อยมากกกก มันดูเนิบ ไม่มีอะไรลึกลับหรือน่าค้นหาเลย จริงๆก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่พอตัดไป Storyline ที่ 2-3 บ่อยๆ มันทำให้น่าเบื่อมากๆทันที หนังยาว 2 ชม. แต่ดูแล้วนานเหมือน 2 ชม.ครึ่ง
- สิ่งเดียวที่ทำให้เรื่องนี้ พอจะมีความ "ระทึก" อยู่บ้าง ไม่ใช่การตัดต่อ บท หรือการกำกับ แต่กลับเป็นสกอร์ของ Theodore Shapiro ล้วนๆ (A Simple Favor, Jennifer's Body) ซึ่งแทบจะเป็นจุดที่ดีที่สุดของ Destroyer เลย ทั้งเพิ่มความระทึก และยกระดับซีนดราม่าให้งดงามมาก
- ในส่วนการแสดงของ Nicole Kidman ซึ่งเธอได้เข้าชิง Best Actress ใน Golden Globes ครั้งล่าสุด ตอนดูช่วงแรกๆ รู้สึกว่าก็ไม่เห็นดีเลย งงว่าทำไมคนชม แต่พอดูไปเรื่อยๆ ได้เห็นว่านางเอกต้องเจอกับอะไรบ้าง ก็แบบ เออ ยอมแล้ว เล่นดีจริงแม่
- แต่กับดาราสมทบคนอื่น ๆ ทั้ง Sebastian Stan (Captain America), Tatiana Maslany (Orphan Black) และ Toby Kebbell (Fantastic Four) ใช้ได้ไม่คุ้มสักคน ชนิดที่ว่าเอาใครมาเล่นก็ได้ ใครตั้งใจดูเรื่องนี้เพราะ Sebastian น่าจะผิดหวัง เพราะบทไม่มีอะไรเลย
- จุดนึงที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ "ลุค" ของนิโคล เห็นจากตย.ทุกคนคงคิดว่า แค่แต่งให้ดูแก่ดูโทรมเฉยๆ แต่จริงๆมันไม่ใช่แค่ภายนอก แต่ตัวละครนางเอกคือแก่จริงๆ เวลาวิ่งไล่คนร้ายก็แทบไม่ทัน หอบหนัก โดนเตะหรือต่อยทีก็แทบจะลุกไม่ไหวแล้ว จุดนี้เป็นจุดที่ชอบมาก เพราะจะมีสักกี่เรื่องที่จะได้เห็นตัวละครเอกแทบไม่มีแรงสู้ใครขนาดนี้