ตัวตน… (Original 29-10-2007 อ้างอิงจากวันที่เซฟไฟล์)
...ตื่นนอนตอนเช้า...
เดินลงชั้นล่างเสียบปลั๊กไฟกระติกน้ำร้อน ก่อนจะเดินกลับไปอาบน้ำที่ชั้นบน
ส่องกระจกดูความเรียบร้อยของสภาพร่างกาย ผมเผ้า และใบหน้า
ออกจากห้องน้ำ น้ำในกระติกน้ำร้อนก็เดือดพอดี
นั่งดูข่าวหน้าโทรทัศน์ และจิบกาแฟหอมกรุ่นที่เพิ่งชงใหม่ๆ
แต่งตัวหลังจากกาแฟหมดแก้ว และเริ่มต้นเดินทางไปทำงาน
เดินทางกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยรถโดยสารหลายต่อหลายต่อ
ทำงานซ้ำๆ ซากๆ ในสถานที่เดิมๆ รอเวลาให้เข็มสั้นชี้ที่เลขห้าและเข็มยาวชี้ที่เลขสิบสอง
เดินทางกลับบ้านด้วยวิธีเดิมเช่นเดียวกับเมื่อเช้า ต่างกันที่ความอ่อนล้าและเหนื่อยหน่าย
ดูโทรทัศน์ อาบน้ำแปรงฟัน และเข้านอน
เพื่อที่จะตื่นในวันรุ่งขึ้นและทำแบบเดิม...
วัฏจักรซ้ำๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตลอดระยะเวลาหลายปี
บ่อยครั้ง...ผมเคยถามตัวเอง
...ผมทำอย่างนั้นทำไม...
...นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่...
ทำไมผมต้องใช้ชีวิตที่ยุ่งยากและซ้ำซากจนน่าเบื่อหน่ายขนาดนี้ด้วย
ทำไมผมต้องตั้งเงื่อนไขกฎเกณฑ์ซับซ้อนในการดำเนินชีวิต
...ทั้งๆ ที่การดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายก็อาจจะเพียงพอแล้วแท้ๆ...
ทำไมผมต้องดิ้นรนถีบตัวเองให้สูงขึ้นและขวยขวายสิ่งต่างๆ ให้ได้มากขึ้น
...ทั้งๆ ที่การค่อยๆ เดินด้วยเท้าติดดินก็น่าจะมั่นคงและสบายดีกว่าแท้ๆ สิ่งที่มีอยู่ในเวลานี้ก็เพียงพอแก่การดำรงชีวิตอยู่แล้ว...
บ่อยครั้ง...ในขณะที่ผมนั่งรถโดยสารไปทำงานในตอนเช้า...ผมเหม่อมองผู้คนขวักไขว่รอบตัว
...เขาจะมีความคิดเหมือนเราไหมนะ...
...คนที่เดินสวนทางผ่านเราไป คนที่รอรถประจำทางที่ป้ายรอรถป้ายเดิมเป็นประจำทุกเช้า คนที่นั่งรถโดยสารอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรา...
...ทั้งๆ ที่ได้พบเจอกันอยู่เกือบทุกวัน แต่ทำไมเราถึงไม่รู้จักกัน ไม่เคยได้พูดคุยกัน...
...การที่ใครเข้าไปทักทายใครที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนโดยไม่มีสาเหตุอาจจะเป็นเรื่องแปลกในสังคมสมัยนี้...
...เพียงแค่มองหน้าหรือสบตากันเพียงแวบหนึ่ง และต่างคนต่างหันหน้ากันไปคนละทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
คนเหล่านั้นจะคิดเหมือนผมไหมนะ
...เขารู้สึกอย่างไรเวลาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและมองมาที่ผมหรือใครต่อใครบนรถ...
...ในขณะที่ผมนั่งรถโดยสารและมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง คนอื่นๆ ที่ทำกิจกรรมอย่างอื่นอยู่เขามีความรู้สึกอย่างไรกันนะ...
บ่อยครั้ง...ที่ผมมองตัวเองในกระจก...คำถามผุดขึ้นมาในใจ
...คนแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าเราเป็นใคร...
...คนที่มองจ้องกลับมาด้วยแววตาหม่นหมอง สีหน้าอมทุกข์...
...กาลเวลาพัดพาความสุข ความร่าเริง ให้หมดไปจากใบหน้าและดวงตาของเขา...
...คนที่อยู่ในกระจกคนนั้น...ใช่ตัวตนของผมแน่หรือ...
...กระจกเงาบานนั้น...สะท้อนตัวตนของผมอยู่อย่างนั้นหรือ...
หรือ...ที่ผมเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้...ทำอยู่อย่างทุกวันนี้
...การดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ...ด้วยวิธีเดิมๆ...ทำงานเดิมๆ...สถานที่เดิมๆ...พบปะพูดคุยกับคนเดิมๆ...ด้วยถ้อยคำเดิมๆ...
...เพียงแค่เพราะ...มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมยังคงมีตัวตน...มันเป็นเครื่องยืนยันถึงการมีตัวตนของผม...อย่างน้อยก็กับคนคุ้นเคยเหล่านั้น...
...ท่ามกลางสังคมปัจจุบันที่สับสนวุ่นวายและเร่งรีบเหมือนผู้คนแย่งกันอยู่แย่งกันใช้...
...กระแสลมแห่งกาลเวลาพัดผ่านไปเร็วจนไม่มีใครคิดแม้แต่จะเหลียวมองใคร...
...ผมกลัว...กลัวที่จะถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลังเพียงลำพัง...
...ผมกลัวที่จะถูกกระแสลมแรงแห่งกาลเวลาพัดพาตัวตนจนหายลับไปจากความทรงจำของใครต่อใคร...
ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า...
การที่เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ เกิดจากแสงตกกระทบสิ่งนั้นๆ และสะท้อนมายังตาของเรา
เราเห็นร่างกายของเรา...ใบหน้าของเรา...ทั้งจากการมองโดยตรงและจากกระจกเงาด้วยหลักการเดียวกัน
...แต่ทำไม...
บางเวลาที่ผมหลับ...ผมยังคงเห็นภาพต่างๆ ได้อยู่...ในโลกที่ไม่ต้องอาศัยแสงในการมองเห็น...
...ในนั้น...ผมจะไปที่ไหนก็ได้...เป็นอะไรก็ได้...ทำอะไรก็ได้...รอยยิ้มที่ร่าเริง...ความสนุกสนาน...ช่วงเวลาแห่งความสุข...สถานที่ซึ่งกาลเวลาหยุดนิ่งตราบเท่าที่เราอยากให้มันเป็น...
บ่อยครั้ง...ผมถามตัวเองในใจ...ตัวตนที่แท้จริงของผมอยู่ที่ไหน
...โลกที่ใช้แสงในการยืนยันตัวตน...หรือโลกไร้แสงซึ่งอยู่ลึกลงไปกันแน่...
ตัวตน (Original 29-10-2007)
...ตื่นนอนตอนเช้า...
เดินลงชั้นล่างเสียบปลั๊กไฟกระติกน้ำร้อน ก่อนจะเดินกลับไปอาบน้ำที่ชั้นบน
ส่องกระจกดูความเรียบร้อยของสภาพร่างกาย ผมเผ้า และใบหน้า
ออกจากห้องน้ำ น้ำในกระติกน้ำร้อนก็เดือดพอดี
นั่งดูข่าวหน้าโทรทัศน์ และจิบกาแฟหอมกรุ่นที่เพิ่งชงใหม่ๆ
แต่งตัวหลังจากกาแฟหมดแก้ว และเริ่มต้นเดินทางไปทำงาน
เดินทางกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยรถโดยสารหลายต่อหลายต่อ
ทำงานซ้ำๆ ซากๆ ในสถานที่เดิมๆ รอเวลาให้เข็มสั้นชี้ที่เลขห้าและเข็มยาวชี้ที่เลขสิบสอง
เดินทางกลับบ้านด้วยวิธีเดิมเช่นเดียวกับเมื่อเช้า ต่างกันที่ความอ่อนล้าและเหนื่อยหน่าย
ดูโทรทัศน์ อาบน้ำแปรงฟัน และเข้านอน
เพื่อที่จะตื่นในวันรุ่งขึ้นและทำแบบเดิม...
วัฏจักรซ้ำๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตลอดระยะเวลาหลายปี
บ่อยครั้ง...ผมเคยถามตัวเอง
...ผมทำอย่างนั้นทำไม...
...นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่...
ทำไมผมต้องใช้ชีวิตที่ยุ่งยากและซ้ำซากจนน่าเบื่อหน่ายขนาดนี้ด้วย
ทำไมผมต้องตั้งเงื่อนไขกฎเกณฑ์ซับซ้อนในการดำเนินชีวิต
...ทั้งๆ ที่การดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายก็อาจจะเพียงพอแล้วแท้ๆ...
ทำไมผมต้องดิ้นรนถีบตัวเองให้สูงขึ้นและขวยขวายสิ่งต่างๆ ให้ได้มากขึ้น
...ทั้งๆ ที่การค่อยๆ เดินด้วยเท้าติดดินก็น่าจะมั่นคงและสบายดีกว่าแท้ๆ สิ่งที่มีอยู่ในเวลานี้ก็เพียงพอแก่การดำรงชีวิตอยู่แล้ว...
บ่อยครั้ง...ในขณะที่ผมนั่งรถโดยสารไปทำงานในตอนเช้า...ผมเหม่อมองผู้คนขวักไขว่รอบตัว
...เขาจะมีความคิดเหมือนเราไหมนะ...
...คนที่เดินสวนทางผ่านเราไป คนที่รอรถประจำทางที่ป้ายรอรถป้ายเดิมเป็นประจำทุกเช้า คนที่นั่งรถโดยสารอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรา...
...ทั้งๆ ที่ได้พบเจอกันอยู่เกือบทุกวัน แต่ทำไมเราถึงไม่รู้จักกัน ไม่เคยได้พูดคุยกัน...
...การที่ใครเข้าไปทักทายใครที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนโดยไม่มีสาเหตุอาจจะเป็นเรื่องแปลกในสังคมสมัยนี้...
...เพียงแค่มองหน้าหรือสบตากันเพียงแวบหนึ่ง และต่างคนต่างหันหน้ากันไปคนละทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
คนเหล่านั้นจะคิดเหมือนผมไหมนะ
...เขารู้สึกอย่างไรเวลาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและมองมาที่ผมหรือใครต่อใครบนรถ...
...ในขณะที่ผมนั่งรถโดยสารและมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง คนอื่นๆ ที่ทำกิจกรรมอย่างอื่นอยู่เขามีความรู้สึกอย่างไรกันนะ...
บ่อยครั้ง...ที่ผมมองตัวเองในกระจก...คำถามผุดขึ้นมาในใจ
...คนแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าเราเป็นใคร...
...คนที่มองจ้องกลับมาด้วยแววตาหม่นหมอง สีหน้าอมทุกข์...
...กาลเวลาพัดพาความสุข ความร่าเริง ให้หมดไปจากใบหน้าและดวงตาของเขา...
...คนที่อยู่ในกระจกคนนั้น...ใช่ตัวตนของผมแน่หรือ...
...กระจกเงาบานนั้น...สะท้อนตัวตนของผมอยู่อย่างนั้นหรือ...
หรือ...ที่ผมเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้...ทำอยู่อย่างทุกวันนี้
...การดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ...ด้วยวิธีเดิมๆ...ทำงานเดิมๆ...สถานที่เดิมๆ...พบปะพูดคุยกับคนเดิมๆ...ด้วยถ้อยคำเดิมๆ...
...เพียงแค่เพราะ...มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมยังคงมีตัวตน...มันเป็นเครื่องยืนยันถึงการมีตัวตนของผม...อย่างน้อยก็กับคนคุ้นเคยเหล่านั้น...
...ท่ามกลางสังคมปัจจุบันที่สับสนวุ่นวายและเร่งรีบเหมือนผู้คนแย่งกันอยู่แย่งกันใช้...
...กระแสลมแห่งกาลเวลาพัดผ่านไปเร็วจนไม่มีใครคิดแม้แต่จะเหลียวมองใคร...
...ผมกลัว...กลัวที่จะถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลังเพียงลำพัง...
...ผมกลัวที่จะถูกกระแสลมแรงแห่งกาลเวลาพัดพาตัวตนจนหายลับไปจากความทรงจำของใครต่อใคร...
ใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่า...
การที่เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ เกิดจากแสงตกกระทบสิ่งนั้นๆ และสะท้อนมายังตาของเรา
เราเห็นร่างกายของเรา...ใบหน้าของเรา...ทั้งจากการมองโดยตรงและจากกระจกเงาด้วยหลักการเดียวกัน
...แต่ทำไม...
บางเวลาที่ผมหลับ...ผมยังคงเห็นภาพต่างๆ ได้อยู่...ในโลกที่ไม่ต้องอาศัยแสงในการมองเห็น...
...ในนั้น...ผมจะไปที่ไหนก็ได้...เป็นอะไรก็ได้...ทำอะไรก็ได้...รอยยิ้มที่ร่าเริง...ความสนุกสนาน...ช่วงเวลาแห่งความสุข...สถานที่ซึ่งกาลเวลาหยุดนิ่งตราบเท่าที่เราอยากให้มันเป็น...
บ่อยครั้ง...ผมถามตัวเองในใจ...ตัวตนที่แท้จริงของผมอยู่ที่ไหน
...โลกที่ใช้แสงในการยืนยันตัวตน...หรือโลกไร้แสงซึ่งอยู่ลึกลงไปกันแน่...